ตอนที่ 72 : เจาะหน้าต่างกระดาษ
“อะไรนะ ? ” หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีต่างก็มองหน้ากัน
“ใช่แล้ว” ผู้หญิงทางซ้ายมือยิ้มออกมาและอธิบาย “ ชื่อของโรงแรมเราก็บอกแล้ว มันเรียกว่าโรงแรมเลิฟ ฉันหวังว่าพวกนักศึกษาที่มาที่นี่ก็เพื่อจะมาเพิ่มจำนวนประชากรเด็กให้มากขึ้น”
“ หือ ? เธอหมายความว่า…” หวังเย่าอ้าปากค้าง เขารู้สึกว่านี้คือสิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิตแล้ว “ มันเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ ? ”
“ใช่ “ พนักงานตอบกลับ “ เรารับแต่คู่รัก ถ้าไม่ใช่คู่รักก็จะแพงขึ้น 30% ถ้าเป็นคู่รักทางเราก็จะลดให้ 40% ผลก็คือมีคู่รักหลายคู่เช่าที่นี่ในระยะยาว หลายคู่จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไว้ตั้ง 4 ปี” พนักงานทางซ้ายมือพูดขึ้น
“ตอนนี้เราเหลือแค่ห้องเดียว ถ้าพวกคุณคือคู่รัก พวกคุณก็สามารถเข้าพักได้ หรือต่อให้ไม่ใช่ ก็ยังสามารถเข้าพักได้เช่นกัน เพียงแต่ราคาจะแพงขึ้น 30% “
ทันทีที่เธอพูดจบ พวกเธอก็มองมาที่หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซี
หวังเย่านิ่งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความลังเล “ถ้าเราเป็นคู่รักกันจริง แล้วเราจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเราเป็นคู่รักกัน ? ”
“ ก็ง่ายๆ “ พนักงานทางขวาพูดขึ้น “มันมีหลายทางที่จะยืนยันเรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่น มีรูปถ่ายใกล้ชิดกันรึใส่ชุดคู่รักหรือโอบอีกฝ่ายเพื่อเป็นการยืนยัน”
หวังเย่าได้แต่ยืนนิ่ง ดูเหมือนว่าถ้าไม่ทำแบบที่พวกเธอบอกมา พวกเธอคงจะไม่เชื่อ แม้ว่าเขาจะอยากโอบจ้าวเมิ่งซี แต่ยังไงเขาก็ไม่มีความกล้าพอ ในใจเขายังรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับอีกฝ่ายอยู่
“เราต้องทำยังไง ? ” หวังเย่ามองไปที่จ้าวเมิ่งซีด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
จ้าวเมิ่งซีได้แต่ปิดปากและก้มหน้าก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธ “ฉันไม่เคยเห็นโรงแรมแบบนี้มาก่อน ฉันจะไปฟ้องร้อง”
“ งั้น…เราก็ต้องขอโทษด้วยสำหรับความไม่สะดวก แต่เรามีใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย รวมไปถึงใบรับรองด้านความปลอดภัย, ไฟไหม้และประกันภัยด้านอื่น ๆ ที่นี่เรามีหมด ฉันหวังว่าเธอคงไม่คิดฟ้องร้องทางเรา “ พนักงานทั้งสองตอบกลับ
ตอนนั้นจ้าวเมิ่งซีถึงกับหมดหนทาง ความหงุดหงิดเมื่อตะกี้หายไปทันที
หวังเย่าเองก็แสดงสีหน้ากังวลออกมา
ตอนนั้นเองก็มีคู่รักคู่หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง พวกนั้นเหมือนกับต้องการจะมาเช่าที่นี้
“ไม่นะ” หวังเย่ารู้สึกร้อนรนขึ้นมา เพื่อจะได้หลับฝันดีในคืนนี้ เขาไม่สนอะไรอีกต่อไป เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป
เขารีบดึงหัวจ้าวเมิ่งซีให้มาซบที่ไหล่พร้อมกับจูบไปที่หน้าผากของเธอ
จ้าวเมิ่งซีในตอนนั้นได้แต่ตกตะลึง อยู่ ๆ มันก็เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น เธอไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ แต่เธอก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เธอรู้ว่าเมื่อต่อต้านไปแล้ว แผนทุกอย่างก็จะพัง
3 วินาทีต่อมา หวังเย่าก็เช็ดปากแล้วเงยหน้ามองพนักงานทั้งสองคน “ตอนนี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าพวกเราเป็นคู่รักกัน ผู้หญิงสุดสวยคนนี้คือแฟนของฉันเอง”
พนักงานสาวพยักหน้าก่อนจะพูดออกมา “ได้ เรายืนยันความสัมพันธ์ของคุณสองคนแล้ว งั้นขอสายรัดข้อมือเพื่อยืนยันตัวตนด้วย”
หลังจากลงทะเบียนแล้วพนักงานสาวก็ได้ส่งบัตรห้องให้ ก่อนที่พนักงานอีกคนจะส่งคู่มือของห้องให้
หวังเย่ารับบัตรและคู่มือห้องมาก่อนจะเดินออกไป
“โรงแรมคู่รักงั้นหรือ ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ? ” จ้าวเมิ่งซีได้แต่บ่นพึมพำออกมาด้วยใจที่เต้นรัว
“พอแล้ว ไปกันเถอะ” หวังเย่ารีบจับมือจ้าวเมิ่งซีเดินไปที่ลิฟต์ทันที
จ้าวเมิ่งซีได้แต่เดินตามไปอย่างเชื่อฟังราวกับกระต่ายน้อย
“ห้องเราเบอร์ 520” ตอนที่ขึ้นลิฟต์นั้น หวังเย่าก็เห็นหมายเลขห้องก่อนจะแปลกใจขึ้นมา
มีแค่พวกเขาสองคนในลิฟต์ จ้าวเมิ่งซีก้มหน้าอยู่ตลอดปล่อยให้ หวังเย่าจับมือของเธออยู่อย่างนั้น
เมื่อมาถึงห้อง เขาก็ได้เปิดประตูห้องเข้าไปทันที
“ห้องใหญ่จริง ๆ ทุกอย่างตกแต่งไว้อย่างดี” เมื่อเข้ามาในห้อง หวังเย่าก็ได้มองไปรอบ ๆ ด้วยความแปลกใจ
แต่ไม่นานเขาก็บ่นออกมา “เพียงแต่ ทำไมถึงมีแค่เตียงเดียว แม้จะมีห้องนอนห้องเดียว แต่ห้องนั่งเล่นกลับมีโซฟาสั้นสองอัน มันไม่มีโซฟายาวเลยด้วยซ้ำ”
จ้าวเมิ่งซีมองไปที่เขาด้วยสีหน้าโกรธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “อย่าคิดมากน่า ไม่อยู่ที่นี่ เราก็ไม่มีที่อื่นอยู่แล้วนะ ถึงเราจะแกล้งเป็นคู่รักกัน แต่อันที่จริงตราบใดที่นายไม่ต้องการเราเป็นเพื่อนกันก็ได้”
หวังเย่าหวั่นไหวอย่างมาก แต่ก็ยังสงสัยด้วย “เพื่อนงั้นหรือ ? เพื่อนแบบไหน เราไม่ได้สนิทกัน เราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบคู่รักด้วย”
“ไม่” จ้าวเมิ่งซีเงยหน้าขึ้นและมองเข้าไปในตาของเขา “นายจำไม่ได้รึไงว่าเราแกล้งเป็นคู่รักกันอยู่”
หวังเย่าอ้าปากค้าง เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะทะลุปากออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะดึงเธอมาโอบไว้และพูดขึ้น “ก็ได้ หลังจากนี้เรามาดูใจกันไหม งั้นฉันเรียกเธอว่าเสี่ยวซีนะ ? ”
“ไม่ได้ นายห้ามเรียกชื่อนี้” จ้าวเมิ่งซีปฏิเสธทันที “นั่นเป็นชื่อที่พ่อกับแม่เรียกฉัน นายเรียกชื่อนี้ไม่ได้”
“แล้วให้ฉันเรียกเธอว่าอะไร ? ” หวังเย่าสับสน “เพื่อนร่วมชั้นจ้าวเมิ่งซีรึไง ? ”
“ไม่มีรสนิยมเอาซะเลย” จ้าวเมิ่งซีคิดก่อนจะพูดขึ้น “เรียกฉันว่าเมิ่งก็แล้วกัน มันจะได้ฟังเหมือนนายฝันถึงฉัน”
“ก็ได้ งั้นต่อไปนี้ฉันจะฝันถึงเธอทุกวัน” หวังเย่าหัวเราะออกมา
“นายกล้าดียังไงบังอาจมาฝันถึงฉัน ? ”
“เฮ้อ…ก็ได้ ๆ ไม่ฝันถึงเธอก็ได้”
“งั้นก็ตกลงตามนี้ ถ้าอย่างนั้นเราก็เช่าที่นี่ 1 ปีเป็นไง ? ” จ้าวเมิ่งซีแสดงสีหน้าคาดหวังออกมา
“เอาตามที่เธอพูดก็แล้วกัน” ในใจหวังเย่าราวกับมีดอกไม้เป็นหมื่น ๆ ดอกผลิบานอยู่ในอก
แต่ไม่นานก็มีคำพูดหนึ่งที่ทำให้เขาได้สติขึ้นมา
“งั้นก็ตกลงตามนี้และอย่างที่นายบอกมา ฉันนอนบนเตียง ในเมื่อโซฟาตัวยาวไม่มี งั้นนายก็นอนที่พื้นและห้ามทำอะไรฉัน” จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ …ฉันขอค้าน” หวังเย่าอุทานออกมา
“ค้านไม่ได้ ในฐานะผู้หญิงแล้ว ฉันมีสิทธิ์ที่จะเลือกและปฏิเสธที่จะนอนร่วมเตียงกับนาย”
..
แม้ว่าทั้งสองจะอยู่แยกกัน แต่หวังเย่าก็ใช่ว่าจะไม่พอใจ ในใจเขาเองก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย
เพราะวัฒนธรรมของทั้งสองโลกที่แตกต่างกัน แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ แต่ในโลกนี้ตราบใดที่อายุ 16 ปีแล้วก็สามารถเข้าพักที่โรงแรมได้ตามสบาย
เพราะพวกเขายังเด็ก ทั้งสองจึงต้องตกลงกันอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่เอาเปรียบอีกฝ่าย พวกเขาจะรอจนกว่าจะรักกันจริง ๆ ถึงจะทำแบบนั้นได้
กริ๊ง !
ตอนนั้นเองอยู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นโจวอวิ๋นที่โทรเข้ามา
“ฉันมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยแล้ว ให้ฉันไปหานายที่ไหน ?”
“ฉันไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย ที่นั้นไม่ได้ให้ที่พัก นายวนกลับมา มันจะมีโรงแรมเลิฟอยู่ ฉันอยู่ที่นี่”
“โรงแรมเลิฟ งั้นก็เป็นโรงแรมคู่รักน่ะสิ นายนี่รุกหนักจริง ๆ ” โจวอวิ๋นอุทานออกมา
“หุบปากไปเลย ฉันให้นายมาดูแลฉัน ถ้าไม่ให้ฉันพักที่นี่แล้วจะให้ฉันไปพักที่ไหน ที่อื่นก็เต็มกันหมดแล้ว” เมื่อพูดจบ หวังเย่าก็ตัดสายทิ้งทันที เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังจ้าวเมิ่งซีที่ซึ่งตอนนี้หน้าแดงไปจนถึงใบหู
5 นาทีต่อมา หวังเย่าก็ลงไปที่ชั้นล่างเพื่อไปพบกับโจวอวิ๋น
“ฉันต้องทำยังไงต่อ ? ” โจวอวิ๋นรู้ว่าแถวนี้ไม่มีที่พัก เขาแสดงสีหน้าหมดหนทางทันที
“ไม่ต้องกังวล ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองในปีแรก ดังนั้นนายจึงไม่จำเป็นต้องมาคอยดูแลฉัน นายไปเข้าร่วมกองทัพทหารรับจ้างก่อน เพื่อศึกษาการลาดตระเวน”
“ ก็ได้ ฉันจะทำตามที่นายบอก” โจวอวิ๋นตอบกลับ “อาเย่า นายสบายใจได้ ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง”
หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะนึกถึงบางอย่าง โจวอวิ๋นเป็นคนของเขาและถึงกับเชื่อเขาทุกอย่าง งั้นเขาก็ควรช่วยอีกฝ่ายด้วย
เขาจำได้ว่าอสูรของโจวอวิ๋นเป็นแค่แรคคูนระดับทองแดงเลเวล 16 เท่านั้น