บทที่ 51 องค์กรอสรพิษ

หลังจากสังหารบรรดานักฆ่าไปจนหมดเหลือเอาไว้แต่คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม อวี้ฮ่าวหรานพลันเหวี่ยงหมัดอัดสวนไปที่มีดของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าที่ยังเหลืออยู่แบบตรง ๆ

“เคร้ง!”

เสียงหมัดและมีดปะทะกันดังก้อง แต่เสียงปะทะนี้ทำให้หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าใจหายวาบ

ทำไมเสียงปะทะมันถึงเป็นแบบนี้ หมัดของไอ้หมอนี่มันทำจากเหล็กหรือไงกัน?

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเดาได้แล้วว่าแท้จริงแล้ว ร่างของอวี้ฮ่าวหรานนั้นแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรจากแร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้!

แรงปะทะทำให้ร่างของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่ากระเด็นถอยไปไกลหลายเมตร ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็รีบพุ่งตามไปในทันทีหวังจะคว้าคอฝั่งตรงข้ามให้ได้ แต่แล้วภาพที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก จู่ ๆ ร่างของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่ากลับบิดงอได้อย่างพิสดารหลบมือของอวี้ฮ่าวหรานได้อีกครั้ง

อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจความสามารถพิเศษของคนธรรมดา ผู้นี้

แต่มันก็เท่านั้น สำหรับเขามันไม่ต่างอะไรกับการแสดงปาหี่!

อวี้ฮ่าวหรานโคจรพลังวิญญาณของตัวเองไปทั่วร่างเพิ่มพูนความเร็ว และความแข็งแกร่งของเขาอย่างฉับพลันให้มากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า!

ส่งผลให้ตอนนี้ความเร็วของเขาตอนนี้กลายเป็นเหนือกว่าหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าไปหลายช่วงตัว เขาไล่ทันฝั่งตรงข้ามที่กำลังหนีได้ ภายในพริบตา!

เมื่อเข้าไปถึงระยะประชิด อวี้ฮ่าวหรานออกหมัดอีกรอบด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด รอบนี้หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าหลบไม่ทันอีกต่อไป เขาโดนหมัดอัดเข้าไปเต็ม ๆ หน้าอกอย่างจังจนร่างกระแทกพื้น อย่างรุนแรงพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำโต “อั่ก!!”

ความเสียหายที่ได้รับจากการโดนหมัดของอวี้ฮ่าวหรานเข้าไปเต็ม ๆ ทำให้หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าบาดเจ็บสาหัสทันที หน้าอกของเขายุบ เข้าไปเป็นหลุม กระดูกซี่โครงของเขาหักแทบหมด

เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง ท่าร่างใด ๆ ของเขา ก็กลายเป็นเรื่องตลก!

“นี่แกทำได้ยังไง แกทำได้ยังไง!”

หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าพยายามจะยันตัวขึ้นแต่เขาก็ทำไม่ได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บของเขามันสาหัสเกินไป ตอนนี้สีหน้าของเขามีแต่ความหวาดกลัวและสิ้นหวังไม่หลงเหลือความมั่นใจแบบในตอนแรกอีกต่อไป

“เหอะ ๆ ก็แค่แมลง!”

อวี้ฮ่าวหรานนั่งลงยอง ๆ ที่ด้านข้างร่างของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าจากนั้นเขาตบปากฝั่งตรงข้ามอย่างรุนแรงไปหนึ่งที ส่งผลให้ยาแคปซูลเม็ดเล็กกระเด็นออกจากปากหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าจากแรงตบ

อวี้ฮ่าวหรานไม่ลืมว่าครั้งก่อนนักฆ่าพวกนี้นั้นซ่อนยาพิษเอาไว้ฆ่าตัวตายอยู่ในปาก ดังนั้นเขาจึงตัดหนทางหนีความทรมานของ คนพวกนี้เอาไว้ก่อน

“นี่ แก แกรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นใคร!”

