ตอนที่ 169 คุณคือภรรยาจอมล้างผลาญของผม / ตอนที่ 170 ในสายตาของเขามีแค่เธอเพียงคนเดียว

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 169 คุณคือภรรยาจอมล้างผลาญของผม

 

 

ความดูถูกเหยียดหยามที่เดิมทีเฉียวพั่นเอ๋อร์มีต่ออวี๋กานกาน ตอนนี้มีความอิจฉาริษยาเพิ่มเข้ามาด้วย หากอวี๋กานกานมีหลินจยาอวี่เป็นเพื่อน ผนวกเข้ากับตระกูลซูและตระกูลอวี๋ จากนี้เฉียวพั่นเอ๋อร์จะต่อกรกับอวี๋กานกานได้อย่างไร

 

 

สายตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์จ้องมองอวี๋กานกานทุกฝีเก้าอย่างเคียดแค้น จนกระทั่งงานเลี้ยงเริ่ม หลินจยาอวี่และซูจื่อจิ้งต้องปลีกตัวออกไป อวี๋กานกานเดินไปยังมุมที่เงียบสงบมุมหนึ่ง นั่งลงข้างๆ ผู้ชายคนหนึ่ง

 

 

ผู้ชายคนนั้นเฉียวพั่นเอ๋อร์เคยเจออยู่สองครั้ง ครั้งแรกเจอที่ภัตตาคารซื่อจี้หวงจู๋ ครั้งนั้นนึกว่าเขาเป็นแมงดาที่หลินจยาอวี่ซื้อมาซะอีก ครั้งที่สองเจอกันที่อวี้หมิงถาง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายคนนั้นและอวี๋กานกาน ดูๆ แล้วสนิทสนมกันมาก

 

 

เขาเป็นแฟนหนุ่มของอวี๋กานกาน? !

 

 

อวี๋กานกานเคยพูดไว้ว่าของของเธอย่อมต้องเป็นของของเธออยู่วันยังค่ำ ไม่มีใครแย่งไปจากเธอได้

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์แสยะยิ้ม แล้วผู้ชายล่ะ? แย่งได้หรือเปล่า

 

 

 

 

ตั้งแต่ที่ฟังจือหันเข้ามาในงานเลี้ยง เขานั่งเงียบๆ อยู่ในมุมที่ห่างไกลออกจากผู้คนมุมนี้มาโดยตลอด ใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่มประณีตและงดงามราวกับพระเจ้า เขาสวมชุดสูทสีดำเรียบง่าย ทว่ากลับดูสูงศักดิ์และสง่างาม แต่ก็ยังไม่วายให้ความรู้สึกเย็นชาหนาวเหน็บยิ่งเสียกว่าน้ำแข็ง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามารบกวนเขา

 

 

อวี๋กานกานเป็นคนแรกที่นั่งลงข้างฟังจือหัน “ทำไมนายเอาแต่นั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”

 

 

“เงียบสงบดี”

 

 

“ไม่ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ แล้วจะมาทำไมเนี่ย”

 

 

“ใครให้ผมเป็นคนในครอบครัวคุณล่ะ”

 

 

อวี๋กานกานคว่ำปากใส่ฟังจือหันอย่างเอือมระอา

 

 

สายตาของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของอวี๋กานกาน จูบครั้งนั้นเมื่อตอนเมาอวี๋กานกานจำไม่ได้และเขาเองก็ไม่ได้บอกเธอ เขาไม่รู้ว่าหากเธอรู้แล้ว เธอจะตัดสินใจอย่างไร

 

 

ก่อนหน้านี้คิดอย่างไรไม่สำคัญ อนาคตหลังจากนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด เขาปรารถนาให้วันข้างหน้าข้างกายของอวี๋กานกานมีเขาเคียงคู่กันไปตลอดกาล

 

 

มีบริกรคนหนึ่งเดินเข้ามายื่นกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งให้อวี๋กานกาน “คุณหมออวี๋ นี่เป็นของที่ท่านประธานหลินมอบให้คุณครับ”

 

 

อวี๋กานกานรับกล่องมา ค่อนข้างมีน้ำหนัก เป็นของอะไรกันนะ

 

 

 เธอเปิดกล่องอย่างช้าๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เธอประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อพบว่าเป็นกล่องนามบัตร ทั้งยังเป็นนามบัตรเนื้อหยกล้อมรอบด้วยกรอบที่ทำจากทองคำ ผิวหยกประณีตงดงาม เรียบลื่นและสดใสแวววาว กรอบเลี่ยมด้วยทองคำบริสุทธิ์ที่ส่องแสงสีเหลืองอร่ามดึงดูดสายตา ช่างบริสุทธิ์งดงาม หรูหราตระการตา

 

 

ตอนนั้นที่ได้รับนามบัตรจากประธานหลิน เธอลองกัดเพื่อพิสูจน์ว่าใช่ทองแท้หรือเปล่า ประธานหลินพูดอย่างใจกว้างว่าจะมอบให้เธอชุดหนึ่ง เธอนึกว่าเขาแค่พูดไปตามมารยาท นึกไม่ถึงว่าจะทำให้จริงๆ

