ตอนที่ 155 องค์หญิงคลุ้มคลั่ง (2) / ตอนที่ 156 องค์หญิงคลุ้มคลั่ง (3)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 155 องค์หญิงคลุ้มคลั่ง (2) 

 

 

ตั้งแต่สมัยโบราณนานมาความรักและความกตัญญูนั้นยากที่จะทำได้ทั้งสองอย่าง แม่กับคนรัก ล้วนแต่… 

 

 

ดังนั้นที่สุดแล้วเขาก็ยังตัดสินใจ…ละทิ้งถานซวงซวง 

 

 

มือที่กำหมัดแน่นของชายหนุ่มค่อยๆ คลายออก เขาทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาหันหลังให้ถานซวงซวงที่อยู่ข้างหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้านาง 

 

 

ท้ายที่สุด ไร้ความช่วยเหลือ ความหวาดกลัวโจมตีมาที่ใจของนาง 

 

 

ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าหัวใจที่ตายด้าน 

 

 

แววตานางที่มองไปยังหลิวอวี้เฉิน นอกจากความเจ็บปวดแล้ว ลึกลงไปยิ่งกว่านั้นคือความสิ้นหวัง… 

 

 

“เฟิงหรูชิง ตอนนี้พอใจท่านแล้วหรือยัง?” 

 

 

เป็นเวลานาน หลิวอวี้เฉินลุกขึ้นยืนยิ้มเย็นๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดลง มุมปากยกยิ้มประชดประชัน “ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่ท่านต้องการแล้วนี่ ซวงเอ๋อร์ผิดใจกับข้าอย่างหนัก เสียทีที่ก่อนหน้านี้ข้า…ยังมองท่านเปลี่ยนไป” 

 

 

เขาเคยกระทั่งคิดว่า หากเฟิงหรูชิงไม่ทำเรื่องเลวร้ายอีกจะสู่ขอนางกลับไปไว้ที่บ้านก็ย่อมได้ ตราบใดที่นางจะไม่สร้างปัญหาอีกต่อไป 

 

 

แต่… 

 

 

เฟิงหรูชิงในวันนี้ ไม่ใช่หญิงสาวที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไป 

 

 

“เฉินเอ๋อร์” เฟิงหรูชิงเอ่ยปาก “โยนเขาออกไป ข้าไม่อยากให้เขาอยู่รกสายตาข้าอีก” 

 

 

หลิวอวี้เฉินฉีกยิ้มเย็นยะเยือกแล้วกล่าว “ไม่ต้องให้ท่านโยน ข้าเดินเองได้ ไหนๆ ข้าจะแนะนำท่านอย่างหนึ่ง แม้ท่านจะเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหลิวอวิ๋นแต่…ขุนนางบุ๊นบู๋นับร้อยของแคว้นหลิวอวิ๋นไม่พอใจท่านอยู่ก่อนแล้ว ท่านยังทำเยี่ยงนี้กับซวงเอ๋อร์ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า สิ่งเหล่านี้ที่ท่านทำจะส่งผลต่อฝ่าบาทอย่างไร?” 

 

 

“ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ข้าเฟิงหรูชิงรับได้ทั้งสิ้น!” 

 

 

แต่จะมาทำให้นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจไม่ได้เด็ดขาด 

 

 

นางยอมให้ชื่อเสียงฉาวโฉ่แพร่สะพัดออกไป แต่ไม่มีวันยอมทนรับแม้แต่เศษเสี้ยวความช้ำใจ! 

 

 

ริมฝีปากของหนานเสียนยกยิ้มขึ้นน้อยๆ 

 

 

รอยยิ้มของเขาเลือนรางนัก เลือนรางจนเกือบมองไม่เห็น 

 

 

“ชิงเอ๋อร์อยากทำอะไรก็ทำเลย บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดขัดขวางเจ้าได้ เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลจนไม่กล้าทำอะไร” 

 

 

น้ำเสียงกระจ่างชัดดั่งดวงจันทร์ของชายหนุ่มกระแทกเข้าไปในใจของเฟิงหรูชิงเต็มเปา 

 

 

ทำให้ใจของนางเต้นระลอกใหญ่ 

 

 

แม้นางจะรู้อยู่เต็มอกว่ากั๋วซือจงใจพูดให้หลิวอวี้เฉินฟัง ทว่าอย่างไรก็ตามน้ำเสียงไพเราะของเขาบวกกับวิธีพูดที่อ่อนโยน เหมือนพุ่งตรงมายังใจนาง นางไม่สามารถนิ่งเฉยได้ 

 

 

