บทที่ 82 ตรวจสอบสินสงคราม

ราชาซากศพ

บทที่ 82
ตรวจสอบสินสงคราม

โชคดีจริง ๆ ที่พวกมันถูกกำจัดลงไปได้ ข้ายังเห็นภาพหลอนติดตา ตอนนี้สัตว์พวกนี้วิ่งพล่านไปมา อย่างมีความสุข เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เสี่ยวไป๋มองไปที่ หลินเว่ยดวงตาที่เต็มไปด้วยหงุดหงิด และพูดอย่างไม่พอใจ

“ฮ่าฮ่า! ถ้าเจ้าติดตามข้า เจ้าจะประสบกับเหตุการณ์ที่โหดร้าย” หลินเว่ยหัวเราะเบา ๆ และพูดอย่างมีความหมาย เพราะเขาเห็นได้ว่าเสี่ยวไป๋ยังคงกังวลเกี่ยวกับการเป็นสัตว์อสูรของเขา
“ฮึบ!” เสี่ยวไป๋นั้นไม่ได้โง่ เขาครุ่นคิดตามคำพูดของ หลินเว่ย ปกติแล้วเขาจะตะคอกอย่างเย็นชา แต่ครั้งนี้เขาไม่ปฏิเสธ ตั้งแต่เขาติดตามหลินเว่ยมา อย่างแรกคือของเหลวรวมวิญญาณ จากนั้นก็ผลไม้ซุยหยวนกั๋ว เขาไม่เคยขาดแคลนยาในการฝึกฝน
ด้วยการเลื่อนระดับของหลินเว่ย เสี่ยวไป๋จะได้รับสิ่งที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขา ในการฟื้นฟูความแข็งแกร่ง
หลินเว่ยไม่ยอมปล่อยสัตว์อสูรวานรหางแดงที่ตายไปแล้ว เขาปล่อยให้สัตว์ร้ายโครงกระดูกกัดพวกมัน อย่างไรก็ตามราชาสัตว์อสูรวานรหางแดง ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่ส่งเสียงคำรามไม่กี่ครั้งก็ถูกแทงด้วยไม้หลายอัน เจาะจุดสำคัญและเสียชีวิตใต้กองซากศพอสูรวานร

