ตอนที่ 171 อย่าคุยกับคนที่ไม่สนิท / ตอนที่ 172 สู่ขอ ของขวัญวันเกิดและสินสอด

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 171 อย่าคุยกับคนที่ไม่สนิท

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์หน้าเสีย ทั้งโกรธทั้งแค้น เธอหันไปถลึงตาใส่อวี๋กานกานอย่างเจ็บใจ…

 

 

หลายปีมานี้ เธอเป็นหญิงสาวที่ทุกคนล้วนทะนุถนอมและภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไร้ซึ่งอุปสรรค แต่หลายวันมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เรื่องแรกคือเทกโอเวอร์อวี้หมิงถางล้มเหลว พอครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเธอที่เข้าหาผู้ชายก่อน แต่กลับถูกผู้ชายเมิน ถูกปฏิเสธและทำให้อับอายขายหน้า เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะอวี๋กานกาน แพทย์กระจอกๆ คนหนึ่ง!

 

 

อวี๋กานกานเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของเฉียวพั่นเอ๋อร์ เธอกะพริบตาปริบๆ ทำไมต้องถลึงตาใส่เธอด้วยสายตาเคียดแค้นแบบนั้นด้วย ฟังจือหันไม่สนใจเฉียวพั่นเอ๋อร์ มันเกี่ยวกับเธอตรงไหน เป็นผู้หญิงเหมือนกันจะมาสร้างความลำบากใจให้กันไปทำไม

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง ข่มความโกรธที่อยู่ในใจไว้ กดเสียงต่ำพูด “แกคงดีใจและสะใจมากสินะ”

 

 

อวี๋กานกานทำหน้างุนงง ตอบกลับทันควัน “ฉันไม่รู้นะ ฉันไม่เกี่ยวซะหน่อย!”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์แค่นหัวเราะ “มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่าอะไรน้า ความรักของคนธรรมดาคือการคบกันแบบแก้ขัด เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถไขว่คว้าคนที่เหมาะสมที่สุดให้กับตนเองได้ ชีวิตรักจึงไม่มีอะไรท้าทาย ความรักจะค่อยๆ เสื่อมสลายไปกับความธรรมดาสามัญ เรื่องขนไก่และเปลือกกระเทียม[1] สุดท้ายการคบกันแบบแก้ขัดก็จะเดินมาถึงจุดอิ่มตัว ขอแค่มีโอกาสเพียงน้อยนิด ผู้ชายต้องไปหาคนใหม่ที่ดีกว่าหรือคนที่เขาชอบมากกว่าอย่างแน่นอน”

 

 

อวี๋กานกานเข้าใจความหมายที่เฉียวพั่นเอ๋อร์แฝงไว้ในประโยคนี้ เฉียวพั่นเอ๋อร์ต้องการบอกกับเธอว่าอย่าเพิ่งลำพองใจไป ไม่ว่าช้าหรือเร็วต้องมีสักวันที่ฟังจือหันทิ้งเธอไปแน่

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบาง “หากบอกว่าความรักของคนธรรมดาคือการคบกันแบบแก้ขัด ถ้างั้นความรักของพวกคุณก็คงจะเป็นการแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ เพื่อการค้าขายใช่ไหมคะ ฟังดูแล้วน่าเวทนายิ่งกว่าธรรมดาอย่างพวกฉันเสียอีก อย่างน้อยคนธรรมดาก็ยังเลือกเองได้…ที่คุณจงใจมาเชิญฟังจือหันให้เต้นรำด้วยไม่ใช่เพราะว่าต้องการยั่วโมโหฉัน ต้องการพิสูจน์ว่าคุณสามารถแย่งของของฉันไปได้หรอกเหรอ ฉันว่านะคะการที่คุณทำแบบนี้มันกลับทำให้คุณดูมีความคิดเหมือนเด็กอมมือและน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์แค่นหัวเราะ พูดเสียงลอดไรฟัน “อย่ามาทำเป็นดอกบัวขาวบริสุทธิ์ เกิดกลางโคลนตมยังคงแผ้วผ่อง[2] ถ้าเธอไม่ได้คิดที่จะมาตีสนิทกับคนใหญ่คนโต งั้นวันนี้เธอมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ”

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกน่าขันเป็นอย่างยิ่ง “อยู่ในงานนี้เท่ากับต้องการตีสนิทคนใหญ่คนโต แล้วคุณมายืนอยู่ตรงนี้เหมือนกันทำไม”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ฉุนกึก กล่าวทันควัน “ฉันไม่เหมือนกับเธอ”

 

 

อวี๋กานกานขมวดคิ้ว ขอคำอธิบายด้วยความสงสัย “ไม่เหมือนกันตรงไหนเหรอ คุณมีแขนมากกว่าหนึ่งข้าง ขาน้อยกว่าหนึ่งข้าง หรือว่าหมายถึงอวัยวะตันทั้งห้า[3]และอวัยวะกลวงทั้งหก[4]ของคุณถูกสุนัขรับประทานไปแล้ว”

 

 

เถียงคำไม่ตกฟาก! เฉียวพั่นเอ๋อร์รู้สึกว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปเธอไม่ควรจะเสียเวลามาเสวนากับผู้หญิงที่ขาดการอบรมสั่งสอนพรรค์นี้อีก

 

 

ฟังจือหันถือขนมหวานกลับมาแล้ว เขาลงนั่งข้างๆ อวี๋กานกาน ยื่นขนมส่งเข้าปากของอวี๋กานกาน จากนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “สนิทเหรอ”

 

 

ขนมมีรสชาติหวานแต่ไม่เลี่ยน รสดีหอมละมุนละไม  

 

 

อวี๋กานกานกำลังเคี้ยว เธอส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่สนิท”

 

 

ฟังจือหันเอ่ยเสียงเย็น เป็นน้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้สอดปากแทรก “อย่าคุยกับคนที่ไม่สนิท”

 

 

“อือ”

 

 

……

 

 

มือทั้งสองของเฉียวพั่นเอ๋อร์กำเป็นหมัดแน่น หลังฝ่ามือเห็นเป็นเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน เพื่อไม่ให้ตัวเองสูญเสียการควบคุมอารมณ์กลางงานเลี้ยงนี้ เธอต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมากในการสะกดอารมณ์ของตัวเอง “พวกขยะชั้นต่ำ…”

 

 

ฟังจือหันเหลือบสายตาขึ้นมาทันที แววตามีไอสังหารเย็นยะเยือกที่ปิดไว้ไม่มิด ริมฝีปากของเฉียวพั่นเอ๋อร์ที่กำลังอ้าอยู่ จู่ๆ ก็ไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้ เหงื่อเย็นผุดซึมออกมาอย่างฉับพลัน ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่ได้พูดต่อให้จบ ทำเพียงแค่แค่นหัวเราะ จากนั้นหมุนตัวเดินจากไป

 

 

ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงชวนรู้สึกถึงความอันตรายได้ขนาดนี้ เฉียวพั่นเอ๋อร์เดินไปทางห้องน้ำ เธอต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเองสักหน่อย ประตูของรับรองแง้มอยู่เล็กน้อย ในตอนที่เฉียวพั่นเอ๋อร์เดินผ่าน เธอเห็นหลินจยาอวี่ยืนอยู่ในห้องรับรองพอดี เธอหยุดฝีเท้าลงโดยอัตโนมัติ ซ่อนตัวและแอบมองจากอีกฝั่งหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ขนไก่และเปลือกกระเทียม หมายถึง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรเอามาใส่ใจ

 

 

[2] ดอกบัวขาวบริสุทธิ์ เกิดกลางโคลนตมยังคงแผ้วผ่อง อุปมาถึง คนที่เกิดในสภาพแวดล้อมไม่ดี แต่ยังคงธำรงไว้ด้วยความดี

