ตอนที่ 123 รสชาติของคุณก็น่าจะไม่เลว + ตอนที่ 124 คุณนี่ไม่รู้จักทำเบา ๆ เลยหรือไง

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 123 รสชาติของคุณก็น่าจะไม่เลว

เสื้อสูทที่อยู่ในมือของเธอยังคงเต็มไปด้วยไออุ่นของเขา เธอวางมันลงไป พลางหันกลับมาและเดินไปรอบ ๆ โต๊ะทำงานก่อนจะมุ่งตรงไปยังทางประตู

แม้ว่าตัวเธอนั้นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดเสียงของฝีเท้า แต่ทว่าเสียงของรองเท้าส้นสูงที่สูงกว่าสิบเซนติเมตรก็ใช่ว่าจะเบาได้มากนัก

เขาคงไม่ตื่นหรอกใช่ไหม?

เธอส่ายหน้าไปมา คงเป็นไปไม่ได้หรอก คนที่หลับเป็นตายแบบเขา ไม่มีทางหรอก!

เสียงฝีเท้าของเธอหยุดลงที่หน้าประตู เธอเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตูที่เย็นเฉียบ พลางมองกลับไปยังชาแก้วหนึ่งที่ยังคงปรากฏไอร้อน เธอหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างชั่งใจ จากนั้นจึงหันหลังกลับไปทันที

ช่างเถอะ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว ถือว่าส่งพระจนถึงแดนตะวันตก[1]

เธอหยิบถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดประตูเพื่อเข้าไปยังห้องรับรองส่วนตัวของจิ่งเป่ยเฉิน

เมื่อเข้าไปดวงตาก็เห็นร่างกายท่อนบนและต้นขาที่เปลือยเปล่าของเขาอยู่บนเตียง โดยมีผ้าห่มสีขาวคลุมเอวของเขาเพียงเล็กน้อย ใบหน้าของเขานั้นกำลังนอนอยู่ที่หมอนนุ่ม ๆ

ที่แท้เขาชอบนอนท่าแบบนี้ ท่าทางการนอนนั้นไม่กล้าที่เอ่ยคำชมจริง ๆ

ภายในห้องรับรองไม่มีที่นั่งแต่อย่างใด เมื่อเธอมองไปยังเตียงสีขาว จิ่งเป่ยเฉินยังคงอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรที่จะมารบกวนเขาได้

หลังจากที่นั่งยองลงเบา ๆ เธอก็เริ่มเป่าไปที่ชาร้อน ๆ ความร้อนจากถ้วยชาปรากฏไอขึ้นบนแว่นตากรอบทองของเธอ ดวงตาของเธอตอนนี้ถูกบดบังไปด้วยหมอกสีขาว

เธอถอดแว่นตาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะขยี้ตาและเป่าถ้วยน้ำชาในมือต่อไป

อาการเมาค้างนี่มันนานขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก

เมื่อรู้สึกว่าถ้วยชาในมือเริ่มเย็นมากขึ้น เธอก็หันหน้าไปยังเตียงสีขาวอีกครั้ง พลันสบตาเข้ากับดวงตาสีดำคู่หนึ่งที่มืดมิดและดูน่ากลัว

ในขณะนั้นเองมือใหญ่ ๆ ของเขาก็ตวัดโอบมาที่รอบเอวก่อนที่เธอจะกระวนกระวายด้วยซ้ำ “ประธานจิ่ง เชิญดื่มชาก่อนค่ะ”

ให้ตายสิ นี่เขาตื่นมาตั้งแต่ตอนไหน ไม่ให้ซุ่มให้เสียงกันเลย เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด

ในความเป็นจริงตอนที่เธอเดินเข้ามานั้นเขาก็ตื่นแล้ว แต่ไม่ได้ขยับตัวอะไรมาก ก่อนจะรู้สึกว่าเธอนั่งลงที่ข้างเตียง หัวใจของเขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา

เมื่อคืนอยากจะคิดหนีออกห่างจากตัวเขา วันนี้กลับมาทำเรื่องพวกนี้ให้ ไม่ใช่ว่าอยากให้เขาเข้าใจผิดว่ากำลังทำอะไรอยู่เหรอ?

จิ่งเป่ยเฉินลุกขึ้นและใช้มือขวาหยิบถ้วยน้ำชามาจากมือของเธอ ส่วนมือซ้ายยังคงโอบเอวของเธออยู่

เขาดื่มชาสองจิบ ก่อนจะวางถ้วยน้ำชาไว้ที่ข้างเตียง “ชาดีไม่เลว”

“งั้นฉันไปก่อนนะคะ ประธานจิ่งพักผ่อนต่อได้เลยค่ะ” เธอพยายามที่จะสะบัดตัวออก แต่กลับถูกเขาผลักให้ล้มลงบนเตียง เมื่อต่างคนต่างล้มลงไปบนเตียง จิ่งเป่ยเฉินจึงกดตัวของเธอไว้

ก่อนเสียงทุ้มต่ำของจิ่งเป่ยเฉินจะดังขึ้นกระซิบข้าง ๆ หู “คุณเองก็น่าจะมีรสชาติไม่เลว……..”

