วันคืนของการสอบกระชันชิดเข้ามาเรื่อยๆ เส้นประสาทของหลินหลันซึ่งตรึงเครียดเข้าไปทุกที ความรู้สึกวิกฤตเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จนไม่อาจนอนหลับอย่างสบายใจได้ เป็นเพราะแม่มดชราจนปัญญาในการจะลงมือได้ หรือเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาลงมือกันแน่หรือ หลินหลันลองคิดในมุมกลับกัน ถ้าหากนางเป็นแม่มดชรา ในสถานการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามป้องกันอย่างหนาแน่นเช่นนี้ จะต้องทำอย่างไรถึงสามารถเล่นงานได้ล่ะ ในอาหารที่กิน ลืมไปได้เลย ด้วยหลินหลันทำขนาดที่ว่าแม้แต่น้ำสักหยดก็ตกลงไปไม่ได้ ดังนั้นเรื่องแผนการวางยานั้นไม่เป็นผลแน่นอน เช่นนั้น…ส่งนักฆ่า…ไม่หรอกมั้ง! หมิงอวินไม่มีความบาดหมางกับผู้อื่นนอกเสียจากแม่มดชรา ดังนั้นคนแรกที่จะถูกสงสัยก็คือนาง มันง่ายในการสืบสาวมาถึงตัวเกินไป เฮ้อ…หลินหลันปฏิเสธไม่ได้ว่าความสามารถของตนเองยังแย่ไปหน่อย
ทางด้านห้องครัวประจำจวนหลี่ยังคงส่งซุปโสมมาให้ทุกวัน หลินหลันให้จิ่นซิ่วรับเอาไว้ทั้งหมด หลังจากนั้นก็ทำทีส่งไปยังห้องหนังสือ ทว่าวันนี้ จิ่นซิวถือกล่องอาหารมาพบหลินหลันอย่างกะทันหัน
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย…” จิ่นซิวสีหน้าอิดโรย และดูไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
หลินหลันอดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”
จิ่นซิ่วนำกล่องอาหารวางลง คุกเขาลงด้วยอาการเกรงกลัวให้แก่นายหญิงน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย วันนี้ข้าน้อยไม่ได้ทำตามคำสั่งของเอ้อร์เส้าหน่ายนาย ที่ให้ไปรับกล่องอาหารด้วยตนเอง”
หลินหลันจ้องมองนางอย่างเคร่งขรึม และเอ่ยถาม “ทำไมหรือ”
“ข้าน้อยไม่รู้เหมือนกันว่ากินอะไรผิดสำแดงเข้าไป เมื่อคืนท้องใส้ก็เริ่มปั่นป่วน ซุปโสมที่แม่ชิวส่งมาให้ก่อนหน้านี้ ข้าน้อยเพิ่งจะ…เพิ่งจะไปเข้าห้องน้ำมาพอดี ดังนั้น…จึงเป็นเฉี่ยวโหรวช่วยไปรับไว้เจ้าค่ะ” เดิมทีจิ่นซิ่วคิดว่าให้เฉี่ยวโหรวไปรับก็ไม่เห็นจะไปเรื่องใหญ่โตอะไร ทว่าเอ้อร์เส้าหน่ายนายกำชับครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเรื่องนี้อนุญาติให้ผ่านมือนางผู้เดียวเท่านั้น ผู้อื่นไม่สามารถแทรกแซงได้ นางคิดไปคิดมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ จึงเลือกที่จะมารายงานเสียหน่อยจะดีกว่า
หลินหลันมองดูสีหน้าของจิ่นซิ่วก็รู้ว่าท้องไส้ของนางปั่นป่วนสาหัสเอาการ ทว่าเหตุใดถึงมาเป็นเอาช่วงเวลานี้
“หยินหลิ่ว เจ้าไปเรียกแม่โจวกับกุ้มซ่าวมาที แล้วค่อยไปห้องยานำยาเม็ดเป่าหนิงมาหนึ่งขวด” หลินหลันสั่งการหยินหลิ่ว แล้วเอ่ยต่อ “จิ่นซิ่ว เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด!”