 

 

[3] อวัยวะตันทั้งห้า ได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด ไต จัดอยู่ในกลุ่มพลังหยิน

 

 

[4] อวัยวะกลวงทั้งหก ได้แก่ ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ ซานเจียว(ส่วนโคนลิ้นลงไปถึงช่องอก) จัดอยู่ในกลุ่มพลังหยาง 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 172 สู่ขอ ของขวัญวันเกิดและสินสอด

 

 

ภายในห้องรับรองนอกจากหลินจยาอวี่ ยังมีหลินกั๋วเฟิง รวมถึงตู้ซูเหนียนและบิดาของเขา หลินกั๋วเฟิงกำลังพูดคุยอยู่กับบิดาของตู้ซูเหนียน สายตาของตู้ซูเหนียนราวกับกาวที่ติดหนึบอยู่บนร่างกายของหลินจยาอวี่

 

 

แม้ว่าหลินจยาอวี่จะเย็นชาผิดมนุษย์ แต่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอก็งดงามมากจริงๆ สวมเพียงชุดเดรสสีขาวเรียบหรู แต่กลับดูสวยเซ็กซี่หยาดเยิ้ม เป็นหญิงงามล่มเมืองขนานแท้ ตอนอยู่บนเตียงต้องอกแตกตายแน่ๆ

 

 

บิดาของตู้ซูเหนียนหยิบสัญญาหนึ่งฉบับออกมาจากเสื้อสูท ยื่นไปตรงหน้าหลินกั๋วเฟิง

 

 

หลินกั๋วเฟิงเปิดออกดู ดวงตาของเขาเบิกโตขึ้นอย่างฉับพลัน มองบิดาของตู้ซูเหนียนด้วยสายตาไม่เข้าใจ “ประธานตู้ นี่คุณหมายความว่าอะไร”

 

 

ประธานตู้ยิ้มแล้วกล่าว “วันนี้เป็นวันเกิดของประธานหลิน นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ผมมอบให้คุณ ถือว่าเป็นสินสอดทองหมั้นไปด้วยเลย”

 

 

หลินกั๋วเฟิงชะงักไปเล็กน้อย “สินสอด?”

 

 

“คุณลุงหลินครับ ผมชอบจยาอวี่ คุณลุงโปรดอนุญาตให้จยาอวี่แต่งกับผมเถอะนะครับ” ตู้ซูเหนียนพูดด้วยน้ำเสียงรักใคร่ ในขณะเดียวกันก็ส่งยิ้มที่ทึกทักเอาเองว่าอบอุ่นละมุนละไมให้หลินจยาอวี่

 

 

เจ้าหญิงเย็นชาหลินจยาอวี่หัวคิ้วของเธอมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย

 

 

บิดาของตู้ซูเหนียนกล่าว “ประธานหลิน ผมรักหลินจยาอวี่เด็กคนนี้เป็นอย่างมาก คิดมาโดยตลอดว่าหากมีลูกสาวแบบนี้ก็คงดีไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าลูกของผมตู้ซูเหนียนจะชอบพอหลินจยาอวี่มานานแล้ว แถมยังเคยสาบานกับผมไว้ว่า ชีวิตนี้ถ้าไม่ใช่หลินจยาอวี่เขาก็จะไม่แต่งงานด้วยเป็นอันขาด ผมเลยต้องรับปากลูกชาย แบกหน้าเ**่ยวๆ มาขอประธานหลิน ประธานหลินถ้าคุณเห็นด้วยละก็ผมรับประกันเลยว่า หลังจากที่หนูจยาอวี่แต่งเข้าตระกูลของผมแล้ว ผมจะดูแลเธอเหมือนกับเป็นลูกสาวของตัวเอง ไม่ให้เธอได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ เด็ดขาด”

 

 