 

 

นัยน์ตาของอวี๋กานกานส่องแสงสีเขียว ประหนึ่งเป็นรังสีอินฟราเรดทำหน้าที่สแกน เธอมองขึ้นมองลงพิจารณานามบัตรอยู่หลายครั้ง จากนั้นหันหน้าไปหาฟังจือหัน ถามด้วยใบหน้าชื่นมื่น “นายว่าหยกกับทองคำเป็นของแท้หรือเปล่า”

 

 

มุมปากของฟังจือหันหยักโค้งขึ้น เขาตอบกลับด้วยความรู้สึกขบขันเล็กน้อย “แท้”

 

 

“ฉันรวยแล้ว” นี่มันราคาเท่าไรกันแน่เนี่ย

 

 

“คุณชอบ?”

 

 

“ชอบ”

 

 

ฟังจือหันพูดอย่างใจป้ำ “ผมจะทำให้คุณอีกหลายๆ กล่อง”

 

 

“ดีเลย” อวี๋กานกานยิ้มตาหยี “แต่ว่าคิดๆ ดูแล้ว หยกขายไม่ค่อยได้ราคา ถ้านายจะทำให้ฉันจริง ทำแบบเป็นทองทั้งแผ่นดีกว่า ถ้าฉันเอาทองคำไปละลายน่าจะขายได้หลายหยวน”

 

 

ครั้งนี้เป็นฝ่ายฟังจือหันที่ต้องเอือมระอาบ้าง เขาเอื้อมมือไปโอบบ่าของอวี๋กานกาน พูดข้างหูโดยจงใจเน้นเสียง “คุณภรรยาจอมล้างผลาญ ในอนาคตให้คุณดูแลเรื่องเงินไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

เกิดเส้นขีดสีดำพาดไปทั่วบริเวณศีรษะของอวี๋กานกาน “…”

 

 

ทำชื่อเสียงเธอเสียหายหมด นามบัตรทองคำเอาไปละลายย่อมดีกว่ามอบให้ฟรีๆ อยู่แล้ว เขาเข้าใจไหมเนี่ย อีกอย่างจะให้เธอดูแลเรื่องเงิน? ฟังจือหันอาศัยคอนโดเธออยู่มานานขนาดนี้แล้ว เงินสักหยวนก็ไม่เคยจ่าย เขามีเงินด้วยเหรอ

 

 

ในตอนที่กำลังจะอ้าปากเหน็บฟังจือหัน ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงที่ทั้งออดอ้อนและยั่วยวนดังเข้าโสตประสาท “สุภาพบุรุษรูปงานท่านนี้ สนใจมาเต้นรำด้วยกันสักหนึ่งบทเพลงไหมคะ”

 

 

อวี๋กานกานเหลือบสายตาขึ้นมามอง พลันสบเข้ากับนัยน์ตาสวยหยาดเยิ้มของเฉียวพั่นเอ๋อร์ ที่ซึ่งแฝงไว้ด้วยความเย้ายวนราวกับต้องการจะดูดกลืนวิญญาณ เธอจดจ้องมาที่ฟังจือหันอย่างไม่ละสายตา ราวกับต้องการจะหลอมละลายเขาอย่างไงอย่างงั้น

 

 

นี่เฉียวพั่นเอ๋อร์ชอบพอฟังจือหันอย่างงั้นเหรอ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 170 ในสายตาของเขามีแค่เธอเพียงคนเดียว

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์เอ่ยปากชวนฟังจือหันเต้นรำ ผู้ชายบริเวณโดยรอบที่หมายตาเฉียวพั่นเอ๋อร์ต่างพากันตกตะลึง ส่งสายตาอิจฉาริษยาไปทางฟังจือหัน

 

 

นี่คือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียวเชียวนะ ไม่เพียงแต่มีชาติตระกูลที่สูงศักดิ์ รูปร่างหน้าตาก็สวยสดงดงาม หากฟังจือหันสามารถมัดใจเฉียวพั่นเอ๋อร์ ได้แต่งงานกับเธอ นั่นคือบรรลุจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว ไม่ว่าตอนนี้ฟังจือหันจะมีสถานะทางสังคมอย่างไร หลังจากนี้จะไม่ใช่บุคคลธรรมดาต่อไปแล้ว พร้อมการันตีอนาคตสวยหรู แค่คิดก็ชวนให้รู้สึกอิจฉาริษยา

 

 

ทว่าฟังจือหันกลับไม่เป็นเหมือนดังที่พวกเขาคาดเดา เฉียวพั่นเอ๋อร์โปรดปรานเขา แต่เขากลับไม่แสดงอาการตกใจหรือดีใจใดๆ ออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แม้แต่หางตาก็ยังไม่ชายมามองเฉียวพั่นเอ๋อร์

 

 

