ตอนที่ 115 ทำในสิ่งที่คนรักควรจะทำ + ตอนที่ 116 พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 115 ทำในสิ่งที่คนรักควรจะทำ

มีเพียงคนสองคนในพื้นที่เล็ก ๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาตอนนี้จะได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจของกันและกันเท่านั้น

เธอค่อย ๆ ก้าวถอยไปด้านหลัง แม้จะอยู่ในลิฟต์ แต่เธอต้องอยู่ในมุมที่ห่างจากเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตัวของเธอถอยไปอยู่ยังมุมของลิฟต์ พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก จิ่งเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านหน้าเธอหันมามองพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งขรึม “วันนี้จะไปรับหน่วนหน่วนไหม?”

“ไม่ค่ะ!” เขายังไม่ยอมแพ้จริง ๆ

“เพื่อนคุณไปรับแล้วเหรอ?” เขาขมวดคิ้วและขยับเข้าไปใกล้ตัวของอันโหรว “ลูกของคุณ คุณควรจะไปรับด้วยตัวเองนะ” แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย! เธอแอบบ่นพึมพำอยู่ในใจ

“ช่วงนี้ฉันงานยุ่ง จะกลับก่อนก็คงดูไม่ดี ฉันตระหนักถึงข้อผิดพลาดข้อนี้ของตัวเองดี และฉันจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นค่ะ” เรื่องของอนาคตค่อยพูดนะคะ!

จิ่งเป่ยเฉินอย่าได้เข้ามาใกล้เชียว!

สายตาของเธอเหลือบไปมองลิฟต์ที่ตอนนี้อยู่ที่ ‘ชั้นห้า’ ทำไมไม่ถึงชั้นแปดสักทีเนี่ย!

“ไม่เป็นไร ผมอนุญาตให้คุณกลับก่อนเวลาได้นะ” เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งดันผนังลิฟต์ไว้ และก้มลงมองเธอ

ขอบเสื้อที่เปิดออกเผยให้เห็นเนินหน้าอกของเธอในวันนั้น ช่างดึงดูดสายตาเหลือเกิน แต่วันนี้การแต่งกายของเธอกลับถูกปิดมิดชิด แม้แต่กระดุมเม็ดบนสุดที่คอก็ถูกติดอย่างเรียบร้อย

“ช่วงบ่ายออกไปกับผม” เขาพูดเสริม

“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่รบกวนประธานจิ่งหรอกค่ะ” เธอเอื้อมไปกดลิฟต์ด้วยความยากลำบาก ก่อนจะพูดว่า “ฉันขอตัวก่อนนะคะ ประธานจิ่ง”

“หลินจื่อเซี๋ยวไม่อยู่ คุณช่วยชงชาให้ผมหน่อย” ในขณะที่เขาพูด ประตูลิฟต์ที่เปิดค้างอยู่ก็ค่อย ๆ ปิดลง ดวงตาหลายคู่ที่จับจ้องเข้ามาในลิฟต์ยังคงยืนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

พวกเขามองดูอะไรกัน?

จิ่งเป่ยเฉินดันอันอีหานเข้ามุม!

เกินนนน…เกินไปแล้ว ไม่คิดว่าจิ่งเป่ยเฉินผู้ชาญฉลาดในอุดมคติของพวกเขาจะมีรสนิยมแบบนี้!

ภาพลักษณ์ที่ดูสูงส่งของเขาได้พังทลายลงแล้ว!

ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ลมหายใจของเขาก็เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนเธอต้องลอบกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้้ำเสียงเบา ๆ “ประธานจิ่ง คุณทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดว่าเราแอบคบกันนะคะ”

เธอตั้งใจพูดคำนี้ออกมาอย่างจริงจัง ‘คบกันแบบลับ ๆ’

“ก็ไม่เชิง ไม่ได้สิ” จู่ ๆ เขาก็ก้มหน้าลงมาและจับริมฝีปากบาง ๆ ของเธอ มืออีกข้างก็โอบไปที่เอวของเธอเพื่อให้แนบชิดกับตัวเองมากยิ่งขึ้น

“อื้อ ๆ”

เธอทุบไปที่หน้าอกของเขาอย่างแรง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขาจึงปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ

“แฮก ๆ …..” เธอสูดหายใจเข้าออกอย่างแรง ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องไปที่ตัวเขา “ประธานจิ่ง ช่วยอธิบายให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

“ทำในสิ่งที่คนรักเขาทำกันไง คุณก็มีลูกแล้ว เรื่องแบบนี้น่าจะเข้าใจดีนะ!” เขาเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ไป “ชงชามาด้วยล่ะ”

เธอเดินตามออกไปอย่างเงียบ ๆ อยากจะขย้ำแผ่นหลังของเขาด้วยสายตาเสียจริง ๆ

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ไม่ยอมกลับไปตายที่รัง! [1]

จิ่งเป่ยเฉินถอดสูทตัวนอกของเขาออกแขวนไว้บนราวแขวน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้และเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น พลางหยิบแฟ้มเอกสารมาดูโดยไม่ได้มองไปที่อันโหรวแต่อย่างใด

สิ่งนี้ทำให้เธอโล่งใจไม่มากก็น้อย เธอไม่สนใจคำพูดที่เขาพูดตอนอยู่ในลิฟต์เลยสักนิด

เธอเสิร์ฟถ้วยชาด้วยมือสองข้าง วางมันไว้ใกล้ ๆ กับมือข้างขวาของเขาด้วยระยะครึ่งเมตร เพื่อให้เขาสามารถเอื้อมมือไปหยิบได้

เมื่อวางถ้วยชาลงก็แอบชำเลืองมองจิ่งเป่ยเฉินที่กำลังเซ็นชื่อด้วยขนนกสีแดงเพลิง  “ประธานจิ่ง ฉันชงชาเรียบร้อยแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”

ทันทีที่เธอหันหลังกลับ เสียงทุ้มต่ำจากด้านหลังก็ดังขึ้น “ผมเห็นด้วยกับคำพูดเมื่อครู่นี้นะ”

“หมายถึงเรื่องอะไรเหรอคะ” เธอหันกลับมาถาม

“คนรักของคุณไง” จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะวางเอกสารที่กำลังเซ็นไว้ด้านซ้ายมือและพูดว่า “มานี่”

“ประธานจิ่ง คำพูดเมื่อครู่นี้ฉันแค่พูดล้อเล่น ไม่ต้องจริงจังขนาดนี้ก็ได้ ฉันรักสามีของฉันมากนะคะ ถ้าหากเขารู้ว่าฉันนอกใจเขา เขาจะต้องโกรธมากแน่ ๆ และถ้าเขาโกรธขึ้นมา ฉันคงเสียใจเอามาก ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้ฉันไม่มีวันทำเด็ดขาด” เธอพยักหน้าพลางพูดอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อแสดงจุดยืนของตัวเอง

“แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไง ผมเอาจริงซะด้วยสิ” จิ่งเป่ยเฉินถอนหายใจเบา ๆ “คุณไม่น่าพูดจาล้อเล่นแบบนี้เลย ในเมื่อพูดออกมาแล้วก็ต้องทำในสิ่งที่พูดไว้ด้วยสิ”

“ประธานจิ่งคะ คุณเป็นคนมีชื่อเสียง มีอำนาจ มีหน้ามีตาในสังคม ถือว่าไม่ได้ยินคำพูดของฉันเมื่อครู่เถอะค่ะ” ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอฉีกยิ้ม แต่ยิ่งมองเธอก็ยิ่งหวั่นใจ จึงอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าที่ไม่สู้ดีออกมา

[1] 不作死就不会死 = ถ้าหากไม่หาเรื่องใส่ตัว ก็ไม่ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก เรียกอีกอย่างประมาณว่า อย่าหาทำ

………………….

ตอนที่ 116 พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน

“นี่คุณหาว่าผมผิดปกติยังงั้นเหรอ เห็นเรื่องเมื่อครู่เป็นภาพหลอนงั้นสิ?” จิ่งเป่ยเฉินหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ เมื่อรู้สึกร้อนเล็กน้อยจึงวางลงตามเดิม

“เปล่านะคะ การฟังและการมองของประธานจิ่งได้รับรู้อย่างชัดเจนอยู่แล้วค่ะ จะเกิดภาพหลอนได้ยังไงกัน ถือว่าฉันพูดลอย ๆ ไม่เป็นความจริงก็แล้วกัน” ให้ตายเถอะจิ่งเป่ยเฉิน ไม่ยกโทษให้แน่!

“คำพูดที่พูดออกมาเล่นเอาซะเกือบจะสำลัก หรือว่าผมไม่คู่ควรเป็นแฟนคุณอย่างงั้นเหรอ?” เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าที่ดูเหี่ยวย่นและอัปลักษณ์ของเธอ ฟังเสียงแหบแห้งของเธอราวกับว่ากำลังมองอันโหรวอยู่

“เฉิน…”

“แหวะ….”

อันโหรวได้ยินเสียงที่หวาน ๆ ของลูซี่ดังมาจากด้านหลัง อดไม่ได้ที่เย็นสันหลังวาบขึ้นมา คาดว่ามีแค่คนรสนิยมสูงอย่างจิ่งเป่ยเฉินเท่านั้นที่ได้ยินเสียงแบบนี้

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ลูซี่มองไปที่เธออย่างหวาดระแวง “อ๋อ มาคุยเรื่องงานใช่ไหม? ถ้าคุยเสร็จแล้วก็ออกไปได้”

“ค่ะ” เธอหันหลังเดินออกไปทางประตูทันที

“กลับมาเดี๋ยวนี้!” จิ่งเป่ยเฉินตะโกนเรียก

ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าทิ้งเขาให้จัดการกับผู้หญิงที่น่ารำคาญแบบนี้เพียงลำพัง

อันโหรวหยุดเดินอย่างหมดหนทาง จะให้อยู่ดูหนังหวาดเสียวของพวกเขาหรือยังไงกัน

ความอดทนและฝีมือการปาข้าวของให้กระจัดกระจายของเขานั้นเธอย่อมรู้ดี

“เฉิน…” ลูซี่เดินเข้าไปหาจิ่งเป่ยเฉินด้วยรองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตรพร้อมกับโชว์ขาอ่อนของตัวเองเล็ก ๆ เผยให้เห็นขาที่เรียวยาวสวยของเธอ

“ออกไป!” จิ่งเป่ยเฉินพูดออกมาจากปากของเขาสองคำ

“เฉิน…ทำไมทำแบบนี้คะ เราสองคนมีเรื่องอื้อฉาวซุบซิบกันมาตั้งนาน เมื่อไหร่คุณจะเปิดตัวฉันสักที ฉันไม่อยากหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้อีกต่อไปแล้วนะ” ลูซี่เดินเข้าไปด้านข้างเขาอย่างกล้าหาญ ร่างนุ่ม ๆ ของเธอนั่งลงบนตักของจิ่งเป่ยเฉิน

ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็ลุกขึ้น ลูซี่จึงทรุดลงไปนั่งบนเก้าอี้ที่ว่างเปล่าแทน

“เฉิน คุณจะไปไหน?” เมื่อลูซี่ได้สติกลับมา จิ่งเป่ยเฉินก็ได้เดินอ้อมไปหาอันโหรวเสียแล้ว

“เธอรู้ไหมว่าแฟนสาวกับคนอื้อฉาวต่างกันตรงไหน?” จิ่งเป่ยเฉินคว้าเอวของอันโหรวเข้ามาแนบชิด พลางมองไปที่ลูซี่ที่กำลังมองมาเช่นกัน

“เฉิน นี่คุณหมายความว่ายังไง” เธอมองเขาอย่างตื่นตระหนก หรือว่าเขาจะชอบผู้หญิงแก่แบบยัยนี่จริง ๆ

เธอที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นานและได้ยินข่าวลือจากพนักงานในบริษัท เดิมทีเธอเองก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อได้เห็นลักษณะท่าทางที่โอบเอวกันของพวกเขาด้วยตาของตัวเองแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บไปทั้งหัวใจ

อันโหรวเองก็อยากจะรู้ จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป รอให้เขานั้นพูดต่อ

“ส่วนเรื่องข่าวอื้อฉาวระหว่างคุณกับผม พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” จิ่งเป่ยเฉินโอบรัดเอวของอันโหรวแน่นขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “นี่คือผู้หญิงของผม”

“คุณมันตาถั่วจริง ๆ” ลูซี่จ้องมองทั้งสองคนด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินเข้ามาคนทั้งสอง

เมื่อเห็นแขนของจิ่งเป่ยเฉินที่โอบกอดอันโหรวแบบนั้นจึงมองไปที่เขาอย่างจริงจัง “ ฉันไม่เชื่อหรอก คุณโกหกฉันใช่ไหมคุณเฉิน คุณจงใจเอายัยแก่นี่มาทำให้ฉันโกรธใช่ไหม ฉันทำให้คุณไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า คุณบอกฉันมาเลย ฉันจะปรับปรุงตัว”

“ผมไม่พอใจที่คุณมาหาผม ตรงนี้ช่วยกลับไปแก้ไขด้วย”

สีหน้าและแววตาของเขาดูนิ่งสงบ น้ำเสียงที่ผ่อนคลายของเขาให้ความรู้สึกเหมือนสายลมที่พัดผ่านมาอย่างแผ่วเบา แน่นอนว่านี่เป็นความรู้สึกของอันโหรว

“นี่ คุณ….”

ลูซี่กรีดร้องโวยวายด้วยความโมโห โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปด้วยความโมโห

ก่อนที่ประตูห้องทำงานจะถูกปิดลงด้วยเสียงอันดัง คงจะเป็นครั้งแรกที่ลูซี่ใช้แรงมากที่สุดเลยก็ว่าได้

เมื่อลูซี่จากไป อันโหรวก็ถอยตัวออกจากอ้อมแขนของเขาทันที และรีบถอยหลังไปอีกสองก้าว “ในเมื่อฉันช่วยเป็นเหยื่อให้ประธานจิ่งในครั้งนี้ เรื่องในลิฟต์ก็ถือว่าแล้วกันไปนะคะ”

“ครั้งนี้ยอมอ่อนข้อให้คุณก็ได้ แต่คงต้องให้รางวัลคุณสักหน่อยแล้ว” เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้พร้อมยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี

จิ่งเป่ยเฉิน คุณนี่มันได้คืบจะเอาศอกจริง ๆ

ดวงตาของอันโหรวลุกเป็นไฟเมื่อเห็นเขานั่งลงด้วยท่าทีที่สบายใจ พลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มอย่างสง่างาม เธอแทบอยากจะคว้าถ้วยน้ำชาแก้วนั้นแล้วเทมันลงบนหัวของเขาซะจริง ๆ

“ประธานจิ่งคะ ฉันไม่ต้องการรางวัลหรอก ชื่อเสียงนั้นสำคัญมากสำหรับคุณ ดังนั้นคุณต้องคิดให้รอบคอบก่อนนะ” เธอพูดเกลี้ยกล่อมเขา