บทที่ 71 สร้างฐานและห้วงการรับรู้

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

สร้างฐาน เป็นเบื้องต้นของการบำเพ็ญเซียน เพื่อค้นหาและทะลวงปราณวิญญาณแห่งฟ้าดิน สร้างพื้นฐานแห่งการบำเพ็ญเซียน เหยียบย่างเข้าสู่มหามรรคแห่งการบำเพ็ญเซียนอันแท้จริง เริ่มมีการติดต่อกับปราณวิญญาณแห่งฟ้าดิน

ภายในห้องฝึกบำเพ็ญของสำนักเฉวียนเซียน จินเฟยเหยากำลังพยายามจะเปิดประตูสู่โลกแห่งปราณฟ้าดิน

ชำระร่าง ชักนำพลังวิญญาณออกนอกร่างกายให้ร่างกายทั้งหมดว่างเปล่า เพื่อเตรียมตัวสร้างฐานต่อไป พลังวิญญาณทั่วร่างจินเฟยเหยาในช่องชีพจรกลายเป็นหมอกสีขาวล่องลอยอยู่รอบกายนาง ไฟนรกสีฟ้าหดอยู่รวมกันภายในจุดตันเถียน อย่างไรก็ไม่ยอมออกจากจุดตันเถียน

ถ้ามันไม่ยอมออกไปจะถือว่าชำระร่างไม่สำเร็จ จินเฟยเหยาก็ไม่อาจดำเนินการขึ้นรูปพลังวิญญาณขั้นต่อไปได้

เพื่อต่อสู้กับไฟนรก จินเฟยเหยาเข้าฌานถึงหนึ่งเดือนกว่าเต็มๆ ก่อนทำการชำระร่างได้กินยางดอาหาร เดิมทีแค่คิดจะชำระร่างให้สำเร็จ จากนั้นค่อยรวบรวมพลังวิญญาณขึ้นใหม่ ควบรวมออกมาเป็นห้วงการรับรู้ในจุดตันเถียน ก็จะสามารถสร้างฐานได้สำเร็จ ทว่าตอนนี้นางกลับถูกไฟนรกสกัดไว้

ไม่ว่านางจะพยายามสักกี่ครั้งไฟนรกก็เฝ้าอยู่ในจุดตันเถียนอย่างแน่นหนาไม่ยอมออกมา ส่วนจินเฟยเหยาก็ไม่กล้าดำเนินการใช้พลังวิญญาณสร้างฐานภายใต้สภาพที่จุดตันเถียนไม่บริสุทธิ์และว่างเปล่า

ในเมื่อไฟนรกไม่ยอมออกมาเองก็ต้องบังคับให้ออกมา จินเฟยเหยาครุ่นคิดอยู่หลายครั้ง ตัดสินใจเด็ดขาด ดูดพลังกลับเข้าร่างใหม่อีกครั้ง จากนั้นใช้พลังวิญญาณหนีบประกบไฟนรกชักนำให้ลอยออกมาจากในร่างพร้อมกัน

ปราณวิญญาณสีขาวและไฟนรกสีฟ้าผสมเข้าด้วยกันปรากฏเป็นสีสันอันสวยงาม นี่เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง หลังสร้างฐานพลังวิญญาณและการรับรู้ของตนเองรวมตัวสร้างขึ้นเป็นห้วงการรับรู้ การรับรู้คือฟ้า พลังวิญญาณคือดิน

ตอนนี้ไฟนรกผสมอยู่ในพลังวิญญาณที่เป็นดินเท่ากับมีสิ่งปลอมปน ถ้าร่างกายรับพลังวิญญาณอันแปลกประหลาดกลุ่มนี้ไม่ไหว สถานเบาคือสร้างฐานล้มเหลว ไฟนรกหายไป ยิ่งกว่านั้นพลังการบำเพ็ญเพียรลดลง สถานหนักอาจจะทำให้จินเฟยเหยาธาตุไฟเข้าแทรกเข้าสู่หนทางมาร วิญญาณดับสูญร่างกายเสียหาย ไม่เหลือแม้แต่ซากศพที่สมบูรณ์

ทำเช่นนี้อันตรายยิ่งนักทว่าจินเฟยเหยาจำต้องทำเช่นนี้ นางไม่มีคนที่ครอบครองไฟนรกคอยชี้แนะ ส่วนในเคล็ดวิชาฟ้าดินดับสูญเล่มนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถึงว่าตอนสร้างฐานต้องจัดการกับไฟนรกเช่นไร หากไม่ทำเช่นนี้นางอาจจะอยู่แค่ขั้นฝึกปราณไปชั่วชีวิต แม้แต่ยาสร้างฐานก็ไม่มีโอกาสได้กิน

อีกทั้งไฟนรกภายในร่างนางถูกควบคุมด้วยพลังวิญญาณมาตลอด ถ้าไม่มีพลังวิญญาณพวกมันก็จะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในจุดตันเถียน ดังนั้นจินเฟยเหยาได้แต่ใช้พลังวิญญาณบังคับพาไฟนรกออกมา

นางชักนำไฟนรกออกมาอย่างระมัดระวัง ภายในจุดตันเถียนดูเหมือนว่างเปล่าไร้สิ่งใด

นางไม่รีบร้อนสร้างฐานทว่ารอคอยอย่างสงบนิ่งเป็นเวลานานแทน หลังจากการรับรู้ทั้งหมดฟื้นฟู จึงลืมตา สงบอารมณ์ จินเฟยเหยาตัดสินใจดีดนิ้วเบาๆ ขวดเคลือบใบหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ฝาปิดเด้งออก ยาสร้างฐานสีทองเป็นประกายเม็ดหนึ่งลอยออกมาจากในขวด หลังจากวนกลางอากาศหนึ่งรอบก็ลอยเข้าปากจินเฟยเหยา

พอยาสร้างฐานเข้าปากเปียกน้ำลายก็หลอมละลายกลายเป็นของเหลววิญญาณลงท้องไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในจุดตันเถียนของนางมีปราณวิญญาณอันอบอุ่นพุ่งออกมาและเปลี่ยนเป็นร้อนลวกทันที จินเฟยเหยาฉวยโอกาสที่ยาออกฤทธิ์ดูดซับปราณวิญญาณไฟนรกที่ล้อมอยู่รอบกายเข้าสู่ร่างอย่างฉับพลัน

พลังวิญญาณของยาสร้างฐานพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ภายในร่างของนางเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ เพราะร่างกายร้อนลวกจึงเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด ทั่วร่างเหมือนกับจะระเบิดออก ถ้าชักนำปราณวิญญาณของยาสร้างฐานเข้าสู่จุดตันเถียนไม่ได้ การสร้างฐานก็จะล้มเหลว ปราณวิญญาณอันเข้มข้นเหล่านี้ก็จะหายไป

ปราณวิญญาณที่ประกบไฟนรกทะลักเข้าสู่ร่าง เริ่มผสมเข้ากับปราณวิญญาณในยาสร้างฐาน รวมตัวกันที่จุดตันเถียน ขั้นตอนนี้ยาวนานถึงสองวันเต็มๆ รอจนใกล้จะใช้ปราณวิญญาณในยาสร้างฐานหมดเกลี้ยง พลังวิญญาณและการรับรู้ยังไม่รวมตัวเป็นห้วงการรับรู้ ภายในจุดตันเถียนราวกับหลุมไร้ก้นบึ้งที่พลังวิญญาณเหล่านี้ไม่มีทางกรอกมันให้เต็ม

จินเฟยเหยาลืมตา กินยาสร้างฐานลงไปอีกเม็ด นึกยินดีอย่างยิ่งที่ตนเองมียาสร้างฐานหลายเม็ด ไม่เช่นนั้นด้วยสภาพเช่นนี้ไม่มีทางสร้างฐานสำเร็จแน่ หลังจากกินยาสร้างฐานนางก็หลับตาอีกครั้ง เริ่มชักนำพลังวิญญาณเข้าสู่จุดตันเถียน