แววตาเย็นชาของหลิวอวี้เฉินกวาดมองไปยังหนานเสียนและเฟิงหรูชิง เขากำหมัดแน่น หลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง 

 

 

วินาทีที่เขาจากไป เขาไม่รู้เลยว่าหนานเสียนหันกลับมามองเขา 

 

 

แววตาราบเรียบนั้นดูเหมือนแอบแฝงความเย้ยหยันและเย็นชา 

 

 

จั่งกุ้ยอาศัยช่วงเวลานี้ไปเชิญผู้เฒ่าหลิงแห่งร้านยาวิเศษมา 

 

 

ผู้เฒ่าหลิงเหลือบมองป้ายประกาศิตก่อนจะใช้แววตาแสดงความเคารพมองไปยังเฟิงหรูชิง “องค์หญิงเสด็จมาที่ร้านกระหม่อม มีเรื่องใดจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ข้าต้องการให้พวกเจ้าหายาวิเศษให้ข้าสักสองสามอย่าง” 

 

 

เฟิงหรูชิงเอื้อมมือเอาใบสั่งยาส่งให้ผู้เฒ่าหลิง 

 

 

“ยาวิเศษในนี้ ต้องรบกวนผู้เฒ่าหลิงช่วยหาให้ข้าด้วย” 

 

 

ผู้เฒ่าหลิงตกตะลึงไปเล็กน้อย เขารับเอาใบสั่งยาจากเฟิงหรูชิงแล้วเงียบไปชั่วครู่ “พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยาวิเศษระดับสาม ร้านอันดับหนึ่งของเราก็มี แต่อันสุดท้ายเถาจื่อเถิงคงจะยากเสียหน่อย…” 

 

 

ได้ยินคำว่ายาวิเศษระดับสาม เฟิงหรูชิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฝูเฉินที่อยู่ด้านในกำลังตื่นเต้นจนเก็บอาการเกือบไม่อยู่ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 156 องค์หญิงคลุ้มคลั่ง (3) 

 

 

เฟิงหรูชิงไม่ได้สนใจเขา นางเอ่ยถามต่อ  

 

 

“เช่นนั้นต้องใช้เวลานานเท่าไรท่านจึงจะหาเถาจื่อเถิงได้” 

 

 

“เถาจื่อเถิงจะเติบโตได้มีเงื่อนไขยากมาก อย่างน้อยน่าจะต้องใช้เวลานานสองถึงสามเดือน แต่ว่าองค์หญิงโปรดวางใจ ท่านถือป้ายประกาศิตของร้านเรา ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็จะหามาให้จงได้” 

 

 

“ดี” เฟิงหรูชิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ท่านนำยาวิเศษตัวอื่นมาให้ข้าก่อน” 

 

 

“องค์หญิงโปรดรอสักครู่กระหม่อมจะไปนำมาให้เดี๋ยวนี้” 

 

 

… 

 

 

เฟิงหรูชิงโบยถานซวงซวงที่ร้านยาวิเศษ เพียงไม่นานก็มีคนแพร่ข่าวออกไป 

 

 

เวลานี้ท้องพระโรงมีเสียงเซ็งแซ่ 

 

 

เฟิงเทียนอวี้มองไปยังถานหลินที่กำลังโมโหสุดขีดแล้วก็ปวดหัวจนต้องยกมือคนนวดขมับ  

 

 

“ราชครูถาน วันนี้ชิงเอ๋อร์โบยถานซวงซวงต่อหน้าผู้คน เราเชื่อว่าต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน” 

 

 

ราชครูถานโกรธหน้าถมึงทึง เอ่ยด้วยความแค้นเคือง  

 

 

“ฝ่าบาท ตลอดหลายปีมานี้การกระทำขององค์หญิงทุกคนต่างรู้ดี มีเรื่องอะไรที่นางทำไม่ได้บ้าง วันนั้น นางโบยซวงเอ๋อร์ทำให้นางเจ็บช้ำไปทั่วร่าง แล้ววันนี้ยังสั่งโบยนางอีกสามร้อยไม้!” 

 

 

“สามร้อยไม้นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่สามสิบไม้! ลูกสาวกระหม่อมร่างกายบอบบาง จะรับมือกับความเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?” ถานหลินน้ำตานองหน้า ใจเจ็บจนมิอาจถอนตัว 

 

 

เขาเกลียดความโหดร้ายของเฟิงหรูชิง และยังโทษหลิ่วอวี้เฉินที่ไม่มีความรับผิดชอบทำให้ลูกสาวที่บอบบางของเขาต้องมารับความเจ็บปวดเยี่ยงนี้! 

