บทที่ 33 ท้าทายเฉินหู่

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 33 ท้าทายเฉินหู่

 

“ใครกันแน่ที่จะฆ่าฉัน? แล้วเฉินหู่นั่นรู้ได้ยังไงว่าฉันซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ?” ภายในใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความสงสัย

สำหรับคำถามข้อแรก หลัวซิวรู้สึกว่าตระกูลจางน่าสงสัยที่สุด สำหรับคำถามข้อที่สอง หลัวซิวคิดว่าน่าจะเป็นเพราะตนทิ้งร่องรอยเอาไว้ ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนของเฉินหู่ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตนซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ สำหรับซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เขาไม่สามารถมั่นใจได้ ด้วยเหตุนี้จึงใช้หยวนต้าซานเป็นเหยื่อล่อ

รัศมีการรับรู้ ลมปราณแห่งชีวิตของนักยุทธ์ที่เป็นมนุษย์นั้นโดดเด่น พวกเขาห้าคนแยกย้ายกันค้นหาในเขตพื้นที่นี้ ต่างฝ่ายต่างไม่อยู่ไกลกันมาก เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็สามารถช่วยเหลือกัน

“ท่ามกลางห้าคนนี้ มีแค่เฉินหู่เท่านั้นที่เป็นแดนฝึกชี่ไห่ คนอื่นๆล้วนเป็นการกลั่นร่างขั้น9 บางทีฉันอาจจะสามารถจู่โจมพวกเขาทีละคน!” แววตาของหลัวซิวทอประกายแวววับ

ในเมื่ออีกฝ่ายมาฆ่าตน ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่เกรงใจ เหมือนกับหวางหยุนและจางหุนที่เขาสุ่ยวู่ เขาเองก็ฆ่าอย่างเด็ดขาด!

ความสามารถพิเศษในการรับรู้สิ่งมีชีวิต ทำให้แม้หลัวซิวจะวิ่งผ่านป่าด้วยความเร็วสูง ทว่าก็สามารถหลบเลี่ยงอสูรกายที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าได้ แต่ว่าพวกเฉินหู่ ถึงแม้จะมีประสบการณ์มากมาย ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทั้งหมด

ตามความอิดโรยของลมปราณแห่งชีวิต อันดับแรกหลัวซิวหมายหัวไว้คนหนึ่ง หลังจากนั้นซ่อนตัว ขยับเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง

“แม่เจ้าโว๊ย แค่ไอ้หนุ่มการกลั่นร่างขั้น7ทำไมถึงจัดการยากแบบนี้”

ชายร่างซูบผมมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าเดินอยู่ในป่า มือของเขาถือดาบหนึ่งเล่ม พูดบ่นไม่หยุด

“ฉึก!……”

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ หนุ่มแผลเป็นก็หยุดลงกะทันหัน สายตาของเขาจับจ้องไปยังกิ่งไม้บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีงูหลามขนาดใหญ่หนึ่งตัว กำลังแลบลิ้น จ้องมองมาที่ตน

มุมปากหัวเราะในลำคอด้วยเสียงเยือกเย็น หนุ่มแผลเป็นพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว แสงของดาบเคลื่อนผ่านในชั่วพริบตา หัวของงูหลามปลิวขึ้นสูง แล้วตกลงที่ไกลๆ ลำตัวของงูหลามตกลงมาจากต้นไม้

งูหลามตัวนี้เป็นแค่อสูรกายระดับ1ทั่วไปเท่านั้น ด้วยความสามารถการกลั่นร่างขั้น9ของเขา ฆ่าได้อย่างง่ายดาย

ปลายดาบเกี่ยวตัวงู หนุ่มแผลเป็นเอาถุงน้ำดีของงูออกมา

ในเวลานี้เอง เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณอันตรายที่ร้ายแรง เสียวสันหลังจนขนลุกชัน โยนดาบไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ

“ฉึก!”

