บทที่ 75 อนุพบกัน

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 75

อนุพบกัน

หลินซีเหยียนทำสีหน้าไม่พอใจกับเสียงตะโกนของ มหาเสนาบดี แล้วเดินจากไปอย่างช้าๆไม่เร่งรีบ

ด้านหลังของนางฮูหยินอวี้ก็ได้ถามด้วยสีหน้าที่สงสัย “ท่านหลินท่านจะส่งข้าวของพวกนี้กลับเรือนเชียนเหยียนจริงๆเหรอ?”

มหาเสนาบดีหลินที่กำลังโกรธจัด ทำเอาฮูหยินอวี้ล้มลงไปนั่งกับพื้น “ก็ต้องย้ายสิ เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดรึไง? ถ้าพวกเราไม่ย้ายนางจะไปหาฮ่องเต้เพื่อฟ้องข้าน่ะ”

ฮูหยินอวี้จึงได้รีบส่งคนไปจัดการเรื่องนี้ทันที

เมื่อหลินซีเหยียนกลับมาที่เรือนเล็กๆของนาง ก็พบคนในตระกูลกำลังวุ่นวายอยู่ในเรือนและมองไปที่คนของนางที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ในเรือน นางก็ยักคิ้วขึ้น แล้วตัดสินใจที่จะพาพวกนางไปหาอะไรกิน ไม่อย่างนั้นก็คงได้แต่ยืนรออยู่แบบนั้น

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังเลือกร้านที่จะไป สุดท้ายนางก็เลือกโรงเตี๊ยมซื่อฟางของเทียนเอ๋อ อย่างไรเสียดวงชะตาของนางในวันนี้ไม่เหมาะที่จะไปยังถิ่นของคนนอกเท่าไร มันจะเป็นการดีกว่าที่จะกินของในถิ่นตัวเองมากกว่าของคนอื่น

ซึ่งในขณะที่พวกนางกำลังกินอาหารกันอย่างมีความสุขในชั้นแรกอยู่นั้น ก็มีชายน่ารำคาญเข้ามาในร้าน ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังควงแขนพาชายหนุ่มกล้ามโตมาด้วย

“เสี่ยวเอ้อ รีบพาพวกข้าไปที่ห้องที่ดีเลิศที่สุดที”

ถึงแม้ว่าเสียงของเขาจะออกเป็นสาว แต่หลินซีเหยียนก็ยังคุ้นเสียงของเขาดี เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมานางก็พบว่าคนคนนั้นคือเฮอเหวินจาง ชายที่นางเกลียดที่สุด

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วก็คิดว่ากว๋อกงจิ่งหยางนั้นได้พยายามอย่างมากที่จะช่วยลูกชายเพียงคนเดียวของเขาไว้ให้ได้ ถึงแม้ว่านางจะไม่ถูกเชิญไปอีกก็ตาม แต่ดูเหมือนเขาก็ยังพบวิธีที่จะช่วยชีวิตของลูกชายเอาไว้อยู่

มีผู้คนอยู่มากมายในโรงเตี๊ยมซื่อฟางในเวลานี้ ซึ่งมีคนมากมายที่จำหน้าของเฮอเหวินจางได้ พวกเขาจึงได้แอบนินทากันและพูดว่าจวนชองกว๋อกงจิ่งหยางคงจะจบสิ้นไม่เร็วก็ช้าแล้ว ถึงจะช่วยลูกชายของตัวเองเอาไว้ได้ แต่ก็ไม่อาจรักษาอาการชอบผู้ชายไปแล้วของเฮอเหวินจางได้

ชอบผู้ชายด้วยกันงั้นเหรอ? เมื่อหลินซีเหยียนได้ยินก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาและมีแววตาบ่งบอกถึงอยากว่าร้ายออกมา แล้วนางก็ได้มองไปที่เฮอเหวินจางด้วยสายตาประชดประชัน แต่ก็ไม่คิดว่าสายตาของนางจะดันไปจุดประเด็นเข้าซะนี่

เสียงผู้คนที่นินทาเขานั้นเฮอเหวินจางก็ได้ยินเข้า แล้วหันไปมองคนที่นินทาเขาอยู่ด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่นึกว่าจะเจอกับหลินซีเหยียนเข้า เขาจึงได้ปล่อยชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วเดินไปหาหลินซีเหยียนช้าๆ “ข้าไม่นึกเลยว่าจะได้เจอคุณหนูรองของจวนมหาเสนาบดีอยู่ในสถานที่วุ่นวายอย่างในชั้นแรกเช่นนี้