 

 

เฟิงเทียนอวี้แสดงสีหน้าไม่พอใจ ขมวดคิ้วตวาดออกไป  

 

 

“ราชครูถาน เหตุใดเราได้ยินมาว่า วันนี้ถานซวงซวงเป็นคนหาเรื่องชิงเอ๋อร์ก่อน?” 

 

 

“นั่นเป็นคำพูดเหลวไหล!” ถานหลินโมโหถึงขีดสุด “นิสัยซวงเอ๋อร์เป็นเยี่ยงไรมีหรือกระหม่อมจะไม่รู้? นางจิตใจดีอ่อนโยน ไม่เคยหาหาเรื่องใครก่อน ทุกครั้งล้วนแต่เป็นองค์หญิงที่ไม่ยอมปล่อยนาง! 

 

 

วันนี้เพื่อจะตามไปโบยนาง ตามนางไปถึงร้านยาวิเศษอันดับหนึ่ง หากฝ่าบาทยังมิทรงลงโทษองค์หญิงผู้คนในใต้หล้าจะต้องผิดหวังเจ็บปวด พวกกระหม่อมเองก็เจ็บปวด!” 

 

 

สีหน้าเฟิงเทียนอวี้ถมึงทึงตึง ฝ่ามือของเขาตบลงบนโต๊ะเต็มแรงแล้วเอ่ยด้วยความโกรธเกี้ยว ฃ 

 

 

“ถานหลิน เจ้าบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรมาตัดสินว่าชิงเอ๋อร์ถูกหรือผิด! ไม่ว่าชิงเอ๋อร์จะทำอะไรก็ไม่ใช่กงการที่ใครจะเอาไปพูดเหลวไหล!” 

 

 

ไม่รู้ว่าถานหลินไปกินดีเสือดาวหรือว่าเป็นเพราะความโมโหกันแน่ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเฟิงเทียนอวี้โกรธจัด แต่เขาก็ยังก้าวเท้าออกมายิ้มเย็น 

 

 

“องค์หญิงรังแกบุตรสาวขุนนางใหญ่เช่นนี้แล้ว ฝ่าบาทก็ยังจะตามใจนาง ทรงต้องการจะทำร้ายจิตใจของทุกคนจริงๆ ใช่หรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

หลังจากถานหลินก้าวเท้าออกมาก็มีขุนนางฝ่ายบุ๊นอีกคนก้าวท้าวออกมมาจากกลุ่มขุนนาง คารวะแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท องค์หญิงทำเกินไปจริงๆ ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษองค์หญิงเพื่อเป็นแบบอย่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“องค์ชายกระทำผิดรับโทษเช่นเดียวกับสามัญชน แต่วันนี้การกระทำขององค์หญิงนั้นยากที่จะยอมรับ หากฝ่าบาทไม่ลงโทษองค์หญิง วันนี้กระหม่อมจะขอลาออกกลับบ้านเกิด ยังดีกว่าต้องคอยกังวลว่าบุตรชายบุตรสาวจะไม่ทันระวังถูกองค์หญิงโบยตาย” 

 

 

“กระหม่อมเห็นด้วย” 

 

 

“กระหม่อนก็เห็นด้วย” 

 

 

… 

 

 

มองดูเหล่าขุนนางก้าวเท้าออกมาทีละคน ริมฝีปากถานหลินก็ยกยิ้มเลือนรางจนไม่อาจสังเกตเห็น 

 

 

ต่อให้ฝ่าบาทมีอำนาจสูงสุดในแคว้นหลิวอวิ๋นแล้วอย่างไรเล่า? พระองค์อยู่ในฐานะฮ่องเต้ต้องดูแลประชาชนไต้หล้า หากต้องเสียพวกเขาเหล่าขุนนางจำนวนมากเช่นนี้ไปคราวเดียว แค้วนหลิวอวิ๋นแห่งนี้…ก็เหลือแค่เปลือก 

 

 

ในเมื่อคำพูดของเขาเพียงคนเดียวใช้การไม่ได้ อย่างนั้นก็หลายคน ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ต้องเป็นกังวลอยู่หลายส่วน 

 

 

นอกเสียจาก พระองค์จะยอมทำเพื่อองค์หญิงเพียงคนเดียวละทิ้งทุกสิ่งในใต้หล้า! 

 

 

“ราชครูถาน”เจ้ากรมอาญาหลินขมวดคิ้วก้าวเท้าออกมา “ข้าเชื่อว่าองค์หญิง ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว สิ่งที่องค์หญิงกระทำไปในวันนี้จะต้องมีเหตุผลเป็นแน่ เรื่องนี้ยังต้องสอบสวนให้แน่ชัดเสียก่อน”