ตอนที่ 167 หวาน เขาเป็นคนในครอบครัว / ตอนที่ 168 หน้าแตกดังเพล้ง

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 167 หวาน เขาเป็นคนในครอบครัว

 

 

นัยน์ตาแหลมคมของฟังจือหันปรายมามองอวี๋กานกานแวบหนึ่ง รอจนกระทั่งเธอขึ้นรถแล้ว นิ้วมือเรียวยาวดีดเข้าที่หน้าผากของเธอ “ในจดหมายเรียนเชิญบอกให้พาคนในครอบครัวไปด้วยไม่ใช่หรือไง”

 

 

อวี๋กานกานกุมหน้าผากตรงจุดที่เจ็บ สายตาจ้องมองฟังจือหันที่อยู่นอกรถพร้อมกับบ่นพึมพำ “นายไม่ใช่คนในครอบครัวฉันสักหน่อย…”

 

 

ในตอนที่ฟังจือหันก้าวขึ้นรถ เธอรีบเงียบเสียงทันที ใครให้เธอขาดคนขับรถพอดีเหล่า

 

 

รถขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนด้วยความเร็วสูง เพียงครู่เดียวก็มาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง งานเลี้ยงของหลินกั๋วเฟิงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหลินซื่อ

 

 

ในตอนที่พวกเขาเดินเข้างาน ห้องโถงใหญ่อันหรูหราโอ่อ่าแน่นขนัดไปด้วยแขกเป็นที่เรียบร้อย อวี๋กานกานกวาดตามอง ราวกับว่าทุกคนในงานจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงนักธุรกิจ นักการเมือง จิตรกร ดารานักแสดงในวงการบันเทิงและแน่นอนเธอเห็นเฉียวพั่นเอ๋อร์อยู่ในงานด้วย

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ยืนอยู่ด้วยกันกับหลินจยาอวี่ ทั้งยังมีสาวสวยไฮโซอีกสองสามคนยืนอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน เฉียวพั่นเอ๋อร์ถึงได้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ส่วนสีหน้าของหลินจยาอวี่ยังคงเย็นชาเหมือนอย่างเคย

 

 

ทันทีที่สายตาของหลินจยาอวี่เหลือบไปเห็นอวี๋กานกาน เธอก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที “มาแล้วเหรอ”

 

 

“ยินดีด้วยนะ”

 

 

“ประโยคนี้เอาไปบอกกับคุณพ่อของฉันเถอะ” เธอจูงมืออวี๋กานกานเดินเข้าไปหาหลินกั๋วเฟิงและหลินฮูหยิน

 

 

เมื่อเห็นหน้าอวี๋กานกาน หลินกั๋วเฟิงก็หัวเราะอย่างมีความสุขทันที “สวัสดีคุณหมออวี๋”

 

 

ฮูหยินหลินเดินเข้ามาสวมกอดอวี๋กานกานอย่างอบอุ่นเป็นมิตร “ขอบคุณหนูมากจริงๆ นะจ๊ะ ได้ยินทั้งคนพ่อคนลูกพูดมาเยอะว่าถ้าไม่ได้หนู เกรงว่าจยาอวี่คงขังตัวเองอยู่ในบ้านอีกพักใหญ่”

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกว่าได้รับความโปรดปรานจนเธอเองยังตกใจไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าฮูหยินหลินจะอ่อนโยนเป็นกันเองได้ถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ตรงไหน ทำได้เพียงยิ้มอย่างเคอะเขิน “ฮูหยินเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ เป็นสิ่งที่หนูควรทำทั้งนั้น”

 

 

หลินฮูหยินและหลินจยาอวี่หน้าตาคล้ายกันมาก คาดไม่ถึงว่าผู้ที่มีอิทธิพลเป็นอันดับสองของเมืองไป๋หยางจะเป็นสาวสวยอ่อนโยนประหนึ่งหยก

 

 

พวกเขาคุยกันต่ออีกสองสามประโยค ในฐานะที่หลินกั๋วเฟิงและหลินฮูหยินเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยง พวกเขายังจำเป็นต้องไปต้อนรับแขกท่านอื่นต่อ พวกเขาให้หลินจยาอวี่ดูแลอวี๋กานกาน จากนั้นจึงปลีกตัวออกไป ทว่าก่อนที่จะแยกกัน หลินกั๋วเฟิงพูดกับอวี๋กานกานว่าเขามีของขวัญชิ้นหนึ่งจะมอบให้เธอ

 

 

อวี๋กานกานถามหลินจยาอวี่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ของขวัญอะไรเหรอ”

 

 

หลินจยาอวี่ส่ายศีรษะ บ่งบอกว่าเธอก็ไม่รู้ ก่อนจะถามกลับ “ทำไมมาคนเดียวล่ะ สามีเธอไปไหน”

 

 

ในตอนที่อวี๋กานกานกำลังจะพูดว่าฟังจือหันก็อยู่ข้างฉันนี่ไง เมื่อหันไปกลับพบว่าข้างกายเธอไม่มีใคร

 

 

เอ๊ะ! เดินเข้ามาด้วยกันแท้ๆ หายไปไหนของเขา?

 

 

ตั้งแต่ที่อวี๋กานกานเดินเข้ามาในงานเลี้ยง เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็จับตามองเธอมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าหลินฮูหยินและประธานหลินปฏิบัติกับอวี๋กานกานอย่างสนิทสนม ในใจของเธอเหน็บหนาวราวกับว่ามีหิมะ ในขณะเดียวกันก็โกรธแค้นราวกับมีพลุไฟ

 

 

การประสมประสานกันระหว่างความเย็นและความร้อนเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดทุกข์ทรมานไปทั้งทรวงอก อวี๋กานกานมันเป็นใครกัน ทำไมคนของตระกูลหลินต้องทำดีสนิทสนมกับมันถึงขนาดนี้ด้วย ก็แค่รักษาโรคได้มีอะไรน่าวิเศษวิโส

 

 

เหตุการณ์ประท้วงที่คลินิก ต้องเป็นตระกูลหลินแน่ๆ ที่ช่วยอวี๋กานกาน ไม่เช่นนั้นอวี๋กานกานจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายชนะ ทั้งยังกลายเป็นแพทย์แผนจีนที่สวยที่สุดอะไรนั้นอีกได้อย่างไร

 

 

หน้าใหญ่เสียจริง เมื่อนึกถึงตอนที่เธอไปที่อวี้หมิงถาง เธอได้รับคำ “ดูถูก” จากอวี๋กานกานทั้งสองครั้งสองครา เฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์และเหล่าเพื่อนๆ ไฮโซที่สนิทกันเดินมาหาอวี๋กานกานและหลินจยาอวี่

 

 

“ว้าย นี่ไม่ใช่แพทย์แผนจีนสาวสวยที่ช่วงนี้กำลังโด่งดังอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตหรอกเหรอ”

 

 

“คนสมัยนี้ นึกว่าตัวเองรักษาโรคได้นิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถเปลี่ยนจากอีกากลายเป็นหงส์ ยิ่งใหญ่เหนือคนอื่น”

 

 

เรื่องระหว่างตระกูลเฉียวและแพทย์แผนจีนสาวโด่งดังไปทั่ว บรรดาสาวไฮโซเหล่านี้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอวี๋กานกานและเฉียวพั่นเอ๋อร์มีความบาดหมางต่อกัน ไม่ต้องเปรียบเทียบให้เสียเวลา พวกเธอย่อมรู้ดีว่าควรยืนอยู่ฝ่ายไหน แม้ว่าสีหน้าของพวกเธอจะยิ้มแย้มแจ่มใสไว้หน้าหลินจยาอวี่ แต่ทุกคำพูด ทุกประโยคล้วนแฝงไว้ด้วยเจตนาจิกกัดเหน็บแนม

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 168 หน้าแตกดังเพล้ง

 

 

อวี๋กานกานปรายตาไปมองเฉียวพั่นเอ๋อร์แวบหนึ่ง สายตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์เต็มไปด้วยความยียวนกวนประสาท

 

 

สีหน้าของหลินจยาอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมองหน้าพวกเขาแล้วกล่าว “คุณอวี๋กานกานเป็นแขกที่ฉันเชิญมา”

 

 

“จยาอวี่ เธออย่าลืมเรื่องแฟนเก่าเธอสิ”

 

 

“ต่อให้รักษาโรคของเธอให้หายได้ แต่เมื่อจ่ายเงินไปแล้วก็ถือว่าหมดสิ้นบุญคุณต่อกัน ต้องมองเนื้อแท้ของคนบางคนให้ออกนะ จะได้ไม่ถูกหลอกอีก”

 

 

หลินจยาอวี่ขมวดคิ้ว กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เชิญพวกเธอกลับไปที่นั่งของพวกเธอ”

 

 

หลินจยาอวี่กำลังพยายามไล่คนพวกนี้ แต่เธอก็ยังส่งสายตาเป็นนัยขอโทษอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานมองหลินจยาอวี่ คลี่ยิ้มบางๆ กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ทุกข์ร้อน “ฉันรู้หน่าว่าไม่ใช่ลูกหลานเศรษฐีทุกคนจะมีนิสัยแบบนี้ ต้องโทษพวกไม่มีสมองที่อาศัยกินบุญเก่าของพ่อแม่ ทำให้บรรดาลูกเศรษฐีคนอื่นถูกเข้าใจผิด”

 

 

ในที่สุดเฉียวพั่นเอ๋อร์ก็ปริปากพูด กล่าวเหน็บแนม “ไม่เจอกันเดี๋ยวเดียว เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ส่วนคนบางคน อย่าหลงนึกว่าตัวเองแค่ได้สวมเสื้อคลุมลายมังกรแล้วก็จะได้เป็นจักรพรรดินี”

 

 

เพื่อนสาวไฮโซที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ “จยาอวี่ เธอเชิญหมูหมากาไก่ที่ไหนมาเนี่ย”