ผ่านไปอีกสองวัน จินเฟยเหยาลืมตาเอ่ยอย่างอับจนปัญญา “มิน่าเล่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณมีมากมาย คนที่สามารถสร้างฐานได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ข้ากินยาสร้างฐานสองเม็ด คิดไม่ถึงว่ายังไม่สามารถกรอกจุดตันเถียนให้เต็มได้ ต้องใช้พลังวิญญาณและโชคดีมากเพียงใดกันแน่จึงสามารถสร้างฐานได้สำเร็จ”

ตอนนี้ในตัวของนางยังมียาสร้างฐานอีกสองเม็ด ถ้ากินอีกแล้วยังสร้างฐานไม่สำเร็จ จินเฟยเหยาไม่รู้ว่าตนเองยังมีหน้าเดินออกจากห้องฝึกบำเพ็ญหรือไม่ นางกัดฟันกลืนยาสร้างฐานทั้งสองเม็ดลงไป ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ ถ้ากินสี่เม็ดแล้วยังล้มเหลว หรือว่าครั้งต่อไปต้องกินสิบเม็ดจึงสำเร็จ?

พอยาสร้างฐานสองเม็ดลงท้อง พลังวิญญาณอันร้อนลวกพุ่งออกมาท่วมท้นภายในร่างของนางทันที ตลอดร่างร้อนผ่าวจนเป็นสีแดง จินเฟยเหยารู้สึกตนเองมึนงงศีรษะพองโต สติรางเลือนอยู่บ้าง ราวกับจะถูกพลังวิญญาณเผาไหม้ตายได้ทุกเมื่อ

กินยาสร้างฐานสองเม็ดในคราวเดียวไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถกระทำได้

นางพยายามเรียกความกล้าชักนำพลังวิญญาณเหล่านั้นไม่ให้กระจัดกระจายอย่างสุดชีวิต ค่อยๆ เข้าสู่สภาพไม่รู้สึกตัว ทว่าภายในจุดตันเถียนยิ่งปรากฏความผิดปกติ ไฟนรกสีฟ้าดวงหนึ่งกำลังส่องแสงกระพริบตรงศูนย์กลางที่พลังวิญญาณรวมตัวกัน ที่แท้ภายในจุดตันเถียนยังมีไฟนรกดวงหนึ่งอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้จินเฟยเหยาใช้การรับรู้ได้โดยไม่รู้ตัว

ไฟนรกดวงนี้คือแก่นแท้ไฟนรกที่จินเฟยเหยาดูดเข้าไป ยามนี้มันกระพริบรัศมีพร่างพราย พยายามดูดซับพลังวิญญาณเหล่านี้อย่างสุดชีวิต ก่อนหน้านี้พลังวิญญาณเข้ามารวมตัวตรงกลางอย่างช้าๆ ทว่าตอนนี้ถูกไฟนรกดูดซับอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งมายิ่งเร็วขึ้น พลังวิญญาณที่ยาสร้างฐานปล่อยออกมายิ่งมายิ่งน้อยลง สุดท้ายพลังวิญญาณก็ถูกไฟนรกดูดซับจนหมดสิ้น

สุดท้ายภายในจุดตันเถียนทั้งหมดมีเพียงไฟนรกสีฟ้าดวงเดียว พลังวิญญาณและการรับรู้ทั้งหมดในตัวจินเฟยเหยาล้วนถูกสูบไป นางหมดสติไปเช่นนี้ นั่งสงบนิ่งและรอคอย

วันหนึ่งหลังจากผ่านไปสี่สิบกว่าวัน ไฟนรกที่รอคอยอย่างสงบนิ่งมาตลอดในจุดตันเถียนของจินเฟยเหยาเริ่มแผ่รัศมีเสียดแทงนัยน์ตาออกมา รัศมีคงอยู่ไม่นาน ไฟนรกพลันระเบิดออก หลังจากแสงรัศมีผ่านพ้นไป ภายในจุดตันเถียนค่อยๆ สงบลง ห้วงการรับรู้ปรากฏขึ้นในจุดตันเถียนของจินเฟยเหยา