เรื่องนี้มันต้องมีอะไรซับซ้อนกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน หลินหลันครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถาม “เช่นนั้นซุปโสมเจ้าเป็นคนทำไปส่งให้เอ้อร์เส้าเหยียด้วยตนเองหรือไม่”
จิ่นซิ่วพยักหน้าทันทีทันใด “ใช่เจ้าค่ะ เป็นข้าน้อยถือขึ้นไปด้วยมือตนเอง และเททิ้งในกระถางบ่อน้ำบัวแล้วเจ้าค่ะ”
หลินหลันพยักหน้าราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง ปัญหาเกิดจากตรงไหนกันนะ
ชั่วขณะหนึ่ง กุ้ยซ่าวและแม่โจวมาพร้อมหน้ากัน
“กุ้ยซ่าว จิ่นซิ่วกินของเมื่อวานนี้แล้วท้องเสีย พวกเจ้าไปตรวจสอบที ดูว่าของที่จิ่นซิ่วกินมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ แม่โจว ท่านดูว่ายังมีผู้อื่นที่กินและท้องเสียเช่นกันอีกหรือไม่” หลินหลันกล่าวสั่งการ
แม่โจวขานรับและออกไปทำความเข้าใจในสถานการณ์
ทางด้านกุ้ยซ่าวกับจิ่นซิ่วสนทนากัน
“ที่กินเมื่อวานนี้คือเต้าหู้ทรงเครื่อง ผัดเห็ด แล้วยังมีซุปกุ้งผักกาดขาว…”
“ไม่ได้กินอย่างอื่นเลยใช่ไหม” กุ้ยซ่าวเอ่ยถาม
จิ่นซิ่วส่ายหน้า “นอกจากพวกนี้ ก็ไม่ได้กินอะไรอื่นอีกเลย”
ชั่วขณะหนึ่ง จิ่นซิ่วกล่าวด้วยสีหน้าอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ “ดื่มน้ำนี่นับรวมด้วยหรือไม่”
กุ้ยซ่าวขมวดคิ้ว หันกลับไปกล่าวต่อนายหญิงน้อยอย่างเคร่งครึม “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย บ่าวรับประกันได้ว่า อาหารเหล่านี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเจ้าค่ะ”
ระหว่างเอ่ยพูดเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่โจวกลับเข้ามา และบอกว่าไม่มีผู้อื่นใดที่ท้องไส้ปั่นป่วน
หลินหลันจ้องมองขึ้นไปบนคานไม้แกะสลักอย่างเหม่อลอย ทำให้จิ่นซิ่วท้องเสีย เพียงเพื่อจะได้ไม่สามารถไปรับซุปโสมได้แค่นั้นหรือ ถึงอย่างไรซุปโสมก็ยังเป็นจิ่นซิ่วที่นำไปส่งกับมือตนเองอยู่ดี หรือว่าซุปโสมวันนี้มีอะไรผิดแปลกไปงั้นหรือ หรือว่าแม่มดชรายังใช้วิธีการเล่ห์เหลี่ยมด้วยการวางยาอยู่อีกงั้นหรือ ทว่าเดิมทีหมิงอวินก็ไม่ดื่มมันอยู่แล้ว….
ไม่ ไม่ใช่สิ แม่มดชราคงไม่โง่ถึงขั้นคิดจริงๆ ว่า หมิงอวินจะดื่มซุปโสมที่นางส่งมาให้หรอก
แม่โจวและคนอื่นๆ มองดูนายหญิงน้อยที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงจึงไม่กล้ารบกวน กระทั่งหายใจยังปล่อยออกมาอย่างช้าๆ ด้วยเกรงว่าจะรบกวนสมาธิของนายหญิงน้อย
หลินหลันจ้องมองไปยังจิ่นซิ่วชั่วครู่ ท้ายสุดสายตาก็ตกลงไปที่กล่องอาหาร
กล่องอาหารไม้ไผ่สานนี้ ขนาดเล็กกะทัดรัดและสวยหรู หลินหลันเดินเข้าไป และหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะชั่งน้ำหนักด้วยความรู้สึก ก่อนจะวางมันลงตามด้วยเปิดฝาออก ด้านในยังมีถ้วยเครื่องปั้นดินเผาสีขาวที่ใช้บรรจุซุปโสมอีกหนึ่งถ้วย
หลินหลันหยิบถ้วยนั้นออกมา แล้วจึงพลิกก่อนอาหารมาดู
แม่โจวและคนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างมิได้นัดหมาย เอ้อร์เส้าหน่ายนายกำลังสงสัยว่าเจ้ากล่องนี้มีความผิดปกติงั้นหรือ
แถบไม้ไผ่ที่ด้านล่างของกล่องอาหารถูกสานทออย่างเบาบางและมีรูเล็กๆ ขนาดเท่านิ้วชี้เห็นจะได้ ทันใดนั้นสีหน้าของหลินหลันก็เปลี่ยนไป ราวกับว่าค้นพบอะไรบางอย่าง การสูดดมอย่างใกล้ๆ ทำให้ได้กลิ่นคาวเตะจมูก