หลินกั๋วเฟิงรักลูกสาวของตนเองมาก เรื่องการแต่งงาน เขาย่อมต้องถามความยินยอมจากหลินจยาอวี่ก่อนถึงจะตัดสินใจได้ จะให้รับปากปุบปับได้อย่างไร แต่จะตอบกลับอย่างไรให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น เขาต้องขบคิดให้รอบคอบก่อน

 

 

ไม่ต้องรอให้หลินกั๋วเฟิงพูด หลินจยาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ปฏิเสธทันควัน “ขอบคุณที่คุณลุงตู้ให้ความเอ็นดูหนูนะคะ แต่ว่าหนูขอกล่าวประทานโทษไว้ตรงนี้ หนูจะไม่แต่งงานกับตู้ซูเหนียนค่ะ” เมื่อพูดจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไปทันที

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ที่แอบฟังอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่าหลินจยาอวี่กำลังเดินออกมา เธอก็รีบเดินไปหลบในห้องรับรองอีกห้องทันที ทว่าก็ยังไม่วายแอบมองลอดผ่านช่องประตู

 

 

ตู้ซูเหนียนเดินตามออกมาขวางทางหลินจยาอวี่เอาไว้ “จยาอวี่ ผมรักคุณจริงๆ นะ โปรดให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ”

 

 

หลินจยาอวี่เอ่ยเสียงเย็น “แต่ฉันไม่ได้ชอบคุณและไม่มีวันที่จะชอบ ฉะนั้นฉันจะไม่แต่งงานกับคุณโดยเด็ดขาด” เมื่อกล่าวปฏิเสธจบเธอก็เดินออกมาทันที ท่าทีชัดเจนและเด็ดขาดเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ตู้ซูเหนียนโมโหโกรธา ถีบประตูบานข้างๆ ไปหนึ่งที แต่บังเอิญไปโดนเฉียวพั่นเอ๋อร์ที่แอบอยู่หลังประตูอย่างพอดิบพอดี ด้วยแรงถีบทำให้เธอโซเซจนล้มลงไปกองบนพื้น

 

 

เมื่อได้ยินเสียงร้องกรี๊ดเบาๆ ตู้ซูเหนียนก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน เขาจำผู้หญิงคนที่ล้มกองอยู่บนพื้นได้ รีบพุ่งเข้าไปพยุง “คุณหนูเฉียว” 

 

 

ตู้ซูเหนียนประคองเฉียวพั่นเอ๋อร์ไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ข้างๆ “คุณชายตู้ คุณโกรธเกรี้ยวอะไรขนาดนั้นคะเนี่ย ใครทำให้คุณไม่พอใจเหรอคะ”

 

 

“ขอโทษด้วยนะครับ คุณหนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ตู้ซูเหนียนจ้องมองหุ่นอันแสนอรชรอ้อนแอ้น เรียวขาขาวจั๊วะของเฉียวพั่นเอ๋อร์ สายตาเปลี่ยนเป็นแทะโลมในทันที

 

 

แววตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์ดูหนักใจเล็กน้อย หากในสถานการณ์ปกติ เฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่ให้ค่าเสือผู้หญิงจอมเสเพลอย่างหมอนี่หรอก แต่ตอนนี้เธอมีความคิดที่แตกต่างออกไป         

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์คลี่ยิ้มแล้วกล่าว “คุณชายตู้ ฉันได้ยินมาว่าวันนี้คุณพ่อของคุณจะคุยเรื่องงานแต่งงานกับประธานหลินไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่แถวนี้ละคะ”

 

 

ตู้ซูเหนียนกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยครับ”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ทำหน้าตกตะลึง “หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ…วันนั้นที่ภัตตาคารซื่อจี้หวงจู๋ ฉันเห็นหลินจยาอวี่ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง หรือว่า…” เธอหยุดเล่ากลางคัน รีบทำเป็นปิดปาก จากนั้นคลี่ยิ้มบางๆ แล้วกล่าวขอโทษ