ตอนที่ 74 เธอกล้าล็อคประตูห้องไม่ให้เขาเข้าไป

เดิมพันเสน่หา

เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดไม่ขัดขืนอีกต่อไป อารมณ์ของหนานกงเยี่ยก็ดีขึ้นมา เขาเดินสาวเท้าไปที่ลิฟต์

 

 

ก่วนอวี้รีบเดินตามเข้าไปในลิฟต์ พร้อมกับกดลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุด

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น ลิฟต์ก็หยุดลงตรงชั้นบนสุด หนานกงเยี่ยอุ้มเหลิ่งรั่วปิงเดินไปที่ดาดฟ้าแล้วขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ ก่วนอวี้เป็นคนที่ฉลาดมาก เขาขึ้นไปนั่งตรงห้องคนขับ เพื่อที่จะเว้นช่องว่างให้หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงอยู่กันตามลำพัง

 

 

เฮลิคอปเตอร์ของหนานกงเยี่ยหรูหรามาก มีเบาะโซฟาหนังสองตัวหันหน้าเข้าหากัน ที่นั่งบนเฮลิคอปเตอร์กว้างพอๆ กับเตียงขนาดเล็ก อากาศภายในเฮลิคอปเตอร์อุ่นมาก เมื่อปิดประตูลง ความหนาวเย็นด้านนอกก็หมดไปทันที

 

 

หนานกงเยี่ยนั่งอยู่บนโซฟา ทว่าไม่ได้ปล่อยตัวเหลิ่งรั่วปิง เขาวางตัวเธอไว้บนตักของตนเอง

 

 

เหลิ่งรั่วปิงพูดด้วยความโมโห “ปล่อยฉันลงได้แล้ว”

 

 

หนานกงเยี่ยไม่ขยับเขยื้อน มือของเขากระชับขึ้นมากกว่าเดิม “อย่าโวยวาย!” น้ำเสียงของเขาพูดเหมือนกับว่าเขาเป็นคนถูก คนที่ผิดคือเธอ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงพยายามขัดขืน เธออยากจะหลุดออกจากพันธนาการของเขา แต่เขากอดเธอเอาไว้แน่นมาก ทำให้สุดท้ายเหลิ่งรั่วปิงก็ทำได้เพียงยอมแพ้ เธอกัดฟันกรอดแล้วฝืนยิ้ม “คุณหนานกง คุณคิดที่จะลักพาตัวฉันหรือไง”

 

 

หนานกงเยี่ยทำสีหน้าเรียบเฉย เขาโน้มหน้าลงมาแล้วลูบจับแก้มของเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “อย่าดื้อเลย กลับไปอยู่กับผมเถอะ หืม?”

 

 

เหตุเพราะมือของเธอยังอยู่ในเสื้อโค้ทของเขา เหลิ่งรั่วปิงจึงทำได้เพียงหันหน้าไปอีกทาง เพื่อที่จะไม่ให้มือของเขาลูบจับหน้าของตน “ฉันไม่ยอม!”

 

 

หนานกงเยี่ยจับคางของเธอเอาไว้ด้วยความเอาแต่ใจ เขาบีบบังคับให้เธอสบตากับเขา “คุณไม่มีสิทธิ์เลือก อย่าคิดว่าคุณจะได้อยู่กับไซ่ตี้จวิ้น!”

 

 

“…” คิ้วสวยของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย เธอจะขัดขืนเขาอีกครั้ง

 

 

“ถ้าคุณยังดิ้นไม่หยุด พรุ่งนี้ผมจะถอนสิทธิ์ในการออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลง!”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงกัดฟันด้วยความไม่พอใจแล้วมองไปที่หนานกงเยี่ย นอกจากเอาสิทธิ์ในการออกแบบมาข่มขู่เธอแล้ว เขายังมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม

 

 

หนานกงเยี่ยแสยะยิ้ม จากนั้นตบแก้มของเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ “เป็นเด็กดีนะ หยุดดื้อได้แล้ว”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงหันหน้าไปอีกทางด้วยความโมโห เธอรู้ดีว่าตอนนี้ตนเองไม่สามารถขัดคำสั่งของหนานกงเยี่ยได้ หนึ่งเป็นเพราะเขามีอำนาจมาก ลำพังเธอคนเดียวไม่สามารถทำอะไรเขาได้ สองเป็นเพราะแผนการล้างแค้นของเธอยังไม่ถึงไหน เธอจะเสียสิทธิ์ในการออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลงไม่ได้เด็ดขาด

 

 

หนานกงเยี่ยจ้องมองไปที่ใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิงด้วยความพอใจ สายตาของเขาค่อยๆ มองต่ำลงไป ตอนที่สายตาของเขามองไปยังคอระหงของเธอ ม่านตาของเขาก็หดเล็กทันที หนานกงเยี่ยกระชากสร้อยหยกขาวบนคอเธอแล้วโยนทิ้งถังขยะ

 

 

สร้อยคอที่ทำจากหยกขาวบริสุทธิ์มูลค่ามหาศาล สร้อยคอเส้นนี้ราคาแพงมาก แต่เขากลับโยนมันทิ้งถังขยะ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก “หนานกงเยี่ย คุณไม่สิทธิ์อะไรมาโยนของๆ ฉันทิ้ง”

 

 

หนานกงเยี่ยจับคางของเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ด้วยความโมโห น้ำหนักมือของเขาที่จับนั้นแทบจะทำให้คางของเธอเป็นผุยผง “ถ้าคุณยังกล้าสวมเขาให้ผมอีก ดูสิว่าผมจะจัดการคุณยังไง”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกจนปัญญาและไม่รู้จะพูดอะไร เขาทิ้งเธอไปแล้ว แต่กลับบอกว่าเธอสวมเขาให้เขา เขานี่มันบ้าอำนาจจริงๆ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวและต้องการเป็นเจ้าของของพวกผู้ชายเท่านั้น เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะชอบเธอ ที่เขาไม่ยอมให้เธอเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นเป็นเพราะไม่อยากถูกหยามเกียรติเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเธอแล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้เธอไปมีคนอื่น

 

 

หนึ่งชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น เฮลิคอปเตอร์ของหนานกงเยี่ยจอดลงตรงลานกว้างของวิลล่าหย่าเก๋อ พ่อบ้านและแม่บ้านยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู ตอนที่หนานกงเยี่ยอุ้มเหลิ่งรั่วปิงลงมาจากเฮลิคอปเตอร์นั้น ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาผู้หญิงคนเดิมเข้ามาที่วิลล่าหย่าเก๋อเป็นครั้งที่สอง

 

 

นอกเหนือจากความตกใจก็คือความดีใจ คุณเหลิ่งกลับมาแล้ว ก็หมายความว่าอารมณ์ของคุณชายเยี่ยก็คงจะกลับมาดีเหมือนเดิม? ช่วงนี้ พวกเขาทุกคนต้องทำงานอย่างอกสั่นขวัญแขวน ทุกครั้งที่คุณชายเยี่ยกลับมาที่วิลล่าหย่าเก๋อ เขามักจะเข้าไปอยู่ในห้องของคุณเหลิ่งทั้งวันและไม่ยอมออกมา หรือไม่ก็โมโหอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าคุณชายเยี่ยให้ความสำคัญกับคุณเหลิ่งมาก

 

 

หนานกงเยี่ยไม่สนใจความคิดของพวกสาวใช้ เขาอุ้มเหลิ่งรั่วปิงลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วตรงไปที่ห้องนอนบนชั้นสอง อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนก่อนหน้านี้ของเธอ จากนั้นวางเธอลงบนเตียงเบาๆ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงจับเสื้อโค้ทไว้แน่น เธอนั่งอยู่บนเตียงโดยไม่พูดไม่จา

 

 

หนานกงเยี่ยเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินออกมาพร้อมกับชุดนอน เขาโยนชุดนอนไว้บนเตียงแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ไปอาบน้ำ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงปรายตามองดูชุดนอน เป็นชุดนอนสีชมพูตัวที่เธอชอบใส่ที่สุด เสื้อผ้าทุกตัวของเธอก่วนอวี้เป็นคนจัดการ ตอนที่เธอออกไปจากวิลล่านี้เธอไม่ได้เอาติดตัวไปด้วยแม้แต่ชิ้นเดียว ตอนแรกเธอคิดว่าหลังจากที่หมดสัญญากับเขา หนานกงเยี่ยคงสั่งให้คนเก็บไปทิ้งให้หมด เธอคิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะถูกเก็บเอาไว้อย่างดีเหมือนเดิมแบบนี้

 

 

แต่ว่า เหลิ่งรั่วปิงไม่ขยับ เธอไม่อยากถูกผูกมัดเอาไว้กับเขาอีกแล้ว เธอไม่อยากเป็นคนที่เขาต้องการก็ค่อยมาหา และพอรู้สึกเบื่อก็ค่อยโยนทิ้ง เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไร

 

 

เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงไม่ขยับ หนานกงเยี่ยเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นมือออกมา เหลิ่งรั่วปิงรีบถอยหนีด้วยความกระวนกระวาย “คุณคิดจะทำอะไร”

 

 

“คุณไม่ยอมไปอาบน้ำด้วยตนเองแบบนี้ เพราะอยากให้ผมช่วยอาบน้ำให้คุณใช่ไหม” สำหรับความดื้อของเธอ หนานกงเยี่ยรู้สึกพอใจมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ผู้หญิงทุกคนล้วนเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจเขา เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธเขา

 

 

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “คุณหนานกง คุณคงไม่คิดที่จะจับฉันกดใช่ไหม”

 

 

หนานกงเยี่ยมองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ จากนั้นเขาก็ยกยิ้ม “คืนนี้ผมไม่ทำอะไรคุณ คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ”

 

 

เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่เชื่อคำพูดของเขา ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่เมืองเฟิ่ง เขาจูบเธอด้วยความกระหาย จูบของเขาทั้งเร่าร้อนและยาวนาน แล้วคืนนี้เขาจะใจดีปล่อยเธอไปจริงๆ?

 

 

เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงทำท่าทีสงสัย หนานกงเยี่ยก็ทำหน้านิ่งทันที “ยังไม่รีบไปอีก อยากให้ผมอุ้มคุณไปใช่ไหม” เธอไม่เชื่อใจเขาขนาดนี้เลยหรอ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรีบหยิบชุดนอนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ เธอปิดประตูและล็อคเอาไว้

 

 

หนานกงเยี่ยยืนอยู่ข้างเตียง เขามองไปที่ประตูห้องน้ำอย่างใจลอย จากนั้นหันกลับมามองบนเตียงที่เธอนั่งเมื่อกี้ หนานกงเยี่ยสูดลมหายใจเข้าด้วยความพอใจ แล้วเดินไปอาบน้ำที่อีกห้องหนึ่ง

 

 

หลังจากเธอไปจากที่นี่ วิลล่าหย่าเก๋อก็เงียบมาก มีหลายครั้งที่เขาเข้ามาอยู่ในห้องของเธอ ก็หวนนึกถึงเธอตอนที่นอนหลับอยู่บนเตียง ตอนที่นั่งวาดรูปบนโต๊ะ และตอนที่นั่งอยู่บนพื้นและใช้เหรียญสร้างเป็นโมเดล เขารู้สึกว่าภายในห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเธอ แต่พอดึงสติกลับมานั้น เขากลับพบว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ภายในห้องเงียบและเดียวดายมาก

 

 

ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น ภายในใจของเขารู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก หนานกงเยี่ยรู้สึกว่าหัวใจของตนเองว่างเปล่า วันนี้ ในที่สุดความรู้สึกว่างเปล่าก็ถูกเติมเต็ม

 

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในใจของเขาแบบนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะส่งผลต่ออารมณ์ของเขามากมายแบบนี้ แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับทำให้มันเกิดขึ้น เธอไม่เคยเอาใจเขามาก่อน ในทางกลับกัน เธอถึงขั้นพยายามรักษาระยะห่างกับเขา และยังแสดงท่าทีว่าไม่ชอบเขาออกมาอย่างชัดเจน แต่เขากลับไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเธอได้

 

 

ความรู้สึกแบบนั้น เป็นความรู้สึกที่ต้องการครอบครองเธอ ตอนที่เขาเห็นรูปถ่ายของเธอกับไซ่ตี้จวิ้น เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีก ดังนั้นเขาจึงบินไปที่เมืองเฟิ่งด้วยตนเอง เพื่อพาตัวเธอกลับมา

 

 

เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ตนมีต่อเธอจะอยู่อีกนานเท่าไหร่ แต่ก่อนที่ความรู้สึกนี้จะหายไป เขาไม่อยากปล่อยมือเธอ และต้องการที่จะให้เธอเป็นของเขา

 

 

หลังจากที่เหลิ่งรั่วปิงออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเธอเห็นว่าหนานกงเยี่ยไม่ได้อยู่ในห้องก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา แล้วมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นเองเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เหลิ่งรั่วปิงเดินลงจากเตียงแล้วล็อคประตูห้องเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปนอนบนเตียงด้วยความสบายใจ เธอเดินทางมาทั้งวันและเกิดเรื่องวุ่นวายจนถึงกลางดึก เธอรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ

 

 

หลังจากหนานกงเยี่ยอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง ทว่าวินาทีที่เขาหมุนลูกบิดประตูนั้น เขาก็โมโหขึ้นมาทันที

 

 

เธอล็อคประตูห้องเอาไว้ไม่ให้เขาเข้าไป!

 

 

หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด ความโมโหที่มีในตอนแรกหมดไป เขายืนอยู่ตรงหน้าห้องของเธอแล้วหัวเราะเยาะตัวเอง เขาไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เขาเพิ่งสังเกตว่าการที่เขาจับเธอกลับมาครั้งนี้ นิสัยของเธอเปลี่ยนไปมาก เธอกล้าขัดใจเขาและยังกล้าเรียกแค่ชื่อเขา ดูท่าแล้วความอ่อนโยนและสง่างามของเธอก่อนหน้านี้ คงเป็นการแสดงเท่านั้น ความจริงเธอเป็นลูกแมวที่ซ่อนเล็บเอาไว้ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาจริงๆ เขายิ่งอยู่ก็ยิ่งสนใจในตัวเธอมากขึ้น!

 

 

หรือเธอคิดว่าตนเองได้สิทธิ์ในการออกแบบแลนด์มาร์คแล้ว เขาก็ไม่มีความหมายต่อเธออีก? หึ นอกจากเรื่องนี้ เขายังมีอีกหลายวิธีในการจัดการเธอ! คิดอยากจะเลิกกับเขาแล้วไปมีผู้ชายคนอื่นงั้นหรอ อย่าแม้แต่จะคิด!

 

 

ก่วนอวี้และแม่บ้านพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะออกไปนั้น ก็เห็นหนานกงเยี่ยเดินลงมาจากชั้นบนด้วยความโมโห สีหน้าของเขาเหมือนฟ้าที่ผ่าในวันที่ฝนตก

 

 

คุณชายเยี่ยควรจะอยู่กับคุณเหลิ่งด้านบนไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเดินลงมาแบบนี้

 

 

ไม่รอให้ก่วนอวี้ไขข้อข้องใจ หนานกงเยี่ยก็สั่งแม่บ้านเสียงเรียบ “ไปยกบันไดมา!”

 

 

หา? แม่บ้านและก่วนอวี้ร้องเสียงหลงพร้อมกัน ดึกดื่นค่ำคืนแบบนี้ คุณชายเยี่ยเอาบันไดไปทำอะไร

 

 

แต่เมื่อเห็นท่าทีโมโหของหนานกงเยี่ยแล้วนั้น แม่บ้านก็ไม่กล้าชักช้า รีบวิ่งไปยกบันไดมาให้ทันที

 

 

หนานกงเยี่ยยืนอยู่ตรงประตูของวิลล่า รอแม่บ้านยกบันไดมาให้ ลมเย็นในฤดูหนาวพัดกระทบชุดนอนที่แสนจะบางของเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกหนาว ความโมโหที่มีทำให้ตัวเขาแทบละลายแล้ว

 

 

หลังจากแม่บ้านยกบันไดออกมา หนานกงเยี่ยดึงเข้าหาตนเองโดยไม่พูดอะไร เขาเดินตรงไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง จากนั้นปีนบันไดขึ้นไป

 

 

ก่วนอวี้และแม่บ้านเงยหน้าขึ้นมองหนานกงเยี่ยด้วยความกังวล ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ คุณชายเยี่ยถูกคุณเหลิ่งล็อคประตูห้องไม่ให้เข้าไป! นี่เป็นข่าวใหญ่ของศตวรรษ ถ้าถูกแพร่ออกไป ชื่อเสียงของคุณชายเยี่ยคงจะถูกทำลายแน่ๆ

 

 

หนานกงเยี่ยไม่สนใจความคิดของคนอื่น เขาแค่อยากจะเข้าไปจับผู้หญิงคนนั้นมาตีให้เข็ด

 

 

เมื่อปีนไปถึงชั้นสอง หนานกงเยี่ยกระโดดไปที่ระเบียง จากนั้นก็ใช้ลวดเหล็กที่เตรียมเอาไว้ปลดล็อคหน้าต่าง แล้วเดินเข้าไปในห้อง

 

 

เหลิ่งรั่วปิงที่นอนหลับไปแล้ว เธอรู้สึกว่ามีลมหนาวพัดผ่านเข้ามากะทันหัน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นก็กระชับผ้าห่ม แต่ขณะที่เธอกระชับผ้าห่มนั้น ก็มีมือหนึ่งกระชากตัวเธอขึ้นมา พร้อมกับอ้อมกอดที่เย็นชา

 

 

เหลิ่งรั่วปิงตื่นทันที ถึงแม้ภายในห้องจะมืดมาก แต่ไม่ต้องคิดเธอก็รู้คำตอบเป็นอย่างดี คนที่มาต้องเป็นหนานกงเยี่ยแน่ๆ นอกจากเขาแล้วจะมีใครกล้าบุกเข้ามาในห้องของเธอ

 

 

“หนานกงเยี่ย คุณ…อื้ม” คำพูดของเธอถูกจูบที่ร้อนแรงของเขากลืนลงไป