อวี๋กานกานมองหน้าเฉียวพั่นเอ๋อร์แล้วหันไปมองฟังจือหัน จากนั้นสลับมามองเฉียวพั่นเอ๋อร์ สุดท้ายวนกลับไปที่ฟังจือหันอีกที ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในห้องโถงจัดงานเลี้ยง เขาน่าจะจงใจเลือกที่นั่งที่อยู่ในมุมลึกที่สุด ไม่ต้องการให้ใครมาสนใจ แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่วายต้องกลายมาเป็นจุดรวมสายตา

 

 

สายตาหลายคู่ของผู้คนในงานมีทั้งสับสนงุนงง สลับซับซ้อนและตกตะลึง แต่ฟังจือหันกลับเหมือนคนนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบ

 

 

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เขายังคงสงบนิ่งเหมือนอย่างเคย ทำเพียงแค่เอ่ยปากถามอวี๋กานกานหนึ่งประโยค “ตอนคุณเข้างานคุณบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ งานเลี้ยงนี้ไม่เหมือนกับงานปาร์ตี้ มีแค่บาร์ขนมหวาน”

 

 

นี่เขาคิดจะเมินเฉียวพั่นเอ๋อร์โดยสิ้นเชิงแบบนี้เลยเหรอ! อวี๋กานกานเหลือบไปมองเฉียวพั่นเอ๋อร์ สีหน้าของเฉียวพั่นเอ๋อร์ย่ำแย่ถึงขีดสุดเป็นที่เรียบร้อย

 

 

อวี๋กานกานแต่ไหนแต่ไรเธอไม่ได้เป็นคนที่พูดจาโผงผาง ไม่ชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาท สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ การยอมอ่อนข้อเพื่อให้เรื่องราวยุติคือทางที่ดีที่สุด ฉะนั้นเธอจึงพูดย้ำกับฟังจือหัน “มีคนชวนนาย…”

 

 

“ผมไปเอาให้” ฟังจือหันยื่นมือออกมาหยิกแก้มของเธอ จากนั้นลุกขึ้นยืน เดินเฉียดไหล่ของเฉียวพั่นเอ๋อร์ผ่านไป

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

นี่มันอิหลักอิเหลื่อสุดๆ

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าเมินเธอได้ถึงขนาดนี้ เขาไม่รู้หรือไงว่าเธอเป็นใคร เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเธอเป็นสาวงามอันดับต้นๆ คนหนึ่ง เรื่องชาติตระกูลเธอเป็นถึงเฉียวพั่นเอ๋อร์เชียวนะ ผู้หญิงที่ผู้ชายมากมายเพ้อฝันว่าอยากจะแต่งงานด้วย เทียบกับแพทย์กระจอกๆ อย่างอวี๋กานกานแล้ว ต่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างอวี๋กานกาน ซูจื่อจิ้งและหลินจยาอวี่จะสนิทสนมกันมากแค่ไหน มันก็ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนกำพืดของอวี๋กานกานได้ แต่ถ้าเขามาคบกับเธอ เขาสามารถมีชีวิตที่ไม่เหมือนใครได้ ผู้ชายแซ่ฟังคนนี้ก็ดูเป็นคนฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจในจุดนี้ สายตาของเขาเอาแต่จ้องอยู่ที่อวี๋กานกาน เหอะๆ หมอนั่นสมองเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่สบอารมณ์ เธอสวมรองเท้าส้นสูงเดินดุ่มๆ พุ่งตรงเข้าไปขวางหน้าทางเดินของฟังจือหัน 

 

 

ในที่สุดฟังจือหันก็หันมามองเฉียวพั่นเอ๋อร์ตรงๆ น้ำเสียงเย็นยะเยือกไร้อุณหภูมิ “ขอทาง” ถ้อยคำธรรมดาๆ เพียงสองพยางค์ ถึงกับทำให้เฉียวพั่นเอ๋อร์หน้าเสีย

 

 

หากบอกว่าตอนที่อยู่อวี้หมิงถางสิ่งที่เธอได้รับจากอวี๋กานกานคือการดูถูกเหยียดหยาม ถ้างั้นตอนนี้เธอก็เหมือนกับโดนฟังจือหันจับกดลงพื้นแล้วลากถูไถไปมา

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์จ้องมองแผ่นหลังของฟังจือหันด้วยความโกรธเกรี้ยว ขบกรามกรอดตวาดลั่น “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”

 

 

รองเท้าส้นสูงเกือบสิบเซนติเมตร กระทืบลงบนพื้นอย่างแรงจนส้นรองเท้าเกือบจะหัก แต่กลับไม่สามารถทำให้ฟังจือหันหยุดฝีเท้าลงได้

 

 

ฟังจือหันเดินเข้าไปยังโซนบาร์อาหาร เขาหยิบจานขึ้นมาเลือกขนมหวานให้อวี๋กานกาน ผู้คนโดยรอบต่างพากันอ้าปากค้างดวงตาเบิกโต จากความอิจฉาริษยาแปรเปลี่ยนเป็นความเลื่อมใสอย่างน่าประหลาด

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์หน้าเสีย ทั้งโกรธทั้งแค้น เธอหันไปถลึงตาใส่อวี๋กานกานอย่างเจ็บใจ…