เซียวจื่อเซวียนลุกพรวดขึ้นจนเสียงดังตึง เซียวหมิงจูมองด้วยแววตาตกใจ เซียวจื่อเซวียนมองเซียวหมิงจูพร้อมกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พี่หมิงจู พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าบอกไว้ ว่าจะให้พวกเราได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้น นางไม่มีทางเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก! “
เซียวหมิงจูกล่าว “แล้วถ้าพี่ใหญ่ของเจ้าสอบเป็นซิ่วไฉไม่ได้ล่ะ? เจ้ามั่นใจได้หรือว่าเซี่ยยวี่หลัวจะยังคงเป็นเซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้? “
เซียวจื่อเซวียนกำหมัดแน่น วาจาของเซียวหมิงจูเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงอยู่บนร่างกายเซียวจื่อเซวียน
เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงดีต่อพวกเขา?
หากคราวนี้พี่ใหญ่สอบเป็นซิ่วไฉไม่ได้ล่ะ?
เมื่อความใฝ่ฝันของเซี่ยยวี่หลัวไม่เป็นจริง นางจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเซี่ยยวี่หลัวคนเดิมอีกหรือไม่?
เซียวจื่อเซวียนไม่มั่นใจ
แต่ตอนนี้ภายในใจเขามีเพียงความคิดเดียว
คนที่รวบรวมเงินทั้งหมดที่มีในบ้าน อดหลับอดนอนคืนแล้วคืนเล่า เฝ้าคัดตำราอย่างแข็งขันวันแล้ววันเล่า เพื่อหาเงินให้พี่ใหญ่ไปสอบ คือเซี่ยยวี่หลัว
คนที่บอกกับเขาว่า นางจะพยายามสุดความสามารถเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น บอกว่านางในอดีตไม่ใช่นางในปัจจุบัน คือเซี่ยยวี่หลัว
นับตั้งแต่วันที่พี่ใหญ่ไป เซี่ยยวี่หลัวก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
กลายเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจ ไม่อาจคาดเดาได้ แต่กลับชอบนางในตอนนี้เสียยิ่งกว่าอะไร
เมื่อได้ฟังเซียวหมิงจูกล่าววาจาให้ร้าย เซียวจื่อเซวียนกำหมัดแน่น โต้ตอบเพื่อปกป้องเซี่ยยวี่หลัว
“พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่ดี ไม่ว่าพี่ใหญ่ของข้าจะสอบผ่านหรือไม่ พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวจบ ก็พุ่งพรวดออกไป
ไม่สนใจเสียงเรียกของเซียวหมิงจูที่อยู่ด้านหลัง แม้แต่ไข่ไก่ก็ไม่ได้ซื้อ
เซียวหมิงจูวิ่งออกจากประตูตามไป แต่เซียวจื่อเซวียนวิ่งเร็วมาก นางไล่ตามไม่ทัน เมื่อถึงตรงประตู นางไม่กล้าตะโกนเรียกอีก ได้แต่ทนมองแผ่นหลังของเซียวจื่อเซวียนหายวับไปตรงหัวมุม
เมื่อก่อนเซียวจื่อเซวียนเชื่อฟังนางเป็นที่สุด เห็นนางเหมือนพี่สาวแท้ๆ แต่ตอนนี้ เขากลับโต้แย้งนางเพื่อสตรีอีกคนหนึ่ง
เซียวจื่อเมิ่งเปลี่ยนไป เซียวจื่อเซวียนก็เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปหมด เปลี่ยนไปหมด
เซี่ยยวี่หลัวที่สมควรตายนั่น หว่านล้อมล่อหลอกเด็กสองคนนี้อย่างไรกัน
ถ้าอายวี่กลับมา อายวี่ก็จะมองสตรีผู้นั้นต่างจากเดิมหรือไม่?
หากเป็นเช่นนั้น หากอายวี่ไม่เกลียดชังสตรีผู้นั้นแล้วจริงๆ …
เซียวหมิงจูเกาะตรงประตู มองไปด้านหน้าด้วยท่าทางไม่พอใจ ความแค้นที่ฉายประกายอยู่ในเบื้องลึกแววตาประหนึ่งคลื่นยักษ์ถาโถม สามารถกลืนกินคนให้จมหายไปได้ในทันทีทันใด
หลังจากเซียวจื่อเซวียนพุ่งพรวดออกไป ก็หาสถานที่ลับตาคน ปรับอารมณ์อยู่นาน เมื่อสงบใจได้แล้ว จึงหิ้วตะกร้า มุ่งหน้าไปยังบ้านท่านปู่เซียว
บ้านท่านปู่เซียวก็มีไข่ไก่ เขาซื้อไข่ไก่สิบฟอง และข้าวสารอีกหลายจิน แล้วจึงกลับบ้าน เมื่อเดินถึงหน้าบ้านเซียวหมิงจู เซียวจื่อเซวียนจงใจเดินออกห่างเล็กน้อย จากนั้นจึงกลับบ้าน
เซี่ยยวี่หลัวกับเซียวจื่อเมิ่งกำลังถอนหญ้าอยู่ในสวนหลังบ้าน หลังจากเซียวจื่อเซวียนกลับถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมถึงไปซื้อนานถึงเพียงนี้? “
เซียวจื่อเซวียนกล่าว “อ่อ บ้านท่านป้าสี่ไม่มีไข่ไก่ ข้าจึงตรงไปบ้านท่านปู่เซียว บ้านเขามีไข่ไก่ จึงซื้อกลับมาพร้อมข้าวสาร”
เซียวจื่อเมิ่งส่งเสียง “เอ๋” ทีหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวมองเซียวจื่อเซวียนแวบหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร ก้มตัวถอนหญ้าต่อ
เซียวจื่อเซวียนถกแขนเสื้อขึ้น เข้าไปช่วยถอนหญ้าด้วย
เซี่ยยวี่หลัวจะพูดเรื่องตลกที่เข้าใจง่ายหนึ่งถึงสองเรื่องเป็นครั้งคราว ทั้งสามคนถอนหญ้าไปพลางหัวเราะไปพลาง ไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย จนถึงตอนที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ทั้งสามคนถอนหญ้าในพื้นที่หนึ่งเมตรห่างจากรั้วสนามออกหมดแล้ว
พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน พวกเซี่ยยวี่หลัวทั้งสามคนล้างมือจนสะอาด เริ่มเตรียมอาหารเย็น
ตอนเช้าจับปลามาได้ห้าถึงหกตัว ตอนเที่ยงต้มไปครึ่งหนึ่ง กินหมดแล้ว ตอนเย็นเหลืออีกครึ่งหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวคิดจะทำซุปปลาจี้ใส่ไข่ดาว
หลังจากล้างกระทะเสร็จ อุ่นกระทะใส่น้ำมัน ทอดไข่หนึ่งฟอง ตักขึ้นมา แล้วจึงทอดปลาในน้ำมันจนเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน จากนั้นเทน้ำร้อนลงไป เมื่อน้ำเดือดอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวใส่ไข่ดาวที่ทอดเสร็จแล้วกลับเข้าไป
เมื่อน้ำซุปเดือดอีกครั้ง ภายในห้องครัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไข่และเนื้อปลาลอยตลบอบอวล เซียวจื่อเมิ่งเข้าไปเกาะติดเซี่ยยวี่หลัว “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าอยากกิน หอมเหลือเกิน”
“ใกล้เสร็จแล้ว รออีกหน่อย… ” ใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวเต็มไปด้วยความเอ็นดูและเมตตา เซียวจื่อเซวียนกำลังใส่ฟืนอยู่ด้านหลังเตาไฟ เขาหันมองไปทางเตาปรุงอาหาร ท่ามกลางไอน้ำที่ลอยล่อง ใบหน้าอันงดงามของเซี่ยยวี่หลัวในยามนี้ดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมารูปโฉมของนางงดงามสะดุดตา งามสง่าอย่างเด่นชัด
แต่เวลานี้ กลับอ่อนโยนราวกับเป็นมารดาคนหนึ่ง
ถูกต้อง ลักษณะของเซี่ยยวี่หลัวในยามนี้ ทับซ้อนกับมารดาที่ด่วนจากไปของเขา
ในความทรงจำของเขา ยังจำได้ว่าก่อนที่ท่านแม่จะล้มป่วย จะทำอาหารอร่อยให้เขากิน จะปูที่นอนแสนอบอุ่นให้เขา จะกอดเขาและเล่านิทานให้ฟัง
วาจาของเซียวหมิงจูเมื่อครู่นี้…
เซียวจื่อเซวียนจ้องเปลวเพลิงในเตาไฟเขม็ง แสงไฟสว่างเป็นครั้งคราว ส่องเพลิงโทสะในแววตาของเขาจนเจิดจ้า
เมื่อกินข้าวเสร็จ ปกติเซียวจื่อเซวียนจะกินข้าวได้หนึ่งชาม ซุปอีกสองถ้วย คราวนี้ดื่มซุปปลาได้เพียงถ้วยเดียว
เซี่ยยวี่หลัวประหลาดใจมาก “เหตุใดเจ้าถึงกินแค่นี้? ”
เซียวจื่อเซวียนไม่อาจพูดปด “กินขนมสามชิ้นที่บ้านท่านป้าสี่มาแล้ว” ทั้งยังดื่มน้ำอีกหนึ่งถ้วย กินจนอิ่มท้อง
เซียวจื่อเมิ่งกล่าว “พี่รอง ตอนท่านเพิ่งไป ข้าเห็นท่านป้าสี่ไปในไร่นา ข้าเห็นแต่ไกลพอดี”
ในตอนนั้น เซียวจื่อเซวียนน่าจะยังไม่ถึงบ้านท่านป้าสี่
เซี่ยยวี่หลัวหันมองเซียวจื่อเซวียน
ใบหน้าเซียวจื่อเซวียนขึ้นสีแดง เหมือนเด็กที่กระทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น “ท่านป้าสี่ไม่อยู่บ้าน พี่หมิงจูอยู่บ้าน! พี่หมิงจูให้ข้ากินขนมหลายชิ้น…”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าไม่ให้รับของจากคนอื่นโดยง่าย? ครั้งก่อนพี่หมิงจูให้ของข้าชิ้นหนึ่ง พี่สะใภ้ใหญ่ให้ข้าคืนกลับไปแล้ว”
“ของอะไร? ” เซียวจื่อเซวียนไม่รู้เรื่องนี้ จึงรีบเอ่ยถาม
“จื่อเมิ่ง กินข้าว! ” เซี่ยยวี่หลัวดุเสียงเบา
เสียวจื่อเมิ่งขานตอบ “อือ” ก่อนมุดหน้ากินข้าว
เดิมทีเซียวจื่อเซวียนอยากถาม แต่เห็นว่าพี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยากให้น้องสาวพูด เขาก็ได้แต่ปล่อยไป เนื้อปลาตรงหน้าหอมมาก ไข่ดาวหอมมาก ซุปปลาก็หอมมาก แต่เขารู้สึกอิ่มท้องเพราะขนมสามชิ้นนั้นและน้ำอีกหนึ่งถ้วยแล้ว กินไม่ลงเลยแม้แต่น้อย
บางที ในท้องของเขาอาจมีอารมณ์โมโหที่สะกดกลั้นไว้ด้วย ดังนั้นจึงกินไม่ลง!
เซี่ยยวี่หลัววางเนื้อปลาส่วนท้องที่นำก้างออกหมดแล้วไว้ในถ้วยเล็กข้างเซียวจื่อเมิ่ง ส่วนไข่ปลาวางไว้ในชามของนาง เด็กน้อยยกชามข้าวขึ้น ดื่มซุปคำโต กินข้าวคำโต มีอาหารเต็มสองกระพุ้งแก้ม ดูแล้วช่างน่ารักเป็นที่สุด
หลังกินอาหารเย็น เซียวจื่อเซวียนยังคงไปล้างชามตามเดิม เซี่ยยวี่หลัวเก็บของอยู่ในห้อง
ในห้วงความคิดเซียวจื่อเซวียนยังคงคิดถึงวาจาของเซียวหมิงจูตลอด จิตใจสับสนวุ่นวาย
เซี่ยยวี่หลัว เป็นคนแบบนั้นจริงหรือไม่?
เขาคิดจนใจลอย ไม่รู้ตัวเลยว่าเซียวจื่อเมิ่งกำลังเดินมาหาเขาช้าๆ
“พี่รอง…” น้ำเสียงอ่อนหวานน่ารักของเซียวจื่อเมิ่งดังขึ้นข้างหู
“อ๊ะ…” เซียวจื่อเซวียนตกใจสะดุ้ง ชามในมือเกือบร่วงลงไปในกระทะ [1]
เชิงอรรถ
[1] ครัวจีนโบราณของชาวบ้านทั่วไป รวมถึงครัวจีนบางครอบครัวในยุคปัจจุบัน จะล้างจานชามในกระทะเหล็กที่ใช้ปรุงอาหาร