ในสมรภูมิแห่งนี้ และหลินเว่ยเก็บศพของสัตว์อสูรวานรหางแดงเกือบสองพันตัวได้ ส่วนศพของนักรบมนุษย์บางส่วน ถูกสัตว์อสูรวานรหางแดงกินไปแล้ว ส่วนที่เหลือหลินเว่ยไม่ได้เก็บพวกมัน นอกจากยึดอุปกรณ์และกระเป๋ามิติของพวกเขา
เพราะเขารู้ว่าอีกไม่นาน ร่างเหล่านี้จะกลายเป็นอาหารของสัตว์อสูร
“ช่างน่าเสียดาย! หลังจากผ่านไประยะหนึ่งผลไม้เหล่านี้จะสุกงอม แต่ผลที่ได้จะแย่กว่านั้น ถ้าเจ้าต้องการใช้ จะต้องเก็บมันให้หมดภายในตอนนี้” เสี่ยวไป๋ยืนบนไหล่ของหลินเว่ยและมองดูหลินเว่ยหยิบผลซุยหยวนกั๋วทั้งหมด แล้วเก็บลงไปในกระเป๋ามิติ
เขาพบว่ามีผลซุยหยวนกั๋วทั้งหมด 43 ผล แต่มีอีก 11 ผล ที่ยังไม่สุกเต็มที่ เสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความเสียใจ
“โอ้! ช่วยไม่ได้ที่ข้าไม่มีความแข็งแกร่งเหมือนสัตว์อสูรวานรหางแดง ถ้าข้าเก็บมันตอนนี้ คุณภาพของมันจะลดลง แต่ถ้าข้าไม่เก็บมันข้าก็จะไม่สามารถเก็บมันได้อีกต่อไป” เมื่อได้ยินเสี่ยวไป๋พูดเช่นนั้น
ใบหน้าของหลินเว่ยก็แสดงความเสียใจ ด้วยใบหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก
“โชคดีที่มีผลไม้ที่โตเต็มที่ 32 ผลซึ่งถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยอดเยี่ยมแล้ว” สำหรับคำพูดของหลินเว่ย เสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยความเห็นชอบและพูดอย่างตื่นเต้น
“สัตว์อสูรบางตัวถูกดึงดูดมาที่นี่ กลิ่นของเลือดที่นี่แรงเกินไป หลังจากนั้นสัตว์อสูรจะเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ ข้าว่าเราออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน กลิ่นของสัตว์อสูรบางพวก ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของหลินเว่ย เขาสังเกตเห็นพวกมันในทันทีและพูดอย่างรีบร้อน จากนั้นเขาก็เอาโครงกระดูกกลับมา เหลือเพียงหมาป่าลมกรดเพียงตัวเดียว ที่ยังคงอยู่
หลินเว่ยเดินทางไปยังทิศทางที่ไม่มีกลิ่นของสัตว์อสูรและวิ่งหนีด้วยความเร็วสูง
…………
ในช่วงเวลากลางคืนภายในถ้ำขนาดใหญ่ หลินเว่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกองไฟ และกำลังทำความสะอาดหลังจากการเก็บเกี่ยว
หลินเว่ยไม่ได้ขุดถ้ำนี้ แต่ถ้ำนี้เกิดตามธรรมชาติ และเขาไม่ได้สนใจอะไร เขาได้เรียกสัตว์โครงกระดูกสองตัวไว้เบื้องหน้าถ้ำเพื่อต่อสู้กับเจ้าของถ้ำคนก่อนหน้า
พวกมันคือหมีอสูรสองตัว ทั้งสองตัวนี้เป็นคู่ผัวเมีย ความแข็งแกร่งของพวกมันคือขั้นสี่ระดับเจ็ด และขั้นสี่ ระดับแปด พวกมันมีทักษะความสามารถพิเศษสองอย่าง: อารมณ์ร้าย และขี้โมโห แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียง ขั้นสี่ระดับแปด

แต่พวกมันก็เกือบจะเลื่อนระดับไปถึงขั้นห้า ดังนั้น หลินเว่ยจึงใช้ความพยายามอย่างมาก ในการจัดการทั้งสองตัว เขาสูญเสียสัตว์โครงกระดูกขั้นสามจำนวนมาก แม้กระทั่งโครงกระดูกสัตว์อสูรขั้นสี่หลายตัว ต่างก็ถูกสังหารระหว่างการต่อสู้
เมื่อความบ้าคลั่งของอีกฝ่ายสิ้นสุดลง และความแข็งแกร่งของพวกมันก็ลดลง จากนั้นก็สามารถสังหารพวกมันได้ หลินเว่ยนั้นรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อมีโครงกระดูกสองตัวเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าถ้ำ

“มอบผลซุยหยวนกั๋วให้ข้าก่อน! เจ้าค่อยทำอย่างอื่น” เจ้าของน้ำเสียงคือสัตว์อสูรตัวขาวเล็ก เมื่อเห็นหลินเว่ยหยิบซากสัตว์อสูรวานรหางแดงออกมาเพื่อจัดการ ด้วยความใจร้อนเสี่ยวไป๋ทนไม่ไหวจึงกล่าวอย่างร้อนใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายหลินเว่ยก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขา พยักหน้าและหยิบผลซุยหยวนกั๋วห้าผลให้เสี่ยวไป๋ ก่อนที่จะทันได้อ้าปากพุดอะไร เงาดำก็ผลุบไปและผลซุยหยวนกั๋วก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อมองไปที่เสี่ยวไป๋ที่กำลังถือผลซุยหยวนกั๋วทั้ง 4 ผล และถือผลที่ห้าถูกมันคาบไว้ในปาก ริมฝีปากของหลินเว่ยกระตุกเล็กน้อยครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวและทำสิ่งที่ตนเองค้างไว้ต่อไป

