บทที่ 50 กับดัก

อาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะถูกนำไปห่ออย่างรวดเร็วเมื่อ อวี้ฮ่าวหราน จ่ายเงินเสร็จ

ในระหว่างที่อวี้ฮ่าวหรานและสวีรุ่ยออกจากร้าน สาวเสิร์ฟที่เพิ่งโดนไล่ออกก็เดินเข้ามาอ้อนวอนให้ อวี้ฮ่าวหราน เห็นใจไม่เอาเรื่องกับเธอ

การที่เธอเสียงานนี้ไปมันไม่ต่างอะไรกับฟ้าถล่มใส่เธอเลย

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหราน ไม่ได้สนใจอะไรสาวเสิร์ฟคนนั้น และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ผูกใจเจ็บแต่เขาก็คิดว่าทุกคนควรได้รับผลกรรมที่ตัวก่อไว้ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปอย่างไม่แยแส

หลังจากออกจากร้าน อวี้ฮ่าวหรานขับรถพาสวีรุ่ยไปส่งที่บ้าน ซึ่งในระหว่างทางอวี้ฮ่าวหรานก็อธิบายอาการของถวนถวน ตอนนี้ให้สวีรุ่ยฟัง

เมื่อได้ยินว่าเด็กน้อยไม่เป็นอะไรมาก สวีรุ่ย จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่แล้วหลังจากที่อวี้ฮ่าวหราน ส่งสวีรุ่ยเข้าบ้านเสร็จ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังเฝ้ามองเขาอยู่!

มันน่าจะเป็นไอ้พวกเดิมแน่ ๆ !

อวี้ฮ่าวหราน ไม่ต้องการให้รถของเขาพังอีกรอบ ดังนั้นเขาจึงยังไม่เดินไปขึ้นรถ เขาเดินเลียบฟุตบาทไปเรื่อยและเมื่อเห็นซอยเปลี่ยวเขาจึงเดินหักมุมเลี้ยวเข้าไปในทันทีอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าคนที่ตาม อวี้ฮ่าวหราน อยู่ก็รีบเดินเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยวตามอวี้ฮ่าวหรานไปเช่นกันแต่ในทันทีที่เขาเดินเลี้ยวเข้าไปในซอย เขาก็พบว่า จู่ ๆ มือข้างหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจับคอเขาเอาไว้!

แต่การจับครั้งนี้ไม่ราบรื่นเหมือนที่ผ่านมา ๆ เพราะชายปริศนากลับสามารถบิดตัวหลบได้ในองศาที่แปลกประหลาดซึ่งทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

ชายปริศนาเมื่อหลบจากมือของ อวี้ฮ่าวหราน ได้แล้วเขาก็หันหลังและรีบวิ่งหนีไปด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์

อวี้ฮ่าวหราน ขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเช่นนี้ เขารีบวิ่งตามไปทันที ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเองในเวลานี้ อวี้ฮ่าวหราน มั่นใจว่าต่อให้ฝั่งตรงข้ามจะขุดหลุมพรางเขาเอาไว้ เขาก็สามารถจัดการกับคนพวกนี้ได้ง่าย ๆ เหมือนเดิม

หลังจากไล่ตามกันไปพักใหญ่ อวี้ฮ่าวหราน ก็รู้สึกว่าคนที่เขากำลังไล่ตามอยู่นั้นไม่ได้มีความคิดที่จะหนีจริง ๆ ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามจงใจล่อเขาไปที่ไหนสักที่ ซึ่งมันทำให้ อวี้ฮ่าวหราน ยิ่งรู้สึกเบิกบานและตัดสินใจไล่ตามไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เร่งความเร็วฝีเท้าของเขาเพิ่มขึ้น

ดี! ล่อให้ฉันไปเจอกับพวกของแกเยอะ ๆ ฉันจะได้คิดบัญชีกับพวกแกแบบรวบยอดไปเลย!

ไม่นานต่อมา อวี้ฮ่าวหราน ก็ถูกล่อให้ไปถึงบริเวณโรงเรียนร้างที่ไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว ชายปริศนาคนนั้นหยุดยืนอยู่กลางสนามด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า

“ฮ่าฮ่า แกนี่มันโง่จริง ๆ ที่ตามฉันมาถึงที่นี่!”

เมื่อชายปริศนาพูดจบ กลุ่มคนในชุดดำ 12 คนก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากที่ซ่อนล้อม อวี้ฮ่าวหราน เอาไว้ทุกทิศทาง ในมือของพวกเขาทุกคนต่างถือหน้าไม้ยักษ์ที่ใหญ่กว่าปกติ 2 เท่ามาด้วย

อวี้ฮ่าวหราน มองไปที่กลุ่มคนที่ล้อมเขาอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ต่างกับที่เขาคิดสักเท่าไหร่อยู่แล้ว

ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริงหลุมพรางพวกนี้มันเป็นเรื่องไร้สาระ!

“ฮึ่ม! นึกว่าจะยากกว่านี้ ที่แท้ก็แค่ไอ้โง่คนหนึ่ง องค์กรคิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งพวกเรามากันเยอะขนาดนี้?”

บรรดานักฆ่าต่างแสดงสีหน้าดูถูก อวี้ฮ่าวหราน พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าคนโง่ ๆ แบบนี้กล้ามาหาเรื่ององค์กรของพวกเขาได้ยังไง?

จากนั้นต่อมาพวกเขาก็เริ่มการโจมตีทันที!

พวกเขาทุกคนต่างยกหน้าไม้ยักษ์ที่ลูกศรของมันหนาถึง 2 นิ้ว ขึ้นมาเล็งใส่ อวี้ฮ่าวหราน และเหนี่ยวไกทันทีและพร้อมกันนั้นพื้นดินที่อวี้ฮ่าวหรานยืนอยู่ จู่ ๆ มันกลับอ่อนยวบดูดเท้าเขาลงไปทั้งเท้า!