สีหน้าของหลินหลันเปลี่ยนไปโดนสิ้นเชิง หยิบกล่องนั่นโยนทิ้ง และกล่าวอย่างร้อนใจ “เร็วเข้า ทุกคนไปห้องหนังสือกัน กุ้ยซ่าวรีบไปห้องครัวแล้วนำมีดหั่นพักมาจำนวนหนึ่ง”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ ทว่าตัวหลินหลันได้วิ่งออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม่โจวและคนอื่นๆ อยู่ในอาการประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นทีท่าของนายหญิงน้อยที่ร้อนใจเยี่ยงนี้ จึงอดคิดมากไม่ได้ ลุกรี้ลุกรนตามไปติดๆ
หลินหลันถือชายกระโปรงขณะวิ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว เฉี่ยวโหรวซึ่งกำลังล้างพู่กันตรงลานบ้าน เห็นนายหญิงน้อยวิ่งหน้าตั้งมา จึงรีบออกไปให้การต้อนรับ เตรียมจะคาราวะแสดงความเคารพ กลับถูกนายหญิงผลักออก ส่งผลให้เฉี่ยวโหรวโซซัดโซเซก่อนจะล้มลงกองบนพื้น
เฉี่ยวโหรวที่นั่งอยู่บนพื้นและเฝ้าดูนายหญิงน้อยที่รีบพุ่งเข้าไปในอาคารหนังสือเสมือนพายุลมบ้าหมู พร้อมด้วยนัยน์ตาของนางซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“หมิงอวิน ระวังงู…” หลินหลันปีนขึ้นบันไดพลางส่งเสียงตะโกน
ไม่ได้ยินเสียงขานรับแต่อย่างใด หลินหลันจึงรู้สึกใจคอไม่ดี หรือว่ามาช้าเกินไปแล้วหรือ
หลินหลันวิ่งขึ้นไปจนถึงขั้นบันใดบนสุด ไม่ทันได้หายใจ และก็ถูกสถานการณ์เบื้องหน้าทำให้ตกตะลึงเข้าเสียแล้ว
เห็นเพียงงูเขียวที่กำลังคืบคลานอยู่บนโต๊ะหนังสือหนึ่งตัว และอีกหนึ่งตัวอยู่บนพื้น พวกมันล้วนชูหัวขึ้นสูงและพ่นขู่ฟ่อๆ ใส่หมิงอวินกับตงจึ แสดงท่าทางพร้อมเข้าโจมตีอย่างชัดเจน หมิงอวินกับตงจึไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวและส่งเสียงใดๆ ออกมา บนหน้าผากเผยหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาราวกับหยาดน้ำฝน ไหลลงมาตามไรผมและปลายจมูก ขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังงูสองตัวนั้นอย่างไม่วางตา
ไม่รู้เช่นกันว่าสองคนกับสองงูอยู่ในสภาพนี้นานเพียงใดแล้ว ตงจึจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่น
หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “อย่าขยับ”
หลินหลันเหลือบไปเห็นงูเขียวอีกตัวว่ายมาจากกระถางบ่อน้ำดอกบัวก่อนจะเลื่อยขึ้นไปบนเสาข้างๆ หลี่หมิงอวิน หมิงอวินกำลังจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ถูกโจมตีจากทางด้านหลัง
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย…” แม่โจวกับจิ่นซิ่วที่เพิ่งปีนขึ้นมา เห็นนายหญิงชะงักคาอยู่ที่ปากทางเข้าของบันได จึงเอ่ยเรียก
“ชวู่…” หลินหลันรีบส่งเสียงเป็นสัญญาณให้เงียบที่สุด กุ้ยซ่าวที่รับหน้าที่ไปหยิบมีดยังมาไม่ถึง หลินหลันจึงปราศจากอาวุธใดๆ ทำได้เพียงดึงปิ่นปักผมบนศีรษะลงมาคีบไว้ในมือ
แม่โจวและจิ่นซิ่วปิดปากสนิท เก็บคำอุทานด้วยความตระหนกตกใจไว้ในปาก ขณะนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และไม่อยากจะเชื่อสายตาซึ่งกำลังมองดูฉากเบื้องหน้าที่แสนอันตรายเช่นนี้
หลินหลันกล่าวเสียงขรึม “เจ้าหลอกล่อบนโต๊ะตัวนั้น บนพื้นให้เป็นหน้าที่ของข้า รักษาความปลอดให้ของเส้าเหยีย เจ้าวางใจได้ ต่อให้เจ้าถูกกัดเข้าให้ ข้าก็สามารถรักษาเจ้าได้”