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้สนใจไฮโซคนนี้ เธอฉีกยิ้มเย็นชาให้เฉียวพั่นเอ๋อร์ กล่าว “ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าฉันจะสวมเสื้อคลุมลายมังกรหรือเสื้อผ้าซอมซ่อ คลินิกก็ยังเป็นของฉัน ไม่มีทางเป็นของคนอื่น”

 

 

อวี๋กานกานรู้ดีว่าไฮโซพวกนี้เป็นพวกที่โดนเฉียวพั่นเอ๋อร์เป่าหูมา บางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่กลับต้องมาถูกหลอกใช้แบบนี้

 

 

หลินจยาอวี่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ไล่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อพวกเธอเห็นเพื่อนฉันเป็นหมูหมากาไก่ งั้นก็อย่ามาสร้างความอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าฉันอีก เชิญ!”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าเพื่ออวี๋กานกาน หลินจยาอวี่จะกล้าหักหน้าพวกเธอกันโต้งๆ แบบนี้ เธอโกรธจนเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ กำลังจะอ้าปากพูด ทันใดนั้นมีน้ำเสียงเย็นสงบของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น “กานกาน”

 

 

อวี๋กานกานหันศีรษะไปตามเสียง เธอเห็นคู่สามีภริยาคู่หนึ่งเดินคล้องแขนกันมา ภายใต้แสงไฟสลัวๆ ในงานเลี้ยง สุภาพสตรีสวมสุดราตรีสีเหลืองอ่อน เกล้าผมขึ้น งดงามและมีสง่าราศี สุภาพบุรุษที่อยู่ข้างกายสวมกรอบแว่นสีทอง หน้าตาหล่อเหล่าสะอาดสะอ้าน หนักแน่นมั่นคง ดูสุขุมนุ่มลึกและองอาจผ่าเผย

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบาง เอ่ยเสียงเบา “พี่ซู”

 

 

ซูจื่อจิ้งเชคแฮนด์กับอวี๋กานกาน จากนั้นแนะนำสุภาพบุรุษที่อยู่ข้างเธอให้อวี๋กานกานรู้จัก “นี่อวี๋เหวินเจ๋อสามีของพี่เองจ้ะ เหวินเจ๋อ เธอคนนี้คืออวี๋กานกาน คนที่ฉันเคยเล่าให้คุณฟังค่ะ”

 

 

อวี๋เหวินเจ๋อและอวี๋กานกานทักทายด้วยการเชคแฮนด์กัน จากนั้นกล่าวขอบคุณ “ผมได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว คุณหนูอวี๋ขอบคุณ คุณมากจริงๆ นะครับ”

 

 

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะคุณผู้ชายอวี๋ ฉันก็แค่รักษาไปตามหน้าที่เท่านั้นเอง”

 

 

“หากคุณไม่ถือสาเรียกผมว่าพี่เขยเถอะครับ”

 

 

“ค่ะ พี่เขย”

 

 

ตูม! เหล่าบรรดาสาวไฮโซที่เมื่อครู่พูดจาถากถางอวี๋กานกานต่างพากันตกตะลึง ไม่ใช่แค่แพทย์บ้านๆ คนหนึ่งที่ช่วยรักษาหลินจยาอวี่หรอกเหรอ เป็นถึงน้องสาวของซูจื่อจิ้งไปได้อย่างไร

 

 

ไม่ว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องหรือพี่น้องร่วมสาบาน สามารถมองเห็นได้เลยว่าซูจื่อจิ้งให้ความสำคัญกับอวี๋กานกานและความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในเกณฑ์ดีมาก

 

 

เพลิงโทสะลุกโชนอยู่ในใจของเฉียวพั่นเอ๋อร์ เธอโมโหจนใบหน้าซีดเผือด ยัยอวี๋กานกานอะไรนี่มันรู้จักซูจื่อจิ้งได้อย่างไร

 

 

ซูจื่อจิ้งเป็นคุณหนูตระกูลเศรษฐีเก่าแก่ที่เป็นทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจของเมืองจิง แม้ว่าจะแต่งงานกับอวี๋เหวินเจ๋อเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจและอำนาจทางการเมือง แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าพวกเขาคือคู่สามีภรรยาตัวอย่าง รักใคร่กลมเกลียวกันดี

 

 

ในใจของเฉียวพั่นเอ๋อร์เต็มไปด้วยความโกรธเกลียด เธอเคยเจอซูจื่อจิ้งอยู่หลายครั้งหลายครา ทุกครั้งซูจื่อจิ้งมักวางตัวสูงส่งเกินเอื้อม ไม่ว่าเฉียวพั่นเอ๋อร์จะพูดอะไรก็เข้าหน้าไม่เคยติด ราวกับว่าเธอไม่คู่ควรที่จะคบค้าสมาคมกับซูจื่อจิ้งอย่างไงอย่างงั้น 

 

 

แต่ตอนนี้ซูจื่อจิ้งกับปฏิบัติต่ออวี๋กานกานอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง