ตอนที่ 77 ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น

ปฏิญญาค่าแค้น

หลินหลันออกจากหอตำราแล้วกลับไปยังห้องหลัก หลี่หมิงอวินซึ่งเฝ้ารอผลการซักไซ้ไล่ความของหลินหลันมาโดยตลอด หลินหลันส่ายหน้าโดยไม่รอให้เขาได้อ้าปากเอ่ยถาม 

 

 

หลี่หมิงอวินมีสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าจะไปถามนาง…” 

 

 

หลินหลันกล่าว “ช่างเถอะ ข้าได้ให้โอกาสนางแล้ว เป็นนางเองที่ไม่ต้องการ ต่อให้นางไม่เปิดปากบอก ข้าก็มีวิธีที่จะตรวจสอบให้กระจ่างได้” 

 

 

อวี้หลงชงชาน้ำผึ้งเข้ามาให้ “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ท่านดื่มก่อนสักหน่อยเถิด!” 

 

 

นับแต่เกิดเรื่องขึ้น นายหญิงซึ่งยุ่งจนตัวเป็นเกลียว จึงไม่ทันได้หายใจหายคอให้โล่งอก 

 

 

หลี่หมิงอวินมองดูสีหน้าอ่อนล้าของหลินหลัน ใบหน้าเดิมที่บึ้งตึงกลับเผยสีหน้ารู้สึกผิดออกมา “ลำบากเจ้าแล้ว” 

 

 

หลินหลันยิ้มเจื่อน “ลำบากหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก แต่ในใจที่รุ่มร้อนนี่สิ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด! ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะคืนของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้กลับไปอย่างไรดี” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ของขวัญนั่นแน่นอนว่าต้องส่งกลับคืน” เขาได้ออกคำสั่งให้คนนำชิ้นส่วนของงูที่ขาดสะบั้นรวบรวมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว 

 

 

หยินหลิ่วเข้ามาบอกกล่าว “กุ้ยซ่าวกับแม่โจวมาแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

หลินหลันรีบปรับสีหน้าอารมณ์ของตนเองให้ดูกระปรี่กระเปร่าขึ้น พร้อมทั้งปรับตัวนั่งยืดตรง ไม่รู้ว่ากุ้ยซ่าวและแม่โจวมาด้วยเหตุอันใด 

 

 

หลี่หมิงกล่าวด้วยความรู้สึกถะนุถนอม “เจ้าไปพักผ่อนก่อนสักประเดี๋ยว เป็นข้าเรียกพวกนางมาเอง” 

 

 

“กุ้ยซ่าว ประเดี๋ยวเจ้าไปซื้องูจำนวนหนึ่งกลับมาที” หลี่หมิงอวินกล่าวสั่งการ 

 

 

กุ้ยซ่าวตกตะลึง ยังจะซื้องูอีกหรือ! 

 

 

หลี่หมิงอวินยกยิ้มมุมปากซึ่งฉายร่องรอยแห่งความเย็นชา “ซื้อมาหลายๆ ตัวหน่อยล่ะ คืนนี้ทำซุปงู งูผัดพริกไทย งูหั่นชิ้นทอด…และดองเหล้างูอีกสักขวดจะเป็นการดีที่สุด” 

 

 

กุ้ยซ่าวเผยสีหน้าลำบากใจขณะพึมพำ “เมนูพวกนี้…บ่าวทำไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะ” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าว “งั้นก็ซื้อมาแล้วให้โรงเตี๊ยม ‘อี้เซียงจู’ ทำให้เรียบร้อยแล้ว เหล้างูที่นั่นมีสำเร็จแล้วด้วยเช่นกัน 

 

 

ทันทีที่กุ้ยซ่าวได้ยินว่านางไม่ต้องลงมือทำแล้ว จึงฉีกยิ้มออกมาได้ “ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” 

 

 

หลินหลันกำลังกลั้นหัวเราะ เห็นทีว่าหลี่หมิงอวินกำลังเดือดดาลจริงๆ เสียแล้ว ถึงได้ต้องรังสรรเมนูงูให้แม่มดชราหนึ่งโต๊ะ 

 

 

“แม่โจว เจ้าให้ตระกูลเยี่ยเตรียมพร้อมไว้หน่อย พวกเราอาจจะย้ายไปที่นั่นค่ำคืนนี้” หลี่หมิงอวินกล่าว 

 

 

หลินหลันประหลาดใจ “จะย้ายไปบ้านตระกูลเยี่ยหรือ” 

 

 

หลี่หมิงอวินแสยะยิ้ม “ก็คงต้องรอดูท่าทีของใครบ้างคน” 

 

 

วันนี้ฮานชิวเยว่ร้อนใจมากเป็นพิเศษ กระสับกระส่าย อยู่ไม่เป็นสุข หัวใจของนางเต้นแรงทันทีที่มีเสียงดังจากข้างนอก 

 

 

“แม่เจียง ทางด้านนั้นยังไม่ได้ข่าวคราวบ้างเลยหรือ” 

 

 

แม่เจียงส่ายหน้า “ยังเลยเจ้าค่ะ! อาจจะเป็นไปได้ว่า พวกเขายังไม่เจอน่ะเจ้าค่ะ” 

 

 

“นี่ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว มิใช่บอกว่ายานั่นสามาถกระตุ้นสัญชาตญาณการโจมตีของงูได้หรอกหรือ” ที่ฮานชิวเยว่กังวลใจคือ งูเหล่านั้นมัวแอบหลับไปแล้วหรือเปล่า 

 

 

แม่เจียงเอ่ยกระซิบ “ร้านขายงูว่าไว้เช่นนั้นเจ้าค่ะ” 

 

 

ฮานชิวเยว่จ้องมองนาง “เรื่องนี้หากทำไม่สำเร็จ พวกเราก็ไม่มีโอกาศครั้งที่สองอีกแล้ว” 

 

 

แม่เจียงกล่าวขึ้นทันที “ไม่หรอกเจ้าค่ะ ไม่หรอกเจ้าค่ะ ถ้าตัวเดียวก็คงเป็นไปได้ที่จำไม่สำเร็จ ทว่าพวกเราปล่อยไปตั้งไม่รู้กี่ตัวมิใช่หรือ” 

 

 

ฮานชิวเยว่ถอกถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ “รอก่อนแล้วกัน! หวังว่าพระเจ้าจะคุ้มครอง” 

 

 

แม่เจียงกล่าวอย่างเป็นกังวล “เกรงก็แต่ว่าจะกัดเขาจนถึงตาย หากถึงขั้นเกิดการเสียชีวิต น่ากลัวว่าเหล่าเหยียจะตรวจสอบหาความจริงอย่างจริงจังสิเจ้าคะ…” 

 

 

ฮานชิวเยว่เผยรอยยิ้มเย็นชา และกล่าวขึ้นอย่างสบายอกสบายใจ “เจ้าไม่ต้องกังวลใจไปหรอก เอ้อร์เส้าหน่ายนายมิใช่มีทักษะการรักษาเก่งกาจหรอกหรือ ไม่ตายหรอกน่า” นางเพียงแค่ต้องการให้หลี่หมิงอวินไม่อาจเข้าร่วมการสอบได้ก็เป็นอันพอ เกิดถูกกัดตายขึ้นมาจริงๆ นางเองก็ได้หาแพะรับบาบไว้แต่เนิ่นๆ เป็นที่เรียบร้อย จึงไม่ต้องเกรงกลัวใดๆ 

 

 

ขณะกำลังสนทนา ชุนซิ่งก็เข้ามาให้การรายงาน “หรูอี้แห่งเรือนหลั้วเซี๋ยจายมาเจ้าค่ะ” 

 

 

นัยน์ตาของฮานชิ่วเยว่สว่างไสวขึ้น เผยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ ลุกขึ้นยืนทันทีทันใด หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกสองสามครั้ง สีหน้าก็กลับนิ่งสงบลง ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “ให้นางเข้ามา” 

 

 

แม่เจียงแอบอธิษฐาน หวังว่าจะมิได้มารายงานข่าวร้ายหรอกนะ 

 

 

หรูอี้ถือภาชนะอาหารขนาดใหญ่เดินตามหลังชุนซิ่งเข้ามา 

 

 

ทันทีที่ฮานชิวเยว่มองเห็นท่าทางของชุนซิ่งที่ยิ้มเล็กยิ้มน้อย หัวใจของนางก็เต้นระรัว หรือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ 

 

 

หรูอี้ให้การคาราวะแด่นายหญิงใหญ่ประจำจวน และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยิน เอ้อร์เส้าหน่ายนายกล่าวว่าวันนี้ได้งูมาจำนวนหนึ่ง และคิดได้ว่างูช่วยระบายความร้อนและบำรุงร่างกายได้มากที่สุด จึงให้ทางห้องครัวฆ่าแล้วทำอาหารมาจำนวนหนึ่ง เพื่อมอบให้ฮูหยินได้ลิ้มรสเจ้าค่ะ” 

 

 

ฮานชิวเยว่หน้าเสียไปชั่วขณะ แผนการล้มเหลวไม่เป็นก็ช่าง ทว่าหมิงอวินยังให้คนนำงูทำเป็นอาหารส่งมาให้นางกิน เห็นได้ชัดว่ากำลังแสดงการข่มขู่นาง เตือนนาง…ไม่น่าเป็นไปได้ว่า คนด้านในนั้นสารภาพออกมาแล้วหรือ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฮานชิวเยว่ก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบ ใจกลางฝามือเต็มไปด้วยเหงื่อ 

 

 

แม่เจียงก็เช่นกัน กระทั่งสีหน้าล้วนซีดเซียวไปเสียแล้ว 

 

 

สีหน้าอาการของฮูหยินล้วนอยู่ในสายตาของหรูอี้ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยรอยยิ้มจางๆ “เอ้อร์เส้าเหยียกล่าวไว้แล้วว่า ไว้ได้รับพวกแมงมุม แมงป่องอะไรพวกนี้เมื่อไหร่ ก็จะอาหารรสเลิศขึ้นมาอีกเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นค่อยส่งมาให้ฮูหยินได้ลิ้มรสอีกเจ้าค่ะ” 

 

 

ฮานชิวเยว่ไม่รู้อีกต่อไปว่าควรจะโกรธเกรี้ยวหรือกลัว และก็ไม่รู้ว่าการแสดงออกบนใบหน้าของนางตอนนี้คือร้องไห้หรือยิ้มกันแน่ “กลับไปบอกเส้าเหยียของเจ้า ความกตัญญูของเขาข้ารับเอาไว้แล้ว การสอบชิวเหวยใกล้เข้ามาแล้ว เอาใจไปจดจ่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบเป็นเรื่องสำคัญกว่า” 

 

 

“เจ้าค่ะ…เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” หรูอี้ย่อตัวให้การคาราวะ แล้วจึงออกไป 

 

 

ฮานชิวเยว่จ้องมองไปที่กล่องภาชนะบรรจุอาหารนั้นไม่วางตา แม่เจียงเดินเข้าไปและเปิดภาชนะบรรจุอาหารออกด้วยสองมือที่กำลังสั่นคลอน เมื่อเห็นชิ้นส่วนที่ถูกหันเป็นชิ้นๆ ด้านใน และงูผัดพริกไทที่ไม่ได้ลอกหนังออก โดยเฉพาะบริเวณตรงกลางที่มีหัวงูขนาดใหญ่อ้าปากอยู่ ทำให้นางร้องโวยขึ้นมาด้วยความตกใจและถอยกรู กระทั่งฝาปิดก็ถูกปัดร่วงลงสู่พื้นและกลิ้งไปถึงบริเวณเท้าของฮานชิวเยว่ 

 

 

“มัวโวยวายอะไรอยู่ ยังไม่รีบนำฝาไปปิดอีก” ฮานชิวเยว่กล่าวด้วยเสียงเย็นชา ขณะที่ในใจของนางกำลังสั่นไหวจนแทบจับจังหวะไม่ได้ 

 

 

แม่เจียงลุกรี้ลุกรนหยิบฝาขึ้นไปปิด โดยปิดมันลงไปอย่างไม่สนิทมิดชิดดีเท่าไหร่นัก 

 

 

“ฮูหยินเจ้าคะ เช่นนี้จะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” แม่เจียงถูกทำให้ตื่นตกใจจนสติกระเจิง 

 

 

ฮานชิวเยว่ปลอบใจตนเองอย่างต่อเนื่อง มิเป็นไร มิเป็นไร…การสะกดจิตตนเองเช่นนี้ช่างได้ผลดีทีเดียวเชียว ฮานชิวเยว่จึงสงบนิ่งได้ภายในเวลาอันสั้น “อย่าทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไป” 

 

 

นางครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยถาม “ร้านขายงูนั่น ได้เดินทางออกไปแล้วหรือยัง” 

 

 

“ออก…ออกไปจากเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ บ่าวได้เตือนเข้าไว้แล้วว่า นับจากนี้ไปห้ามมิให้เข้าเมืองหลวงมาแม้แต่ครึ่งฝีก้าวเจ้าค่ะ” แม่เจียงตอบ “เรื่องร้านงูนั่นไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด ประเด็นสำคัญที่สาวใช้เฉี่ยวโหรวผู้นั้น หากนางสารภาพ เรื่องนี้ได้เป็นอันวุ่นวายแน่เลยเจ้าค่ะ” 

 

 

ฮานชิวเยว่พยักหน้า “ทางด้านเฉี่ยวโหรวนั้นเป็นแม่ชิวที่ค่อยติดต่อสื่อสารอยู่ตลอด เจ้ารีบไปกำชับแม่ชิว ให้ระมัดระวังคำพูดคำจาไว้ให้มาก อย่าได้ปริปากหลุดอะไรออกไปแม้เพียงนิดเดียว และบอกจิงเซียงสาวใช้ผู้นั้นให้รู้จักฉลาดหน่อย ก็บอกไปว่าระหว่างทางปวดท้อง จึงนั่งพักผ่อนในสวนอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ไม่รู้ว่างูนั่นเลื้อยเข้ามาได้อย่างไร เพียงแค่ต้องการกำจัดประเด็นนี้ไปให้ได้ ส่วนที่เหลือให้ข้าเป็นคนจัดการ ข้ารับประกันว่านางไม่ต้องกังวลไป หลังเรื่องจบส้นมีรางวัลใหญ่คอยอยู่ อีกเรื่อง จับตามองพี่ชายของเฉี่ยวโหรวเอาไว้อย่าให้คลาด อย่าให้เขาเที่ยวออกไปเล่นพนันอีก หากไม่ได้จริงๆ ก็…” ฮานชิวเยว่เผยนัยน์ตาเย็นชา ชะงักไว้ที่ความหมายว่าฆ่า 

 

 

แม่เจียงเผยสีหน้าเป็นอันเข้าใจ “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” 

 

 

หลังหลี่จิ้งเสียนเสร็จสิ้นงานหลวง ก็ไปยังห้องหนังสือส่วนกลางตามความเคยชิน และกลับพบหมิงอวินกำลังอยู่ที่นั่น หลี่จิ้งเสียนรู้สึกเหนือความคาดหมาย เขาเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร “หมิงอวิน เจ้ามาหาพ่อหรือ” 

 

 

หลี่หมิงอวินคาราวะอย่างเคารพ “ขอรับ ท่านพ่อ” 

 

 

“เข้ามาพูดคุยกันด้านในเถอะ!” 

 

 

หลี่หมิงอวินยื่นมือออกไปรับกล่องภาชนะในมือของเหวินซาน แล้วจึงเดินตามผู้เป็นพ่อเข้าไปยังห้องหนังสือ 

 

 

หลี่จิ้งเสียนหย่อนตัวลงนั่ง มองเห็นในมือของหมิงอวินถือกล่องภาชนะใส่อาหาร ในใจรู้สึกถึงความดีใจอยู่เล็กน้อย ลูกชายคนนี้นำอาหารมาให้เขาหรือ 

 

 

“หมิงอวิน เตรียมการสอบไปถึงไหนแล้วหรือ” 

 

 

