เล่มที่ 3 บทที่ 68 ไม่อาจทนต่อผู้กระทำผิดแม้เพียงน้อยนิด

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

“เจ้ามาได้อย่างไร? ทำไมถึงไม่อยู่กับพี่สะใภ้ใหญ่? ”

 “พี่สะใภ้ใหญ่กำลังยุ่งอยู่ ข้าไม่มีอะไรทำ จึงมาคุยกับท่าน” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่รอง ท่านไปหาพี่หมิงจูงั้นหรือ? ”

 “อืม! ”

 “ท่านกินขนมที่พี่หมิงจูให้ด้วยงั้นหรือ? ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าว

เซียวจื่อเซวียนรู้สึกเก้อเขิน “อืม กินแล้ว นางให้ข้านำกลับมาให้เจ้าด้วย แต่ข้ารีบออกมา ก็เลยลืม! ”

เขาเองก็รู้สึกเกรงใจ

เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “พี่รอง ข้าไม่กินหรอก! ”

เซียวจื่อเซวียนรู้สึกประหลาดใจ “เมื่อก่อนเจ้าชอบพี่หมิงจูมากไม่ใช่หรือ? ของที่นางให้ เหตุใดถึงไม่กิน? ”

 “พี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกไว้ ว่าจะรับหรือกินของของคนอื่นโดยง่ายไม่ได้ พี่หมิงจูไม่ใช่คนในครอบครัวเรา ของของนางจะรับโดยง่ายไม่ได้ และจะกินโดยง่ายไม่ได้! ” เซียวจื่อเมิ่งจดจำวาจาของเซี่ยยวี่หลัวขึ้นใจ

เซี่ยวจื่อเซวียนนึกเอะใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าพี่หมิงจูให้ของเจ้า พี่สะใภ้ใหญ่ให้เจ้าคืนกลับไป คืออะไร? ”

 “ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าว

 “ผ้าเช็ดหน้า? ผ้าเช็ดหน้าอะไร? ”

 “เป็นผ้าเช็ดหน้าที่พี่หมิงจูมอบให้พี่ใหญ่ พี่ใหญ่คืนผ้าเช็ดหน้าให้พี่หมิงจู พี่หมิงจูนำมาให้ข้าอีก บอกให้ข้าใส่ไว้ในสัมภาระของพี่ใหญ่! แต่วันนั้นข้าลืมไป จึงไม่ได้ใส่ให้! ” เซียวจื่อเมิ่งบอกเล่าอย่างละเอียด

เซียวจื่อเซวียนตกใจมาก “ผ้าเช็ดหน้าแบบไหน? ”

เซียวจื่อเมิ่งกัดนิ้วพร้อมกล่าว “ข้านึกว่าที่ปักไว้บนผ้าเช็ดหน้าเป็นนกน้ำ แต่พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่ามันเป็น…”

 “เป็นอะไร? ” เซียวจื่อเซวียนไต่ถามด้วยความร้อนรน

 “พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า บนผ้าเช็ดหน้าที่พี่หมิงจูมอบให้พี่ใหญ่ ปักนกยวนยางไว้! ”

 “เพล้ง…”

คราวนี้ชามในมือเซียวจื่อเซวียน ลื่นตกลงไปในกระทะ น้ำสาดกระเซ็นเต็มใบหน้าเขา

นกยวนยาง นั่นคือนกแห่งความรักที่ชายหญิงจะมอบให้แก่กันเพื่อสื่อความรู้สึกรัก

เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเสียงจากห้องครัว จึงรีบวิ่งมา “เกิดอะไรขึ้น? ”

ชามที่ร่วงหล่นลงไปในกระทะกระทบจนเกิดเสียงชามแตก เซียวจื่อเซวียนมองชามในกระทะด้วยอาการเหม่อลอย มันแตกออกเป็นสองส่วนแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวรีบเข้ามา กล่าวตำหนิ “ทำไมถึงไม่ระวัง หลีกไป ข้าจะนำมันออกมา ระวังอย่าให้บาดมือ! ”