มันเป็นการจัดวางพื้นที่สังหารที่สมบูรณ์แบบ!

ด้วยความรุนแรงของหน้าไม้ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษและการตรึงร่างเหยื่ออย่างฉับพลันในวินาทีที่โจมตี มันไม่มีทางที่ใครจะรอดจากการโจมตีนี้ไปได้!

ไอ้โง่เอ๊ย!! เอ็งตายแน่!!

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหราน ยังคงแสดงสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์เป็นตายแบบนี้

จะฆ่าเขาด้วยของแค่นี้เนี่ยนะ?

มดแมลงนี่มันไม่รู้อะไรเลยว่าท้องฟ้านั้นสูงแค่ไหน!

อวี้ฮ่าวหราน โคจรพลังวิญญาณของตัวเองลงไปที่เท้าและกระทืบอย่างแรงทันทีส่งผลให้หน้าดินที่อ่อนยวบระเบิดออกจนฝุ่งฟุ้งตลบไปหมดซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่บรรดาลูกศรพุ่งเข้าไปถึงตัวของอวี้ฮ่าวหราน

“ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!!”

ด้วยฝุ่นที่ฟุ้งจนทำให้มองอะไรไม่เห็น พวกนักฆ่าจึงได้ยินแค่เสียงของลูกศรที่พุ่งกระกระทบเป้าหมาย

“น่าเบื่อมากเลย ฉันก็นึกว่าเป้าหมายรอบนี้จะน่าตื่นเต้นกว่านี้ซะอีก”

ชายคนที่ล่อ อวี้ฮ่าวหราน มาที่นี่เอ่ยขึ้นและเมื่อดูจากการวางมาดของเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าในรอบนี้

ตอนนี้เขาเข้าใจว่า อวี้ฮ่าวหราน น่าจะตายไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมันไม่มีใครที่จะรอดจากการวางกับดักอันสมบูรณ์แบบขนาดนั้นได้จริงไหม?

แต่แล้วในขณะที่บรรดานักฆ่ากำลังดีใจกันอยู่ จู่ ๆ น้ำเสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้นด้านในกลุ่มฝุ่นที่กำลังฟุ้ง

“มดแมลงอย่างพวกแกคงทำได้แค่นี้สินะ?”

ประโยคนี้มันทำให้พวกนักฆ่าหนาวสันหลังทันที

จากนั้นวินาทีต่อมาเงาร่างมนุษย์ก็พุ่งออกมาจากกลุ่มฝุ่นด้วยความเร็วที่เกินบรรยาย!

“โผล๊ะ โผล๊ะ โผล๊ะ!!”

เสียงหมัดปะทะกะโหลกมนุษย์จนศีรษะระเบิดดังขึ้นติด ๆ กันอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนแม้แต่พวกนักฆ่ายังไม่ทันได้ขยับตัวเลยสักนิด!

แค่เพียงชั่วพริบตา กลุ่มนักฆ่าที่มีกัน 12 คน ตอนนี้เหลืออยู่เพียง 6 คนรวม หัวหน้ากลุ่มด้วย

ในทางกลับกัน ทางด้านของ อวี้ฮ่าวหราน ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด แม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็ไม่มีร่องรอยความเสียหายใด ๆ เลย

“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”

บรรดากลุ่มนักฆ่าที่เมื่อครู่ต่างแสดงสีหน้าดูถูกอวี้ฮ่าวหรานตอนนี้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

กับดักนั่นทำอะไรฝั่งตรงข้ามไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!

นี่เป้าหมายของพวกเขายังเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่า?

นี่สินะที่เป็นเหตุผลทำไมองค์กรถึงส่งพวกเขามาถึง 12 คน

ตอนนี้บรรดานักฆ่าเข้าใจแล้วว่าแท้จริงแล้วฝั่งตรงข้ามไม่ได้โง่ที่ตามมาถึงที่นี่ แต่มันเป็นเพราะฝั่งตรงข้ามมั่นใจมากว่าจะจัดการ พวกเขาได้แน่นอนต่อให้พวกเขาจะวางกับดักเอาไว้แค่ไหนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่ายังคงไม่ได้แตกตื่นเหมือนกับบรรดาลูกน้องของเขา

“ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! มิน่าล่ะแกถึงไม่ลังเลเลยที่ตามฉันมาถึงที่นี่”

หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับพยักหน้าชื่นชม อวี้ฮ่าวหราน แต่วินาทีต่อมาแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุดัน

“แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแกก็ต้องตายที่นี่วันนี้! การที่แกบังอาจเป็นศัตรูกับองค์กรของเรามันมีทางเลือกให้แกเพียงอย่างเดียวก็คือตาย!”

หลังจากพูดจบ หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าโบกมือสั่งลูกน้องตัวเองให้โจมตี อวี้ฮ่าวหราน ทันทีส่วนตัวเขาเองก็ควักมีดออกมาและพุ่งตามหลังลูกน้องตัวเองไปราวกับเงา!

อวี้ฮ่าวหราน หัวเราะในลำคอให้กับความพยายามอันไร้ประโยชน์ของฝั่งตรงข้ามก่อนที่จะพุ่งตัวสวนกลุ่มนักฆ่าที่โถมเข้ามาหา

“พลั่ก กร๊อบ อ๊าก!!”

แค่เพียงชั่วพริบตา ร่างของบรรดานักฆ่าทั้งหลายก็นอนกองที่พื้นด้วยสภาพกะโหลกละเอียด