นางสร้างฐานสำเร็จแล้ว

ห้วงการรับรู้ในจุดตันเถียน ด้านบนเป็นการรับรู้ที่เปลี่ยนรูปเป็นท้องนภา สอดรับกับพลังวิญญาณแห่งดิน กลายเป็นเมฆขาวแต่ละก้อน ลอยอยู่กลางอากาศอย่างอ่อนโยน ส่วนด้านล่างเป็นทะเลสาบสีฟ้า คลื่นน้ำสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับงดงามอย่างยิ่ง

ยามนี้จินเฟยเหยาได้สติแล้ว กำลังอยู่ในห้วงการรับรู้ของตนเอง ลอยอยู่เหนือทะเลสาบสีฟ้าเข้ม พินิจรอบด้านอย่างตื่นเต้นยินดี

นางไม่รู้ว่าห้วงการรับรู้ของผู้อื่นเป็นเช่นไร ได้ยินว่าการรับรู้เป็นฟ้า พลังวิญญาณเป็นดิน มีรูปร่างไม่แน่นอน บางทีมีพื้นดิน บางทีมีภูเขา ทว่าทุกคนไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใดจึงทำให้ทิวทัศน์ในการรับรู้หลังสร้างฐานแตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นปริศนาอยู่จนถึงบัดนี้

ดังนั้นทะเลสาบสีฟ้าผืนนี้ก็แค่ทำให้จินเฟยเหยารู้สึกตกตะลึง ไม่ได้รู้สึกว่าห้วงการรับรู้ของตนเองมีอะไรแตกต่างจากผู้อื่น

ในที่สุด จินเฟยเหยาก็ออกมาจากห้วงการรับรู้ ลืมตาขึ้น

นางยืดแขนสองข้าง พบว่าเสื้อผ้าของตนเองฉีกขาด รูปร่างเล็กลง บนพื้นยังมีของเหลวสีดำสกปรกหย่อมหนึ่ง ทั้งหมดเป็นสิ่งปนเปื้อนที่ร่างกายขับออกมาตอนสร้างฐาน หยิบกระจกที่ไม่ได้ใช้มานานออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี จินเฟยเหยามองเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยในกระจกทองแดง ในที่สุดตนเองก็กลับสู่สภาพเดิม ไม่ใช่จอมพลังวัชระไร้เทียมทานอีกแล้ว

พิษของน้ำกล้ามเนื้อเทพชั้นต่ำถูกบังคับขับออกจากร่างตอนสร้างฐาน รูปร่างสตรีที่ไม่ได้เห็นมานานกลับมาแล้ว หลังจากตื่นเต้นยินดีกับโฉมหน้าของตนเอง จินเฟยเหยาพบว่าความสามารถในการมองเห็นของตนเองดีขึ้น อีกทั้งการรับรู้ก็เฉียบคมขึ้น แม้แต่สมองก็แจ่มชัดขึ้นกว่าเดิม

สร้างฐานแล้วแตกต่างออกไปจริงๆ ในที่สุดก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่แท้จริง และอย่างน้อยที่สุดอายุขัยก็เพิ่มขึ้นสองเท่า เพิ่มขึ้นสองร้อยปีเต็มๆ

จินเฟยเหยาดีใจเป็นล้นพ้นคิดจะออกไปบอกข่าวดีกับพั่งจื่อ ก็พบว่าร่างของตนเองเหม็นยิ่งนัก นางยิ้มอย่างขัดเขิน เทน้ำออกมาจากในน้ำเต้า ใช้เวทอัคคีต้มจนร้อน เริ่มชำระล้างคราบสกปรกบนร่าง

ปกตินางแช่น้ำแกงยาวิญญาณในห้องฝึกบำเพ็ญ มีสิ่งของที่ใช้อาบน้ำทั้งหมดอยู่ จึงอาบน้ำชำระกายให้สะอาดอย่างรวดเร็ว จินเฟยเหยาผลัดเปลี่ยนชุดสะอาดแล้วเดินออกจากห้องฝึกบำเพ็ญอย่างสดชื่น