หลี่หมิงอวินยืนตัวตรงสองมือแนบข้างลำตัว “เรียนท่านพ่อ หลายวันมานี้ลูกทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างหนัก ได้เก็บเกี่ยวอะไรมาเยอะเลยขอรับ” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนพยักหน้าอย่างปลื้มใจ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังกล่องอาหารพลางเอ่ยถาม “นี่คือ…” 

 

 

หลี่หมิงอวินก้าวขึ้นไปเบื้องหน้า นำกล่องอาหารวางลงบนโต๊ะน้ำชา หลังจากนั้นรวบสะบัดชายชุดแล้วคุกเข่าลงบนพื้น ค่อยๆ กลั่นอารมณ์หลังจากนั้นจึงกล่าวด้วยสีหน้าอันแฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ “ท่านพ่อ เป็นลูกเองที่ไม่ต้องการครอบครัวนี้ ด้วยครอบครัวนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับลูกคนนี้อีกแล้วจริงๆ ลูกจึงขอลาท่านพ่อไว้ ณ ที่นี่” เมื่อพูดจบก็โค้งคำนับลงกับพื้น 

 

 

หลี่จิ้งเสียนเผยสีหน้าตื่นตกใจอย่างยิ่ง “หมิงอวิน เจ้าเป็นอะไรไปหรือ” 

 

 

“ท่านพ่อดูกล่องอาหารก็เข้าใจแล้วขอรับ” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนเปิดกล่องอาหารด้วยความสงสัย ทันใดนั้นกลับถอยกรูไปด้านหลังสามสี่ก้าวและล้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับชี้ไปที่กล่องอาหาร “นี่…นี่….” นี่เป็นฉากที่น่าสยดสยองเกินไป หลี่จิ้งเสียนไม่อาจพูดจบได้ด้วยความตระหนกตกใจ 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยความเศร้าเสียใจ “นี่ก็คือกล่องอาหารที่ท่านแม่บรรจุซุปโสมส่งมาให้ลูกทุกวันขอรับ ลูกยังรู้สึกซาบซึ้งใจ กล่าวว่านางปฏิบัติต่อลูกด้วยใจจริง ทว่าคาดไม่ถึงเลย ซุปโสมที่ส่งมาให้ในวันนี้จะส่งงูพิษมาด้วย หากมิใช่ตงจึเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องลูก หากมิใช่หลินหลันมาช่วยได้ทันการณ์ ท่านพ่อ เกรงก็แต่ว่าที่ท่านพ่อจะได้มองดูในตอนนี้ก็คงเป็นร่างไร้วิญญาณของลูก” 

 

 

ในขณะนี้หลี่จิ้งเสียนทั้งตระหนกตกใจและโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน เรื่องนี้มันร้ายแรงเกินไปเสียแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายครา เพื่อพยายามทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะเอ่ยปากถาม “เจ้ามีหลักฐานด้วยหรือไม่” 

 

 

“ท่านพ่อ หรือว่านี่ยังไม่ถือว่าเป็นหลักฐานอีกหรือขอรับ” หลี่หมิงอวินลุกขึ้นยืน นำชิ้นสวนงูเน่าๆ ในภาชนะบรรจุอาหารเทออกมา แล้วหยิบมีดที่เตรียมไว้ก่อนหน้าแล้วออกมา ก่อนจะกรีดชำแหละชั้นล่างของภาชนะบรรจุอาหาร “ท่านพ่อ ท่านดูสิ งูเหล่านี้หลบซ่อนอยู่ในระหว่างชั้นนี้ หากมิใช่หลินหลันระแวดระวังจนพบความลับของภาชนะบรรจุอาหารนี่และมาช่วยชีวิตได้อย่างทันการณ์ ไม่อยากจะคิดเลยว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ตงจึยังคงนอนปางตายอยู่บนเตียง ท่านพ่อ พวกนี่คืองูหางไม้ซึ่งมีพิษร้ายกาจกว่างูประเภทใดๆ นะขอรับ ถูกกัดเพียงครั้งเดียว ต่อให้มีหลินหลันช่วยรักษาได้ทันถ่วงที ทว่าเรื่องการสอบก็คงต้องเป็นอันล้มเลิกไป ท่านพ่อ ท่านลองไตร่ตรองดู ในบ้านนี้ ผู้ใดคาดหวังให้ลูกไม่ประสบความสำเร็จเกินหน้าเกินตามากที่สุดกันหรือ” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนตระหนักขึ้นมาได้ในทันใด ความตื่นตระหนกแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว แน่นอนว่าว่ารู้ดีว่าเป็นผู้ใด ความนึกคิดของคนผู้นี้เขาเองก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ น่าเสียดายที่เขายังคงประเมินนางต่ำไป เขาคิดว่าต่อให้นางไม่ยินยอมสักเพียงใด อย่างน้อยๆ ก็คงไม่กระทำการด้วยเรื่องเช่นนี้ คาดไม่ถึงอ่า คาดไม่ถึง… เกือบจะเป็นหายนะครั้งร้ายแรงเสียแล้ว 