มีแต่นักฆ่าในองค์กรอสรพิษของเขาเท่านั้นที่รู้ความลับเกี่ยวกับยาพิษนี้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจทันทีว่าอวี้ฮ่าวหรานรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร

“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว ให้ฉันถามแกฝั่งเดียวก็พอ! แกเป็นนักฆ่าจากไอ้องค์กรที่มีรอยสักเป็นรูปงูใช่ไหม? องค์กรแกชื่ออะไร?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยแววตาเย็นชา เขาต้องการที่จะรู้ข้อมูลองค์กรนี้ให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะเอาไปสืบต่อและถอนรากถอนโคนองค์กรนี้ซะ

ใครก็ตามที่มันกล้าทำร้ายครอบครัวเขามันพวกนั้นจะต้องตายทั้งหมด!

“กร๊อบ!!” อวี้ฮ่าวหรานหักแขนฝั่งตรงข้ามทันทีเมื่อเห็นว่าไม่ตอบอะไรกลับ

“อ๊ากก แกฆ่าฉันสิ แน่จริงแกฆ่าฉันเลยสิวะไอ้เปรตเอ๊ย!”

เขาโดนหักแขนจนกระดูกทะลุออกจากหนัง ความเจ็บปวดระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทนทานมันได้

แต่แล้วหลังจากโดนหักแขนและขาไปอีกอย่างละข้าง ในที่สุดหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าก็ยอมบอกด้วยสีหน้าเจ็บปวดเกินจะจินตนาการ

“ช…ใช่..พวกเราคือองค์กรนักที่ชื่อว่าอสรพิษ พวกเราทุกคน ต่างสักสัญลักษณ์ขององค์กรเอาไว้ที่แขนทุกคน ครั้งนี้พวกเรา ได้รับมอบหมายมาจากเบื้องบนให้…ให้จัดการกับแก…พวกเราได้รับอนุญาตให้ใช้ทุกวิถีทาง…”

หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าเผยข้อมูลคร่าว ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรมากนักนอกจากชื่อองค์กร ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงยังคงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ

“มีอะไรอีกพูดมาให้หมด! ใครเป็นคนออกคำสั่งแก? ใครใช้ให้แกมาฆ่าฉัน?”

เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานหักขาอีกข้างของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่า เพื่อกดดัน

“อ๊ากก…ฉ…ฉัน…เรื่องนั้นฉันไม่รู้! ตัวตนระดับสูงขององค์กรไม่เคยเปิดเผยตัวตนกับฉัน ฉันแค่รับคำสั่งผ่านคนกลางมาก็เท่านั้น! ฆ่าฉัน ฆ่าฉันสักทีไอ้สารเลว!”

หัวหน้ากลุ่มร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บปวดระดับนี้ เขายอมตายดีกว่าต้องทานทนมัน

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วแน่นเพราะเมื่อดูจากท่าทางของฝั่งตรงข้ามเขาบอกได้เลยว่ามันเป็นความจริง เขาคงไม่ได้ข้อมูลมากไปกว่านี้แน่นอน

ด้วยความผิดหวังในใจ เขาหักคอหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าทิ้งอย่างรวดเร็ว

“องค์กรอสรพิษ!”

อวี้ฮ่าวหรานพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเย็นชา เขาตั้งมั่นว่าเขาจะต้องทำลายไอ้องค์กรนี่ให้ได้เพราะมันตามฆ่าเขามาสองรอบแล้วแถมยังทำให้หลี่หรงและถวนถวนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกต่างหาก!

ลำดับต่อไปสิ่งที่เขาจะต้องทำโดยเร็วที่สุดคือหาแหล่งกบดาน ของพวกมัน ซึ่งสิ่งนี้คงต้องใช้เส้นสายสักหน่อย

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉิงกัวอัน

“มีอะไรงั้นเหรอทำไมวันนี้โทรมาซะดึกเลย?” เฉิงกัวอันที่เพิ่งรับสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“คุณรู้จักองค์กรนักฆ่าที่ชื่ออสรพิษไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานไม่อ้อมค้อม เขาตรงเข้าประเด็นทันที

“ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับองค์กรนี้มาบ้าง ทำไมเหรอ? พวกเขา ทำอะไรกับคุณ?” เฉิงกัวอันเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี

“ผมต้องการที่ซ่อนของพวกมัน!” อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เอ่อ…ที่ซ่อนงั้นเหรอ…เรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะองค์กรนี้มันไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าผมจะสืบให้เร็วที่สุด!”