ซากศพสัตว์อสูรวานรหางแดงเกือบสองพันตน หลินเว่ยพบแก่นคริสตัลจำนวนหลายร้อยชิ้น และถูกหลินเว่ยดูดซับทั้งหมด เหลือเพียงร่างของราชาสัตว์อสูรวานรหางแดงขั้นห้าเท่านั้น หลินเว่ยใช้ทักษะศิลปะการคืนชีพโครงกระดูก และกลายเป็นสมาชิกของกองทัพโครงกระดูกของเขาตนใหม่
ราชาสัตว์อสูรวานรหางแดงขั้นห้าระดับเก้า นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกสัตว์อสูรวานรหางแดงจำนวนสี่ตนเพิ่มขึ้นมาจากการอัญเชิญ คือสัตว์อสูรวานรขั้นห้าระดับสี่ , สัตว์อสูรวานรขั้นห้าระดับเจ็ด สัตว์อสูรวานรหางแดงขั้นห้าธรรมดา
ภายในใจของหลินเว่ยต้องการเรียกมาเพิ่มอีกสองร่าง แต่ในการต่อสู้ครั้งก่อนร่างกายของพวกมันได้รับความเสียหายอย่างหนักและไม่สามารถอัญเชิญออกมาได้

แม้ว่าหลินเว่ยจะเสียใจมากแต่หลังจากรู้ข้อมูลของราชาสัตว์อสูรวานรหางแดง แห่งความเสียใจก็ถูกลบเลือนไปทันที
ปรากฏว่าราชาสัตว์อสูรวานรหางแดงไม่ได้เป็นอย่างที่หลินเว่ยคิดว่าเป็นสัตว์อสูรที่กลายพันธุ์ ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่เหมือนกิ้งก่าเพลิงที่มีคุณสมบัติความสามารถพิเศษ เนื่องจากมีสายเลือดของเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในร่างของมัน
แต่สำหรับราชาสัตว์อสูรวานรนั้นเป็นความสามารถพิเศษ หลังจากการเปลี่ยนร่างของมันเอง

ถ้ามันเกิดมาพร้อมกับเลือดมังกรจริง ๆ แต่ก็เทียบไม่ได้กับเผ่าพันธุ์มังกรจริง ๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับกิ้งก่าเพลิง ซึ่งมีเพียงเลือดที่อ่อนแอ ราชาสัตว์อสูรวานรหางแดงนั้นอาจแข็งแกร่งกว่ามาก เพราะเลือดของมันสมบูรณ์แบบ
ซึ่งแตกต่างจากกิ้งก่าเพลิงที่มีเพลิงเบาบางเท่านั้น

แรงกดดันของกิ้งก่าเพลิง เป็นคุณสมบัติพิเศษของความสามารถพิเศษ เป็นการข่มขวัญผู้ที่ต่ำต้อยกว่าสายเลือดของมัน ผลคือสัตว์อสูรธรรมดาที่มีความแข็งแกร่งต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับตัวมันเอง จะไม่ส่งผลกับสัตว์อสูรที่มีเลือดใกล้เคียงกัน
หรือสัตว์อสูรธรรมดาที่มีพละกำลังมากเกินไป และสำหรับมนุษย์ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ
เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรที่ด้อยกว่าอย่างกิ้งก่าเพลิง ราชาสัตว์อสูรวานรหางแดงมีคุณสมบัติพิเศษสองอย่าง ซึ่งทรงพลังมาก
คุณลักษณะความสามารถพิเศษ อย่างแรกคือการเพิ่มความเร็ว มีคุณลักษณะความสามารถพิเศษนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วของมือหรือความเร็วในการเคลื่อนไหวก็แข็งแกร่งเป็นสองเท่าของสัตว์ในระดับเดียวกัน
นักรบของสามกองกำลังสำคัญก่อนหน้านี้ ก็ประสบความพ่ายแพ้เนื่องจากสิ่งนี้
คุณลักษณะความสามารถพิเศษอย่างที่สองคือการเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นคล้ายกับทักษะติดตัว เช่นการเพิ่มความเร็วไม่สิ้นเปลืองพลัง ผลคือเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองถึงสามเท่า