“คุณจะทำอะไร? ปล่อยฉันนะ!” เธอจ้องหน้าเขาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะออกแรงดันตัวเขาออกไป

จิ่งเป่ยเฉินมองเธอด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนสิว่าต้องทำในสิ่งที่คนรักเขาทำกัน”

“ประธานจิ่ง ทำไมคุณถึงได้จริงจังขนาดนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น” เธอแทบจะรอไม่ไหว อยากจะฉีกปากตัวเองทิ้งซะจริง ๆ เธอเอ่ยคำพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไงกัน นั่นทำให้เธอถูกจิ่งเป่ยเฉินจับไม่ปล่อยแบบนี้

เธอดึงคอเสื้อด้วยมือขวา ก่อนจะดันตัวไปที่หน้าอกของเขา ดวงตาสีดำจับจ้องไปที่ดวงตาของเธอที่ดูเหมือนว่ากำลังจะบ้าคลั่งเต็มที ก่อนจะเอ่ยอย่างช้า ๆ ว่า “อยากจะให้ผมช่วยคุณฟื้นความจำไหม คุณบอกว่าผมไม่ใช่คน ผมว่าคุณควรจะเข้าใจกว่านี้ ผมจะทำให้คุณได้สัมผัสด้วยตัวเองว่าอะไรที่เรียกว่าสัตว์ป่า”

“อย่านะ……” เธอหันหน้าหนีอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะตวัดตามองเขาอีกครั้ง และเอ่ยอย่างมีสติ “ประธานจิ่ง คุณคงจะหิวมากเลยสินะ? ถึงได้สนใจแม้กระทั่งหญิงแก่หน้าตาน่าเกลียดที่มีลูกแล้วแบบนี้”

“อันโหรว คุณจะแกล้งทำตัวแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?” เขาพูดอย่างจริงจัง ก่อนที่มือขวาของเขาจะดึงเสื้อของเธอออก เผยให้เห็นผิวเนียนขาว “ก่อนหน้านั้นก็เป็นคุณที่เริ่มก่อนเองนะ!”

ความรู้สึกที่หนาวสั่นไปทั่วทำให้เธอต้องหดไหล่ลง “ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นหญิงแก่ที่น่าเกลียด แต่ฉันคงไม่มีทางเป็นคนอื่นได้หรอกนะคะ ประธานจิ่ง คุณควรเคารพตัวเองด้วยนะ”

“คุณนั่นแหละ ตอนที่ผมเข้ามากอดคุณ คุณเองก็ไม่เคยเคารพตัวเองเหมือนกัน” เมื่อเธอเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น แทบอยากจะฉีกเสื้อผ้าของเธอออกด้วยท่าทีที่หยาบคาย!

“ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจค่ะว่าประธานจิ่งกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่” เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ตรงหน้านั้นเป็นยังไง เธอเลยพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ก่อนที่จะรับรู้ได้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นแทบไม่เคยคิดจะฟังคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย

“อีกเดี๋ยวคุณจะเข้าใจเอง!” จิ่งเป่ยเฉินพูดจบก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ ลมหายใจที่อบอุ่นและรสหวานจากริมฝีปากก็ไหลผ่านระหว่างปากของเขาและเธออย่างอ่อนโยน รสชาติที่กินชาเมื่อครู่นั้นไม่รู้เลยว่าจะหวานหรือจะจืดชืดกันแน่

“อืม…อืมมมม”

[1] หมายถึง ทำก็ต้องทำให้ถึงที่สุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือช่วยคนก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด เปรียบเหมือนส่งพระก็ต้องส่งถึงแดนตะวันตก หรือก็คือ ชมพูทวีป

……………..

ตอนที่ 124 คุณนี่ไม่รู้จักทำเบา ๆ เลยหรือไง

“อา…….”

จิ่งเป่ยเฉินไอ้คนเลว!อย่ากัดคอนะ! มันเจ็บ!

“อย่า…..”

มือทั้งสองของเธอจับไปที่แผ่นหลังขาวสะอาดของเขา ความเจ็บปวดร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นทำเอาแทบจะทนไม่ไหว อยากจะฝังเล็บลงไปที่แผ่นหลังของเขามากจริง ๆ

“อย่าเหรอ….หยุดยังงั้นเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้ามองเธอ ก่อนจะพบว่าน้ำเสียงของตัวเองในตอนนี้ล้วนเต็มไปด้วยกามอารมณ์ทั้งสิ้น

เธอกัดริมฝีปากล่าง ยอมเขาอย่างเงียบ ๆ ไม่ต้องการสนใจเขา โดยเฉพาะตอนที่เขากระซิบข้างหูเรียกเธอว่าอันโหรว

ให้ตายเถอะ นี่เขากำลังพิสูจน์หรือคิดจริงจังกันแน่?

“อา……”

เธออดไม่ได้ที่จะครวญครางร้องออกมา พลางจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหล่าของเขาที่เผยรอยยิ้มจนน่าขุ่นเคือง เขาตั้งใจชัด ๆ

“ใจลอยไปไหน”

รอยยิ้มของเขาดูมีเลศนัย เหงื่อที่ไหลออกมาจากใบหน้าทำให้เขาดูหล่อและเย้ายวนที่สุด

หลินจือเซี๋ยวที่ถือเอกสารในมือยืนรออยู่หน้าประตูห้องของจิ่งเป่ยเฉิน อันโหรวเข้าไปนานแล้วทำไมยังไม่ออกมาอีก คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม?

แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะเคาะประตูเลยแม้แต่น้อย พลันสายตาเหลือบไปเห็นฉีเซิงเทียนเดินผ่านมา จึงรีบเข้าไปคว้าแขนของเขา “คุณผู้จัดการฉี ประธานจิ่งเข้าบริษัทหรือยังคะ?”

เธอรู้ว่าอันโหรวอยู่ด้านใน แต่ไม่เห็นว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นเข้าไปข้างใน

ถ้าหากว่าอันโหรวเข้าไปคนเดียว ไม่มีทางที่เธอจะเข้าไปนานขนาดนี้แน่!

ฉีเซิงเทียนก้มหน้าลงและปัดมือของเธอออก ก่อนจะมองไปที่ประตูหน้าห้อง รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “เลขาหลิน คุณกลับไปทำงานของคุณต่อเถอะ!”

“คุณหมายความว่ายังไง ประธานจิ่งเขา…” หลินจือเซี๋ยวชี้ไปที่ประตูห้อง “อยู่ข้างในจริง ๆ เหรอ?”

ภายในห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินนั้นเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถึงด้านในห้องจะเสียงดังแค่ไหน ด้านนอกก็ไม่มีทางได้ยินอะไรเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความเงียบสงัดที่ทำให้รู้สึกถึงความน่ากลัว

“นี่คือห้องทำงานของเขานะ หรือว่าจะมีคนอื่นอยู่ข้างในกัน?” ฉีเซิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย “หรือว่า……”

หลินจือเซี๋ยวพยักหน้าตอบ และพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “อันอีหานเธออยู่ด้านในห้องค่ะ”

“ผมรู้ว่าคนอย่างเขาเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน เลขาหลิน คุณกลับไปทำงานของตัวเองได้แล้ว คาดว่าสักพักหนึ่ง….คิดว่าคุณก็น่าจะเข้าใจ” ฉีเซิงเทียนหันมองไปที่ประตูสื่อความหมายโดยนัย ก่อนจะหันหลังกลับออกไป

หลินจือเซี๋ยวมองเขาเดินจากไป ก่อนจะถือเอกสารในมือก้มหน้าคอตกเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง

โหรวโหรวอธิษฐานเอานะ ขอให้รอดเหมือนทุก ๆ ครั้ง หากครั้งนี้เธอเข้าไปในห้อง แล้วทำเรื่องอะไรให้เขาไม่พอใจขึ้นมาละก็ ได้ถูกโยนลงไปจากชั้นสิบห้าแน่ ๆ

เจ็บ……

เหนื่อย……

อันโหรวมีแค่สองความรู้สึกนี้ในหัว ความรู้สึกอื่น ๆ นั้นแทบจะไม่หลงเหลืออีกเลย!

เธอพยายามดิ้นขยับออกจากมือที่โอบเอวเธออยู่ พลันก็มีเสียงกระซิบที่ข้างหู “โหรวโหรว”

“โหรวน้องเขยคุณสิ!” เธอพยายามที่จะลุกขึ้น แต่มือที่เอวกลับโอบรัดจับตัวเธอไว้แน่นจนขยับตัวแทบไม่ได้

“ยังมีแรงด่าผมแบบนี้ ดูท่าคุณอยากจะต่อสินะ” จิ่งเป่ยเฉินกอดเธอไว้ในอ้อมแขน พลางมองไปที่ใบหน้าที่มีเครื่องสำอางอยู่บนหน้า นั่นทำให้ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“คนรักของประธานจิ่งเป็นคนธรรมดา ๆ ฉันไม่สามารถแทนได้หรอกนะคะ ฉันไม่รู้ว่าอันโหรวที่คุณพูดถึงนั้นคือใคร” เธอเหนื่อยที่จะรับมือกับเขาแล้ว เธออยากออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

“หึ เล่นปลอมตัวสนุกนักเหรอ?” สายตาของเขามองไปที่ร่างกายของเธอ ดวงตาค่อย ๆ เข้มขึ้นอย่างน่ากลัว “สีผิว ใบหน้า และลำคอคนละสีกันแบบนี้ คุณคิดว่าผมจะเชื่อคำพูดคุณหรือไง”

“ประธานจิ่งคิดถึงเธอมากเกินไปแล้ว หาผู้หญิงที่คล้ายเธอมาก็จบ คุณก็เห็นว่าฉันไม่ใช่เธอ!”

จิ่งเป่ยเฉินมองเธอนิ่ง ลมหายใจร้อนผ่าวกระซิบแนบหูเธออย่างเบา ๆ ”หน่วนหน่วนคือลูกของฉันใช่ไหม?”

เธอสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอแฝงไปด้วยท่าทีที่ประชด “ประธานจิ่งคิดว่าฉันกับคุณมีลูกด้วยกันเหรอคะ?”