“พั่งจื่อ ข้าสร้างฐานสำเร็จแล้ว” จินเฟยเหยาเดินออกจากห้องฝึกบำเพ็ญก็เห็นพั่งจื่อที่หดร่างเล็กลงกำลังหลับอยู่บนเก้าอี้นอนอย่างสบายอารมณ์ ต้านิวนั่งโง่งมอยู่ด้านข้าง กำลังทุบต้นขาให้พั่งจื่อเป็นครั้งคราวราวกับเลียนแบบสาวใช้

จินเฟยเหยาตกตะลึง เอ่ยอย่างมีโทสะ “พั่งจื่อ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสอนต้านิวจนกลายเป็นเช่นนี้ เจ้าไม่ใช่คนเสียหน่อย มาหลับบนเก้าอี้ทำไม ยังมีเจ้า ต้านิว เจ้ามีศักดิ์ศรีของกบผานอวิ๋นหน่อยได้หรือไม่”

ระดับเชาวน์ปัญญาของต้านิวยังห่างไกลจากพั่งจื่อ หลังจากถูกจินเฟยเหยาด่าทอ แค่เงยหน้าขึ้นมองนางอย่างโง่งม ไม่รู้ว่าลูกพี่กำลังด่าอะไร ดวงตามองจินเฟยเหยา มือกลับยังทุบต้นขาอยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันจริงๆ

“เจ้าเป็นสัตว์ภูติของใครกันแน่ ทนพวกเจ้าสองคนไม่ไหวแล้ว กลางวันแสกๆ มาทำท่าเป็นเจ้านายอะไรกัน” จินเฟยเหยาคิดไม่ถึงว่าตนเองสร้างฐานสำเร็จ ออกมาอย่างดีอกดีใจ ปราดแรกที่มองเห็นคือเจ้ากบที่ไม่ใช่คนก็เหมือนคนสองตัวนี้

“อ๊บๆ” พั่งจื่อรีบทักนางสองคำ ทว่าร่างไม่ขยับเลยสักนิด

“ข้าเป็นเจ้านายของพวกเจ้านะ ตอนนี้ข้าสร้างฐานสำเร็จแล้ว พวกเจ้าน่าจะมาประจบข้าสิ ห้ามเมินเฉยข้า ได้ยินหรือไม่”

ในขณะที่จินเฟยเหยาระเบิดโทสะใส่กบสองตัวอย่างเดือดดาล กระเป๋าเก็บของตรงหว่างเอวนางพลันเปล่งแสงประหลาด มีอะไรกำลังดังหึ่งๆ

“อะไรน่ะ?” จินเฟยเหยางุนงง ในกระเป๋าเก็บของนางไม่มีสิ่งประหลาดสักหน่อย

ไม่รอให้จินเฟยเหยาเปิดระเป๋าเก็บของ ลำแสงสายหนึ่งก็ร่วงลงมาจากฟ้า นางหายแวบไปจากที่เดิม พั่งจื่อและต้านิวมองเรือนอันว่างเปล่าแล้วมองหน้ากันอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ต้านิวมองพั่งจื่อด้วยสีหน้างุนงงราวกับคิดจะให้พั่งจื่อตัดสินใจ เจ้านายที่ไม่ได้พบครึ่งปีเพิ่งออกจากในห้องก็ถูกแสงสายหนึ่งกินไปแล้ว ส่วนพั่งจื่อก็กระพริบตามองต้านิว จากนั้นมุมปากก็แย้มยิ้มเบาๆ เอ่ยกับต้านิวว่า “อ๊บ”

“อ๊บๆ?” ต้านิวมีสีหน้าโล่งอก ก้มหน้าทุบต้นขาพั่งจื่อต่อ

ส่วนพั่งจื่อก็เอนพิงเก้าอี้นอนใช้ลิ้นตวัดผลไม้ที่ต้านิววางไว้ด้านข้าง กินผลไม้อย่างเอ้อระเหยพลางชื่นชมท้องนภาเหนือเมืองลั่วเซียน ลำแสงปรากฏขึ้นไม่หยุดแล้วหายไปในพริบตา