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา “ข้าไม่ใช่คนเรื่องมาก ก็เป็นปกติที่จะเจอข้าที่ชั้นแรกเช่นนี้”

“จะว่าไปข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณหนูรองที่ปีนต้นไม้สูงจนคว้าองค์ชายลงมาได้นะ” เฮอเหวินจางพูดด้วยน้ำเสียงที่ย้อนแย้ง

ฟังคำพูดที่ประชดประชันของเฮอเหวินจางแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ตอบกลับไปเช่นเดียวกัน “นั่นสินะ ข้าเองก็ยังไม่ได้แสดงความยินดีที่บุตรของกว๋อกงจิ่งหยางแต่งงานกับบุตรีคนโตของจวนมหาเสนาบดีด้วย”

ถ้าฟังจากที่ทั้งสองคนพูดกันแล้ว ทุกคนที่ชั้นแรกนี้ต่างก็จะรู้จักถึงตัวตนของทั้งสองคนนี้ ซึ่งเรื่องของการยกเลิกการหมั้นหมายของจวนมหาเสนาบดีกับกว๋อกงจิ่งหยางนั้นเป็นที่รู้กันไปทั่วทุกคนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงหวังที่จะได้ดูอะไรสนุกๆ

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาจากคนรอบด้านแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลง แล้วมุมโค้งที่ริมฝีปากของนางก็ได้ดูอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้ถึงแม้ใบหน้าของนางนั้นจะงดงามแต่ก็เต็มไปด้วยความอันตราย

“ถ้าคุณชายเฮ่อไม่มีธุระอะไรก็รีบไปเสียเถอะ อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาข้าที่นี่เลย” หลินซีเหยียนนั้นแม้จะยังยิ้มอยู่ แล้วก็หัวเราะไปที่เฮอเหวินจางที่เหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าหลินซีเหยียนเป็นตัวปัญหาสำหรับเขา

เฮอเหวินจางก็ได้ชะงักถอยออกมาแล้วชี้ไปที่ หลินซีเหยียนด้วยนิ้วที่กรีดกราย เขาก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างกลัวๆ “เจ้า เจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่?”

หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนและมองไปที่เฮอเหวินจางด้วยสีหน้าแปลกๆบนใบหน้าของนาง “คุณชายเฮอนิ้วที่ดูกรีดกรายของท่านนั้นไม่เลวเลย ท่านสามารถแข่งกับสาวงามในหอนางโลมได้สบายๆเลย

“เจ้า….” เฮ่อเหวินจางนั้นไม่อยากที่จะยอมง่ายๆ แต่ในขณะที่เขากำลังจะลงมือทำร้ายนั้น ก็ได้มีเสียงชายหนุ่มที่ดูทุ้มต่ำและน่าเกรงขามดังขึ้นมาจากด้านหลังเขา

“ที่แม่นางหลินกล่าวมาถูกต้องแล้ว” แล้วก็พบชายคนที่เฮอเหวินจางกอดเมื่อสักครู่นั้นเดินขึ้นหน้ามา ด้วยรอยยิ้มที่ดูดีบนใบหน้าของเขา และใบหน้าของเขาก็ดูสะอาดสะอ้าน เพียงแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่รู้จักอดทนอดกลั้น

หลินซีเหยียนมองดูเขาอย่างสงสัย นางไม่เข้าใจว่าทำไมชายคนนั้นถึงได้มารับใช้คนเช่นนี้ นี่มันช่างน่าเสียดายมากไปแล้ว

เมื่อเฮอเหวินจางเห็นหลินซีเหยียนไม่ยอมโต้ตอบอะไรเขา แต่กลับจ้องไปที่คนที่อยู่ข้างๆเขา เขาก็ได้พูดกับหลินซีเหยียน “หลินซีเหยียน ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่ามาคิดยุ่มย่ามกับโม่เซวียนเด็ดขาด”

หลินซีเหยียนก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ราวกับนางได้เจอคนที่น่าสนใจ และในเวลานี้นางก็รู้ชื่อของคนที่อยู่ตรงหน้านางแล้ว “โม่เซวียนเป็นชื่อที่ดีนะ”

“แม่นางกล่าวเกินไปแล้ว” โม่เซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แล้วจากนั้นก็ได้ออกไปพร้อมกับเฮอเหวินจาง