เสียงเหล็กกระทบก้อนหินดังก้องในป่า หนุ่มแผลเป็นชาวาบไปทั้งตัว ร่างของเขาถอยหลังสองก้าวอย่างไม่อาจหักห้ามได้

แต่ว่าหลังจากนั้น ลำแสงกระบี่แทงทะลุร่างกายของเขา ก่อนตาย ดวงตาของหนุ่มแผลเป็นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆว่าเด็กหนุ่มการกลั่นร่างขั้น7 ทำไมถึงเร็วได้ขนาดนี้

“วิชายุทธ์ใต้หล้านี้มีเพียงความรวดเร็วเท่านั้นที่เหนือทุกสิ่ง คำพูดนี้ถูกต้องจริงๆ”

หลัวซิวดึงกระบี่ออกมาจากตัวของอีกฝ่าย เลือดหยดลงตามใบมีด แววตาเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็น

เวลาสั้นๆแค่สามเดือน เกิดเรื่องต่างๆขึ้นมากมายกับตน ไม่ใช่แค่ร่างกาย จิตใจของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ไม่หยุดอยู่ที่นี่แม้แต่น้อย หลัวซิวไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว อาศัยวิชาท่าร่างก้าวสั้นของแดนบรรลุผล ร่วมกับความสามารถในการรับรู้สิ่งมีชีวิต การล่าสัตว์ในครั้งนี้ เขาเป็นผู้มีสิทธิ์ลุก!

อย่างไม่รู้ตัว ยังไม่ถึงกลางดึก ทว่าท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง จากนั้นฟ้าผ่าลงมา ฝนกระหน่ำเทลงมา

เมฆครึ้ม ป่าถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด

“ชวับ!”

กระบี่ชิงเฟิงตัดคอของผู้ฝึกยุทธ์การกลั่นร่างขั้น9อีกหนึ่งคน สีหน้าของหลัวซิวไร้อารมณ์ “การล่าเพิ่งเริ่มต้น!”

“ให้ตายสิ ฝนตกเวลานี้เนี่ยนะ”

เสื้อผ้าและผมเปียกโชกไปหมด เฉินหู่ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ

เดิมทีคิดว่างานนี้จะง่ายมาก เป้าหมายคือเด็กหนุ่มการกลั่นร่างขั้น7 อีกทั้งเขายังวางแผนเอาไว้ ให้หยวนต้าซานเป็นเหยื่อล่อ ทว่าเป้าหมายก็ยังคงหนีไปได้

“หยวนต้าซานเป็นแค่การกลั่นร่างขั้น8 ขยะเช่นนี้มีสิทธิ์เข้ากลุ่มของข้า?” นึกถึงหยวนต้าซานที่ตายด้วยธนูดอกเดียว ใบหน้าของเฉินหู่เยือกเย้น

แม้ครั้งนี้จะไม่ให้เขาเป็นเหยื่อล่อ ตอนล่าอสูรกาย ก็จะให้ยกภารกิจที่อันตรายที่สุดให้เขาตอนที่ให้หยวนต้าซานเข้าร่วมกลุ่ม เฉินหู่คิดจะใช้ประโยชน์เขา

“ตึ้ง!”

เสียงสั่นเทาของคันธนูท่ามกลางฝนที่ตกหนักฟังแล้วเบาอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าเฉินหู่คือจอมยุทธ์ ประสาทสัมผัสได้หกอ่อนไหว ร่างกายของเขาเคลื่อนครึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ

“ตุ้บ!”

ลูกดอกธนูสีเงินปักลงบนดิน ข้างเขา ขนลูกดอกสั่นเทาอย่างแรง

“นี่คือง……ลูกดอกธนูสีเงิน!”

แววตาของเฉินหู่สั่นเทา เงยหน้าขึ้นมองทิศทางที่ลูกดอกถูกยิงมา บนกิ่งไม้ของต้นไม้ขนาดใหญ่ มีร่างชุดดำสวมหมวกสาน มือถือคันธนู

“คือแก? แกฆ่าเฉินผิงแล้ว?”

แววตาของเฉินหู่เยือกเย็น เต็มไปด้วยความอาฆาตอย่างเห็นได้ชัด เพราะมือธนูเฉินผิงในกลุ่มของเขา ใช้ลูกดอกธนูเงิน

“ฟุ้บ!”

หลัวซิวกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ เท้าเหยียบน้ำกระเด็นไปทั่ว หัวเราะเสียงเยือกเย็น: “ไม่แค่เฉินผิง คนอื่นๆก็ถูกฉันข้าจนหมดแล้ว เหลือแค่แกคนเดียว”

ได้ฟัง แววตาของเฉินหู่ฉายความตกตะลึง เพื่อนของเขาทุกคนต่างเป็นการกลั่นร่างขั้น9อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กหนุ่มการกลั่นร่างขั้น7 ทำได้ยังไง? อีกอย่างทำไมไม่มีแม้แต่โอกาสส่งสัญญาณ?

แต่ว่าเฉินหู่ตั้งสติอย่างรวดเร็ว พูดเสียงเยือกเย็น: “ไอ้หนุ่ม แกกล้ามาก ต่อให้แกฆ่าคนอื่น หรือว่าแกคิดว่าตนเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน?”

หลัวซิวเดินเข้ามา หยาดฝนตกลงบนหมวกสาน มุมปากกระตุกยิ้ม “ฉันอยากเห็นความสามารถของจอมยุทธ์สักครั้ง หวังว่าแกจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”

“ฮ่าๆๆ……แค่ผู้ฝึกยุทธ์แดนกลั่นร่างตัวเล็กแต่กล้าท้ายทายฉันที่เป็นจอมยุทธ์?” เฉินหู่หัวเราะเสียงดัง แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต “ไอ้หนู ฉันจะทำให้แกตายอย่างอนาถ!”

สำหรับการที่เพื่อนถูกฆ่า เฉินหู่ที่เย็นชาไม่ได้ใส่ใจ ด้วยความแข็งแกร่งแดนฝึกชี่ไห่ของเขา สามารถสร้างทีมใหม่ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

มือถือหอก รอบตัวของเฉินหู่เปี่ยมไปด้วยออร่าสังหาร เย็นยะเยือก คล้าไปด้วยแรงกดดัน

กระบี่ชิงเฟิงออกจากฝัก หลัวซิวเตรียมสู้ ท่าทีเคร่งขรึม แดนฝึกชี่ไห่และแดนกลั่นร่างคือระดับชั้นที่แตกต่างกัน

แดนกลั่นร่างคือการฝึกปราณในเข้าสู่ร่างกาย แต่จอมยุทธ์ คือการหลอมรวมจุดตันเถียน ผายชี่ไห่ ผนึกรวมลมปราณ

ความทรงพลังของลมปราณ ไม่ใช่สิ่งที่ปราณในสามารถเทียบได้!

“รับหอกฉัน!”

เฉินหู่พุ่งตัวออกไปฆ่า หอกเหล็กทะยานกลางอากาศ เกิดเสียงร้องของลม ภายใต้การครอบคลุมของลมปราณ หอกเหล็กมีแสงสว่างทอประกาย

“ฟิ้ว!ฟิ้ว!ฟิ้ว!……”

หอกนี้รวดเร็วมาก หยาดฝนแยกออกจากกัน เงาของหอกเหมือนงู เผยลำแสงเยือกเย็น

หลัวซิวก้าวเท้าออกไป หมุนตัว ดึงกระบี่ชิงเฟิงออกมา

“เช้ง!”

กระบี่ชิงเฟิงกับหอกเหล็กปะทะกัน พลังที่ทรงพลานุภาพถูกส่งมา ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาของกระบี่ ปวดร้าวไปทั่วทั้งมือ ถอยหลังติดต่อกันห้าหกเมตร กว่าจะกำจัดได้

“สมกับเป็นจอมยุทธ์ พลังสามารถบดขยี้ฉันได้” หลัวซิวพูดในใจ

“ไอ้หนู วิชาท่าร่างของนายไม่เลว แต่ว่าผลการฝึกตนของฉันเหนือกว่าแก เอาชนะได้แน่นอน แกตายแน่!”

เฉินหู่หัวเราะเยือกเย็น ขยับหอกในมือ ราวกับงูพิษที่เหี้ยมโหด นำพาเงาขึ้นมา แสงทอประกาย พันธนาการหลัวซิวเอาไว้