เฉิงกัวอันขมวดคิ้วแน่น เพราะตอนนี้องค์กรนี้จัดได้ว่าเป็น ตัวอันตราย

“เอาล่ะถ้างั้นคุณรีบโทรมาก็แล้วกันหากได้ความคืบหน้าอะไร”

หลังจากพูดจบประโยค อวี้ฮ่าวหรานวางสายไปทันที ในเวลาเดียวกัน เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาคิดถูกที่คบหาเฉิงกัวอันเอาไว้ เพราะถ้าไม่มีเส้นสายของฝั่งตรงข้าม เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มสืบจากตรงไหนเหมือนกัน

เมื่อไหร่ที่เขาได้ข้อมูลจากเฉิงกัวอัน เขาจะรีบไปยำไอ้องค์กรระยำนั่นทันที!

กล้าดียังไงถึงมาทำร้ายครอบครัวของเขา!

ราว 10 โมงเช้าของต่อมา อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะคิดถึง ถวนถวน เขาหยุดบ่มเพาะและขับรถไปที่โรงพยาบาล

ในโรงพยาบาลห้องพิเศษที่ถวนถวนนอนอยู่ หลี่หรงกำลัง ปอกเปลือกแอปเปิลอยู่ที่ข้างเตียงถวนถวน ซึ่งกำลังนอนหมดสติ ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย

ตอนนี้เธอเป็นห่วงถวนถวนเป็นอย่างมาก

ไหนหมอบอกว่าถวนถวนไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง แต่ทำไมตอนนี้ หลานของเธอกลับยังไม่ฟื้นอีก? นี่มันก็หลายวันแล้วแบบนี้มันไม่ปกติแน่นอน!

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาเห็นภาพนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็น มืดหม่นทันที หลายวันแล้วลูกสาวของเขายังไม่ฟื้นเลยมันเกิดอะไรขึ้น? เขาเดินเข้าไปหาร่างของถวนถวน จากนั้นเขาลองจับชีพจรและ ฟังเสียงลมหายใจดู

ทุกอย่างปกติดีนี่นา!

จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานลองโคจรพลังวิญญาณไปที่ดวงตาของเขา ทำการเปิดใช้เนตรเทวะส่องร่างลูกสาวของตัวเอง

เอ๊? นั่นมัน!

สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นตกตะลึง

ในตอนนี้สิ่งที่อวี้ฮ่าวหรานเห็นในร่างของถวนถวนก็คือกลุ่มพลังวิญญาณกำลังวิ่งวุ่นอยู่ในร่างลูกสาวของเขา

ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นมันมาก่อนรอบหนึ่งแล้ว แต่พลังวิญญาณ ในร่างกายของลูกสาวเขาตอนนั้นยังเบาบางอยู่เลย แต่ตอนนี้ มันหนาแน่นขึ้นมากหลายเท่าตัวแถมกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก

สิ่งนี้มันน่าอัศจรรย์เพราะลูกสาวของเขาไม่รู้จักวิธีการบ่มเพาะแน่นอนแน่นอน แต่สภาวะที่ลูกสาวของเขาอยู่ในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับการบ่มเพาะแบบอัตโนมัติเลย

แม้แต่เขาที่เป็นจักรพรรดิเทพมาเป็นหมื่นปียังไม่เคยเห็นอะไร แบบนี้มาก่อน สิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกทั้งตกตะลึงและยินดีเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องนี้มันถือได้ว่าเป็นผลดีมาก ๆ กับ ถวนถวน!

“พี่เขย พี่เป็นอะไร?”

เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของอวี้ฮ่าวหรานที่กำลังจ้องมอง ถวนถวน หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

“อ้อ ไม่มีอะไรๆ พี่แค่ดีใจที่เห็นว่าสีหน้าของถวนถวนดีขึ้นบ้างแล้ว ก็แค่นั้น”

หลังจากตรวจสอบแล้วว่าถวนถวนไม่เป็นอะไรจริง ๆ และไม่มีเรื่อง แปลกประหลาดอะไรอย่างอื่นอีก อวี้ฮ่าวหรานก็โล่งใจและปล่อยวางได้