หลินซีเหยียนก็มองดูภาพนี้โดยไม่พลาดที่จะเผยแววตารังเกียจออกมา แล้วหลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลงนางรู้สึกได้ว่าโม่เซวียนคนนั้นมีอะไรบางอย่างผิดปกติ

ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นขณะที่รับประทานอาหาร แต่ผู้คนในเรือนเชียนเหยียนก็ยังกินอาหารอย่างมีความสุขดี แล้วจากนั้นทั้งหมดก็ได้เดินทางกลับไปยังจวนมหาเสนาบดีพร้อมกับหลินซีเหยียน

แต่ในคืนนี้ที่จวนมหาเสนาบดีนั้นเหมือนจะมีอะไรแตกต่างไปจากคืนที่ผ่านๆมา หลินซีเหยียนก็จับตัวคนหนึ่งมาและฟังเรื่องราวจากคนคนนั้น แล้วก็พบว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังตั้งท้องนั้น ในเวลานี้กำลังถูกพาตัวไปโดยฮูหยินอวี้

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา นางจำได้ว่านางเคยเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่กับพ่อของนาง หญิงสาวคนนั้นคงถูกจัดการโดย ฮูหยินอวี้แน่ คงจะต้องช่วยให้นางรอดชีวิต เมื่อเป็นเช่นนี้ที่จวนมหาเสนาบดีคงได้ครึกครื้นมากขึ้นแน่

เมื่อคิดได้เช่นหลินซีเหยียนก็ได้ให้คนอื่นกลับไปที่เรือนเชียนเหยียนก่อน แล้วเหลือเพียงจิ่งชุนคนเดียวที่ยังคอยติดตามนางไปที่เรือนของฮูหยินอวี้

ก่อนที่จะเข้ามาในเรือน หลินซีเหยียนก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นมา เป็นเสียงร้อง แสดงให้เห็นว่าอนุของมหาเสนาบดีหลินนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรมากนัก

“ข้าแค่อยากจะพบท่านหลิน ทำไมท่านต้องขวางข้าด้วย?” ผู้หญิงคนนั้นเอามือกุมท้องมองไปที่ฮูหยินอวี้อย่างไม่ยอมแพ้

ฮูหยินอวี้ก็ได้มองไปที่ท้องโตๆของนางแล้วสีหน้าก็ได้มืดดำมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนางก็ได้มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านางอย่างเหยียดหยาม “ข้าเกรงว่าท่านมหาเสนาบดีก็คงไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะมาหาเขาน่ะ เพราะข้าจะจัดการกับเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”

“ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้นะ มันเป็นความผิดมหันต์นะที่จะฆ่าทั้งทายาทและแม่น่ะ” ผู้หญิงคนนั้นไม่อยากจะเชื่อ

ฮูหยินอวี้ยิ้ม “มีใครเห็นข้าทำบ้าง?”

แล้วผู้คนในเรือนต่างก็พากันเบือนหน้าหนีกันทันที แล้วความเงียบของพวกเขาก็ได้ทำให้หัวใจของผู้หญิงคนนั้นตกลงไปถึงตาตุ่ม

“ได้โปรด ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้ารู้ว่าข้าทำผิดไปแล้ว” หญิงสาวคนนั้นเกิดกลัวขึ้นมาและเริ่มร้องขอความเมตตา แต่ ฮูหยินอวี้นั้นไร้หัวใจยิ่งนัก หัวใจของนางนั้นหาได้สั่นคลอนไม่แม้แต่น้อย

แล้วฮูหยินอวี้ก็ได้โบกมือ มีคนใช้สองคนที่ถือไม้เรียวหนาๆไว้ในมือของทั้งสองคน แล้วเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้นอย่างช้าๆ

และสุดท้ายฮูหยินอวี้ก็ได้จ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังหวาดกลัวตรงหน้านางด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “จัดการฟาดนางให้ตาย”

“ข้ากำลังท้องลูกของท่านมหาเสนาบดีนะ ท่านจะฆ่าข้าไม่ได้?” ผู้หญิงคนนั้นคงจะไม่เคยคิดถึงสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงได้หวาดกลัวและเต็มไปด้วยน้ำตา

ในขณะที่ไม้เรียวกำลังจะฟาดลงมา หลินซีเหยียนก็ได้กล่าว “หยุดก่อนฮูหยินอวี้ พูดกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย?”