ที่ตงจึกลัวมากที่สุดก็คืองูนี่แหละ ทว่าเอ้อร์เส้าหน่ายนายสั่งการแล้ว ต่อให้เป็นดาบกำลังจ่ออยู่ที่ลำคอ เขาก็ทำได้เพียงสู้หัวชนฝา ตงจึจึงพยักหน้าขานรับคำสั่งการ
งูเขียวตัวนั้นรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเหยื่อ จึงพ่นเสียงขู่ ‘ฟ่อ’ เป็นสัญญาณ มันชักหัวกลับและโจมตีอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันงูตัวที่อยู่บนพื้นก็เริ่มโจมตี หลินหลักใช้ปิ่นในมือเขวี้ยงทะยานออกไป ปักงูเขียวที่อยู่บนพื้นให้ติดแหง่กอยู่บนพื้นไม้กระดาน เพียงคืบเดียวเท่านั้น มันก็จะกัดเข้าไปที่ขาของหลี่หมิงอวินเสียแล้ว
เพื่อช่วยชีวิต ตงจึจึงยื่นมือออกไปจับมัน
“อ๊า…” งูเขียวตัวนั้นกัดเข้าไปที่ง่ามนิ้วมือระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้งของตงจึไม่ยอมปล่อย ด้วยสายตาและมือที่รวดเร็วของหลี่หมิงอวิน เขาใช้เพียงมือเดียวคว้าหางงูพร้อมกับออกแรงดึงอย่างแรงและเขย่ามัน ก่อจะสะบัดมันออกไป งูเขียวตกลงไปบนพื้นกระดานอย่างหมดสภาพ
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย มีด…” กุ้ยซ่าวมาได้ทันเวลาและยื่นมีดทำครัวให้
“หมิงอวินหลีกไป” หลินหลันส่งเสียงตะโกน หลี่หมิงอวินดึงร่างตงจึหลีกหนีด้วยจิตใต้สำนึก ได้ยินเพียงเสียงมีดลอยล่ะลิ่วผ่านไปชั่วขณะราวกับสายลมพัดผ่านไปด้านข้าง
เสียงดัง ‘ฉึ่บ’ มีดทำครัวปักทะลุเสา ตามด้วยเสียงดังฟ่อฟ่อ งูเขียวที่เลื่อยโฉบอยู่บนเสาถูกตัดระหว่างกลางลำตัวของมัน ลำตัวแยกออกจากกันตกลงสู่พื้นและยังคงเลื้อยบิดไปมา
กุ้ยซ่าวถือมีดทำครัวพุ่งเข้าไป และลงมือสับงูที่ยังไม่ตายอยู่ชั่วขณะ
ตงจึสีหน้าซีดเสียวด้วยความเจ็บปวดและตะโกนร้องโอดโอย หลินหลันแทรกเข้าไปเบื้องหน้า พลางควักผ้าเช็ดหน้าออกมาขณะเดียวกันก็กล่าวอย่างร้อนใจ “หมิงอวิน เจ้ารีบสั่งการคนให้ตรวจสอบดูว่าในห้องนี้ยังมีงูหลงเหลืออีกหรือไม่ แม่โจว จับตาดูเฉี่ยวโหรวเอาไว้ก่อน จิ่นซิ่ว รีบไปหาหยินหลิ่วให้นำกล่องยามาให้ข้า กุ้ยซ่าว ช่วยเตรียมน้ำมันพืช น้ำร้อนและผ้าสะอาดให้ข้าที…”
ผู้คนซึ่งได้รับคำสั่งต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง
หลี่หมิงอวินส่งตงจึให้หลินหลัน และกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าโปรดช่วยชีวิตเขาด้วย”
หลินหลันใช้ผ้าเช็ดหน้าพันท่อนแขนของตงจึอย่างชำนาญ ขณะเดียวกันก็กล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “ข้าทำได้อยู่แล้ว เจ้ารีบไปจากที่นี่ซะ ในนี้อันตราย”
หลี่หมิงอวินมองดูงูที่ถูกหลินหลันตรึงไว้บนพื้น แอบรู้สึกถอนหายใจ เป็นอีกครั้งที่หลินหลันช่วยชีวิตเขาไว้
“ข้าจะอยู่คอยช่วยเจ้าที่นี่”
ด้วยก่อนหน้าไม่ทันได้เตรียมพร้อมรับมือ ดังนั้นจึงตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ทว่าเวลานี้เวลาแห่งความอันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาจึงอยากคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้ เผื่อว่าขณะที่หลินหลันกำลังให้การรักษาตงจึ แล้วดันเกิดมีงูอีกตัวโผล่ออกมา