นางหยิบชามที่ตกแตกออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงนำชามใบอื่นๆที่ยังไม่แตกออกมา ใช้กระบวยตักน้ำในกระทะออกจนหมด มั่นใจแล้วว่าในนั้นไม่มีเศษชามที่แตกแล้วจึงเทน้ำร้อนเข้าไปจำนวนหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะลงมือล้างชามกับตะเกียบ เซียวจื่อเซวียนเรียกคืนสติจากอาการเหม่อลอย จึงแย่งชามกับตะเกียบไป ก่อนจะล้างพวกมันจนสะอาดด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

สีหน้าของเขาดูกระวนกระวายและวิตกกังวล เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

หลังอาบน้ำเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวพาเซียวจื่อเมิ่งขึ้นเตียง เล่านิทาน

เซียวจื่อเซวียนยังคงนั่งอยู่ริมเตียงเพื่อฟังนิทาน

หลังจากเล่านิทานจบหนึ่งตอน เซียวจื่อเมิ่งนอนหลับสนิท ปกติแล้ว เวลานี้เซียวจื่อเซวียนก็ควรกลับไปพักผ่อน แต่เขาไม่ได้ขยับ

นั่งอยู่ตรงริมเตียง ก้มหน้าลง เหมือนจะกล่าวอะไรแต่ก็ไม่ได้กล่าว

 “มีอะไรงั้นหรือจื่อเซวียน? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม

เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน มองดูเซี่ยยวี่หลัว เม้มริมฝีปากบางจนเป็นเส้นตรง แววตาฉายประกายดิ้นรนสับสน

เขามีเรื่องอยู่ในใจ

 “เพราะเรื่องซื้อไข่วันนี้ใช่หรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจทันที

เซียวจื่อเซวียนออกไปซื้อของ หลังจากกลับมาก็มีท่าทางแปลกไป กินขนมที่บ้านท่านป้าสี่ แล้วจึงไปซื้อไข่ไก่ที่บ้านท่านปู่เซียว ระหว่างนั้น อาจมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ใช่”

 “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ดวงหน้าของนางงดงามมาก ตามปกติแล้วจะดูงดงามเย็นชาจนทำให้อึดอัด ทว่าเวลานี้ภายใต้แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันมืดสลัว นางงดงามอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล น้ำเสียงของนางทั้งเบาและอบอุ่น เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนสาม พัดมากระทบบนกาย ทั้งอ่อนโยนและเป็นกันเอง

 “ข้าได้ยินจากจื่อเมิ่ง ว่าพี่หมิงจูมอบผ้าเช็ดหน้ายวนยางผืนหนึ่งให้พี่ใหญ่”

 “ไม่เป็นอะไร ข้าให้จื่อเมิ่งคืนผ้าเช็ดหน้ากลับไปแล้ว ยังดีที่นางเป็นเด็กเล็ก จึงจำเรื่องบางอย่างไม่ค่อยได้ หากมอบให้พี่ใหญ่ของเจ้าจริง เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวพลางถอนหายใจ

พกผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายยวนยางติดตัวสามเดือนกว่า ไม่มีเรื่องก็ต้องมีเรื่องแล้ว

 “พี่ใหญ่แต่งงานแล้ว นางยังจะมอบผ้าเช็ดหน้าแบบนั้นให้พี่ใหญ่อีก ไม่ได้หวังดีแน่! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยอารมณ์โมโห

ต่อให้เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่จะไม่ดีนัก ทว่า ไม่ว่าอย่างไร พี่ใหญ่ก็แต่งงานกับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว

ในหมู่บ้านเล็ก แต่ละครอบครัวต่างใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก สามารถแต่งภรรยาได้ก็ถือว่ามีบุญวาสนาสูงมากแล้ว มีพ่อม่ายแม่ม่ายบางคนที่อาจจะมีโอกาสได้แต่งงานอีกครั้ง แต่ส่วนมากคนอื่นๆ โดยพื้นฐานแล้วจะครองคู่เพียงหนึ่งสามีหนึ่งภรรยาเท่านั้น

ขนบประเพณีพื้นบ้านเรียบง่าย เรื่องบางอย่างก็ไม่อาจเสี่ยงได้

โดยเฉพาะปัญหาเรื่องชายหญิง สตรีที่แต่งงานแล้วคบชู้ต้องถูกขังในกรงหมูจับถ่วงน้ำ บุรุษที่แต่งงานแล้วมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงอื่น แม้จะเรียกได้ว่าเสเพล แต่หากกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ก็ไม่ส่งผลดีต่อเซียวยวี่แน่นอน