 

 

“ท่านพ่อ แม้ว่าข้ากับท่านจะรู้อยู่แก่ใจ ทว่าเรื่องเช่นนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและหน้าตาแห่งวงษ์ตระกูลหลี่ มิใช่ลูกหาหลักฐานไม่ได้ ทว่าไม่กล้าตรวจสอบต่างหาก ด้วยเกรงว่าทันทีที่ผู้คนรับรู้การเคลื่อนไหวอย่างมากมาย และข่าวลือแพร่สะพัดออกไป หน้าตาของตระกูลหลี่คงไม่อาจดำรงอยู่ได้อีกต่อไป ท่านพ่อ มันไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อลูกได้รับความไม่ยุติธรรมเล็กๆ น้อยๆ เพียงแต่ บ้านหลังนี้ลูกไม่สามารถอยู่ต่อไปได้แล้วจริงๆ ขอรับ มีบุคคลประสงค์ร้ายขนาดต้องการฆ่าลูกให้ถึงตายในที่แห่งนี้ ลูกไม่อาจข่มตาหลับได้ และเกินกว่าจะรับมือได้ไหว อีกสามวันการสอบก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ลูกไม่อยากหวาดระแวงเช่นนี้อีก ลูกทำได้เพียงย้ายไปบ้านตระกูลเยี่ยเสียก่อน ขอท่านพ่อโปรดเข้าใจลูกด้วยขอรับ” หลี่หมิงอวินใส่ความกดดันอย่างไม่ยั้งเข้าไปที่ผู้เป็นพ่อ 

 

 

หลี่จิ้งเสียนลุกขึ้นยืนทันทีทันใด แล้วกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ทำให้เจ้าได้รับอันตรายถึงเช่นนี้ เป็นพ่อเองที่ขาดการดูแลให้ดี ที่นี่เป็นบ้านของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องย้ายออกไป พ่อมีความคิดของพ่อ ซึ่งแน่นอนว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง” หากให้หมิงอวินย้ายออกไปเสียดื้อๆ เช่นนี้ งั้นหน้าตาของเขาคงได้มอดมวยไปจริงๆ แน่ 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างเศร้าโศก “ลูกไม่อยากให้พ่อลำบากใจ” 

 

 

ยิ่งหลี่หมิงอวินยอมถอยอย่างนอบน้อม จิตใจของหลี่จิ้งเสียนก็ยิ่งโกรธเป็นไฟ นังเมียตัวดี ทำลายการณ์ใหญ่ของเขาเข้าแล้ว 

 

 

“หมิงอวินอ่า! พ่อรู้ดีว่าเจ้ากตัญญูรู้คุณมาโดยตลอด เชื่อคำพูดของพ่อแล้วกลับไปก่อน อีกสักประเดี๋ยว พ่อค่อยไปหาเจ้า” หลี่จิ้งเสียนทำได้เพียงโน้มน้าวให้เขาเชื่อฟังแต่โดยดี 

 

 

จุดมุ่งหมายของหลี่หมิงอวินบรรลุเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้เวลาคอยดูว่าท่านพ่อของเขาจะจัดการอย่างไรให้เขา แต่อย่างไรก็ตาม มีประเด็นหนึ่งที่มั่นใจได้แล้วว่า วันคืนหลังจากนี้ของแม่มดชราจะไม่อาจสงบสุขอีกต่อไป