หลินหลันเงยหน้าขึ้นทันทีทันใด ภายใต้สีหน้าเคร่งขรึมแล้วกล่าวอย่างยื่นคำขาด “ไม่ได้ เจ้าจำเป็นต้องออกไปเดี๋ยวนี้ หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ ก็จะเป็นการสมใจอยากของใครบางคนแล้วน่ะสิ รีบไปซะ”
ไม่ใช่น้ำเสียงแห่งการเจรจาแต่อย่างใด และไม่ใช่น้ำเสียงแห่งการวิงวอนด้วยเช่นกัน ทว่าเป็นเสมือนเสียงบัญชาการของแม่ทัพ ที่ไม่อาจต่อต้านขัดคำสั่งการได้ เป็นครั้งแรกที่หลินหลันเผยสีหน้าแข็งกร้าวเช่นนี้ต่อหน้าเขา เพียงเพื่อจะได้มั่นใจความปลอดภัยของเขา หัวใจของหลี่หมิงอวินสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เช่นนั้นเจ้าก็ระมัดระวังตัวไว้ด้วย”
หลินหลันเห็นเขายอมเชื่อฟังแต่โดยดี พยักหน้าภายใต้สีหน้าที่อ่อนลง “วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”
หลี่หมิงอวินวิ่งลงชั้นล่างไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวใจที่ไม่อาจวางใจได้ ไปเรียกเหวินซานให้เขานำกำลังคนมายังห้องหนังสือพร้อมกับท่อนไม้เพื่อจัดการงูพิษให้สิ้นซาก
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ข้าจะตายไหม ข้า…ข้ารู้สึกแน่นหน้าอก จนเกือบจะหายใจไม่ออกแล้ว…” ตงจึครวญคราง
หลินหลันเอนร่างเขาลงเพื่อมองดูอาการ เห็นเพียงบาดแผลที่เริ่มดำคล้ำ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย งูพิษร้ายแรง หากมองไม่ผิด น่าจะเป็นงูเขียวหางไม้ ด้านนอกของหอหนังสือ รายล้อมไปด้วยต้นไผ่เขียวชอุ่ม จึงปล่อยงูเขียวหางไม้เข้ามาสักสองสามตัว พอถึงเวลาจะสามารถพูดได้ว่ามันเลื้อยคลานเข้ามาจากด้านนอก น่าเสียดายที่แม่มดชราเกรงว่าลำพังงูตัวเดียวจะเอาชีวิตหมิงอวินไม่ได้ จึงปล่อยเข้ามาหลายตัว ซึ่งนั่นกลับแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ ตัวเดียวคงสามารถบอกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทว่าการที่มีจำนวนหลายตัวเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด มันเป็นไปได้หรือว่างูหลายตัวพวกนี้จะนัดหมายมายังห้องหนังสือแห่งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
“ตงจึ อย่าประหม่าไป พยายามผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ใช่ แบบนี้แหละ…ดีมาก…” หลินหลันช่วยให้ตงจึรู้สึกถึงความผ่อนคลาย
กุ้ยซ่าวนำของที่จำเป็นทั้งหมดมาให้หลินหลันด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลินหลันหยิบมีดขนาดเล็กขึ้นมา เมื่อมองเห็นมีดขนาดเล็กนั่นตงจึก็เกิดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา กล่าวทั้งเสียงร้องไห้ “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย มือนี้ของข้าน้อยยังต้องเก็บเอาไว้พัดโบกให้เส้าเหยียนะขอรับ ฮือๆ …”
หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ตัดมือของเจ้าหรอก ข้ากำลังจะเปิดปากแผลของเจ้า เพื่อดูดพิษออกมา มันจะเจ็บปวดนิดหน่อย เจ้าอดทนไว้นะ…”
ปลายมีดจรดลง หลินหลันเปิดปากแผลอย่างชำนาญ
ตงจึกัดฟันสกัดกลั้นเสียงร้องไม่ให้หลุดออกมา
“กุ้ยซ่าว น้ำมันพืช…”
กุ้ยซ่าวกำลังลังเลใจ “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยเถอะเจ้าค่ะ!”
หลินหลันขมวดคิ้วแน่น “เร็วเข้า อย่ามัวเสียเวลา”
ขณะนี้เองกุ้ยซ่าวถึงได้ส่งน้ำมันพืชให้ หลินหลันอมมันในปากแล้วบ้วนออกมา ก่อนจะก้มลงไปบริเวณปากแผลแล้วทำการดูดพิษ