 “ในภายภาคหน้าพี่ใหญ่ของเจ้าต้องได้เป็นขุนนางแน่ หากปล่อยให้เรื่องเล็กแค่นี้ทำลายชื่อเสียงอันดีของพี่ใหญ่เจ้า ย่อมได้ไม่คุ้มเสีย! ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “แต่ตอนนี้ยังดี ที่คืนของไปแล้ว ไม่เป็นอะไร! ”

เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “อืม”

 “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่โกรธเซียวหมิงจูหรือ? ” ตอนแรกยังเรียกพี่หมิงจู ตอนนี้เรียกเซียวหมิงจูแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวนึกขำขันอยู่ในใจ เด็กคนนี้ โกรธเกลียดความชั่วร้ายเสียจริง ไม่อาจทนต่อผู้กระทำผิดแม้เพียงน้อยนิดได้

 “ไม่โกรธ พี่ใหญ่ของเจ้าโดดเด่นถึงเพียงนั้น สตรีอื่นมีใจให้เขา ถือเป็นปกติธรรมดา” เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม

ราชบัณฑิตน้อยในอนาคต ไม่รู้ว่ามีสตรีอื่นมีใจให้เขามากเพียงใด หากนางเก็บมาใส่ใจทั้งหมด นางคงไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น…

เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้ายิ้มด้วยความปลงอนิจจัง เดิมทีตนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยืนอยู่เคียงข้างเขา ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เขาก็ต้องได้รู้จักกับนางเอกที่แท้จริง ตัวเองมีสิทธิอะไรไปถือโทษ?

เซียวจื่อเซวียน “พี่ใหญ่เขา…” ไม่ใช่คนหลายใจ

เมื่อครู่เขาเห็นประกายหดหู่ในแววตาพี่สะใภ้ใหญ่

 “ไม่พูดแล้ว” เซี่ยยวี่หลัวพูดขัดเซียวจื่อเซวียน “นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เซี่ยยวี่หลัวนึกว่า เซียวจื่อเซวียนจะคุยกับนางเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว

เซียวจื่อเซวียนยังคงไม่ไป มองดูเซี่ยยวี่หลัว สุดท้ายก็บอกเล่าวาจาที่เซียวหมิงจูกล่าวกับเขาในช่วงบ่ายให้เซี่ยยวี่หลัวฟังโดยไม่ขาดตกแม้แต่คำเดียว รวมถึงเรื่องที่เซียวหมิงจูว่าร้ายเซี่ยยวี่หลัว บอกนางทั้งหมด

 “ทำไมถึงต้องบอกเล่าวาจาของนางให้ข้าฟังทั้งหมด? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

เซียวจื่อเซวียนเงยหน้า “เพราะข้าเชื่อว่าพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ใช่คนแบบนั้น! ”

พี่สะใภ้ใหญ่รู้ว่าเซียวหมิงจูแอบมอบผ้าเช็ดหน้าให้พี่ใหญ่ ด้วยนิสัยเดิมของพี่สะใภ้ใหญ่ คงไปหาเรื่องคิดบัญชีกับเซียวหมิงจูถึงที่นานแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เพราะอะไร? ”

 “ท่านส่งเงินทั้งหมดที่มีในบ้านให้พี่ใหญ่ เพราะเป็นห่วงว่าพี่ใหญ่อยู่ข้างนอกจะลำบาก ทั้งยังทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเรากิน ดูแลพวกเรา และปลูกพืชผล บนมือมีตุ่มน้ำพองขึ้นมากมายท่านก็ไม่ยอมบอก ท่านไม่ใช่คนแบบนั้น! ”

เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าไม่กลัวจริงหรือ ว่าข้าจะดีกับพวกเจ้าเพราะพี่ใหญ่ของเจ้าไปสอบเป็นซิ่วไฉ? “

เซียวจื่อเซวียนไม่ส่ายหน้า แต่ก็ไม่พยักหน้า

เขาไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไร!

เขาก็กลัวเหมือนกัน

“เจ้าก็กำลังกลัวอยู่ ใช่หรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม