ตอนที่ 75 กลับมาอยู่เคียงข้างผม แล้วผมจะใส่ใจคุณให้มาก

เดิมพันเสน่หา

เหลิ่งรั่วปิงถูกล็อคตัวไว้บนเตียงอย่างบ้าอำนาจ เธอไม่สามารถดิ้นและไม่สามารถพูดอะไร เธอถูกเขาจูบอย่างบ้าคลั่ง ข้างหูของเธอเต็มไปด้วยเสียงหายใจหอบของเขา

 

 

เธอคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีทางให้เขาได้สมดั่งใจหวัง ดังนั้นเธอจะไม่มีทางก้มหัวให้กับการวางอำนาจของเขาเด็ดขาด เธอจึงกัดริมฝีปากล่างของหนานกงเยี่ยแรงๆ กลิ่นคาวของเลือดฟุ้งอยู่เต็มจมูก

 

 

หนานกงเยี่ยทำเสียงในลำคอ จากนั้นก็ปล่อยเหลิ่งรั่วปิงออก เขาก้มหน้ามองผู้หญิงใต้เรือนร่าง มือขวาของเขาค่อยๆ แตะริมฝีปากล่างเบาๆ จากนั้นหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เหลิ่งรั่วปิง คุณยิ่งอยู่ก็ยิ่งกล้าดีแล้วนะ!”

 

 

การกลับมาเจอกันอีกครั้ง เธอทำให้เขาแปลกใจในหลายๆ เรื่องเลย เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สง่าผ่าเผย ทระนงตัว เย็นชาและอดทนอีกต่อไป เธอทำให้เขาเห็นตนเองเป็นผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อและหัวใจคนหนึ่ง ตอนอยู่เมืองเฟิ่ง เธอกล้าหักหน้าเขาต่อหน้าคนมากมายและยังปฏิเสธที่จะกลับมาอยู่กับเขา อีกทั้งยังกล้ากัดคอของเขา ไม่เพียงแค่นี้ พอกลับมาก็ยังกล้าล็อคประตูแล้วปล่อยให้เขาอยู่ข้างนอก ตอนนี้ยังกล้ากัดริมฝีปากของเขา ถึงแม้ทุกสิ่งที่เธอทำจะเป็นการแหกกฎของเขา ทว่ากลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

เวลาเพียงแค่หนึ่งคืน เขาก็ได้แผลมาถึงสองแผล ทุกอย่างก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ เขาไม่เพียงแต่ไม่โมโห กลับรู้สึกมีความหมาย ถ้าหากให้ก่วนอวี้รู้ นายนั่นคงต้องสงสัยว่าเขาเป็นโรคจิตไปแล้วหรือเปล่า

 

 

เมื่อกี้นี้เหลิ่งรั่วปิงคงทำอย่างไม่ทันคิดแน่นอน พอนึกถึงเรื่องที่เธอกัดเขาไปสองครั้งภายในคืนเดียว เธอก็รู้สึกหวาดกลัวในสิ่งที่ทำลงไป ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอคาดคิดไม่ถึงก็คือ เขากลับไม่ได้โมโห แล้วยังคลายยิ้มอีก เพราะเหตุนี้เธอจึงกล้ามากขึ้น “ใครสั่งให้คุณไม่รักษาคำพูดล่ะ บอกว่าจะไม่แตะต้องตัวฉัน แล้วคุณกลับวิ่งมาจูบฉันอย่างรุนแรงแบบนี้”

 

 

“ใครสั่งให้คุณล็อคห้องแล้วทิ้งผมไว้ข้างนอกล่ะ” เธอกล้าล็อคประตูปล่อยเขาไว้ข้างนอก เขาจะไม่ลงโทษเธอได้ยังไง

 

 

เหลิ่งรั่วปิงมองไปตรงประตูแล้วมองไปยังหน้าต่าง ทันใดนั้นก็รู้เรื่องทุกอย่าง เธอจึงพูดเย้ยหยันขึ้น “นึกไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงผู้สูงส่ง กลับปีนขึ้นหน้าต่างของผู้หญิง นี่คุณหิวกระหายขนาดไหนเชียว คุณขาดแคลนผู้หญิงจริงๆ หรอ”

 

 

หนานกงเยี่ยถูกดูหมิ่นจนไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีอีกต่อไป เขาปล่อยตัวเธอ แล้วล้มตัวลงนอนอยู่บนเตียงกับเธอ โดยที่พวกเขาทั้งสองคนนอนเอาหลังชนหลังกัน จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาห่ม

 

 

เขาไม่ได้ขาดแคลนหรือหิวโหยผู้หญิง แค่เขากระดิกนิ้วก็มีผู้หญิงจนนับไม่ถ้วนเข้ามา ทว่าคนที่เขาอยากหาก็มักจะหายากมาก เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนที่หาผู้หญิงไปมั่วอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาก็คงไม่โสดมาถึงสองปีแบบนี้หรอก ตั้งแต่ที่เขาได้เจอเธอ และได้ลิ้มรสชาติที่แสนวิเศษของเธอ ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าตาเขาอีกต่อไป

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเห็นว่าตนเองพูดไปสักพักหนึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นหนานกงเยี่ยตอบกลับเธอ เหลิ่งรั่วปิงจึงหันไปมองเขา ต่เขาหลับไปแล้ว ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแปลกใจ “คุณหนานกง ทำไมคุณยังไม่ไปอีก”

 

 

หนานกงเยี่ยลืมตาทั้งสองข้างขึ้นทันที แล้วมองเธอด้วยสายตาที่โกรธเคือง “เหลิ่งรั่วปิง คุณอย่ามาล้ำเส้น ผมไม่ได้แตะต้องตัวคุณแล้ว แล้วยังคิดจะไล่ผมออกไปข้างนอกอีก?”

 

 

“ไหนๆ คุณก็ไม่แตะต้องตัวฉันแล้ว แล้วยังนอนอยู่ที่นี่ทำไมอีก”

 

 

“คุณต้องการจะสื่อให้ผมแตะต้องตัวคุณ?” หนานกงเยี่ยจึงพลิกตัวมาจูบตรงติ่งหูของเธอ ในเวลาเดียวกัน มือของเขาก็อยู่ไม่นิ่ง มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอ

 

 

“อร๊าย!” เหลิ่งรั่วรีบผลักเขาออกไป “หนานกงเยี่ย คุณอย่ากลืนน้ำลายตัวเองสิ”

 

 

หนานกงเยี่ยก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้เธออีก จากนั้นก็จับไหล่ของเธอไว้ แล้วหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พอเถอะ ไม่จูบแล้ว นอนเถอะ หื้ม?”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงทนไม่ได้ ดังนั้นจึงพลิกตัวหันหลังใส่เขา

 

 

หนานกงเยี่ยไม่ได้บีบบังคับเธออีก จากนั้นก็เป็นฝ่ายขยับตัวไปโอบเอวของเธอไว้ แล้วเอาหัวมุดเข้าไปในเส้นผมของเธอ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขายิ้มอย่างพอใจ

 

 

เขารู้สึกสดชื่นกับกลิ่นอ่อนๆ ที่ได้สูดดมเข้ามาเต็มปอด ในที่สุดเขาก็นอนหลับได้อย่างสบายใจ ความรู้สึกวิตกังวลที่เคยมีหายไปในพริบตา

 

 

คืนนี้เขาหลับสนิทมาก กว่าจะตื่นก็เช้าของอีกวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขานอนตื่นสาย แสงแดดในตอนเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา  หนานกงเยี่ยมองไปยังคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ซึ่งในตอนนี้ยังคงหลับสนิทอยู่ เขาจึงยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

 

เธอเหมือนจะเป็นคนกลัวความหนาว ตอนกลางคืนเธอก็เอาแต่ขยับเข้ามาแนบชิดตรงกลางอ้อมกอดของเขา เหมือนกำลังโหยหาความอบอุ่น จากนั้นเขาจึงกอดเธอไว้แน่นๆ กลัวว่าเธอจะหลับไม่สนิท ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเขาจึงไม่กล้าเปลี่ยนท่านอนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมีวันที่ใส่ใจผู้หญิงคนหนึ่งมากขนาดนี้

 

 

ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงตื่นขึ้นมา เธอสังเกตเห็นว่าพวกเขาทั้งสองกำลังอยู่ในท่าที่แนบสนิทกันมาก เหลิ่งรั่วปิงร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบดีดตัวออก ทำเหมือนกับว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้สิ่งสกปรก

 

 

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “นี่คุณหมายความว่าอะไร เหลิ่งรั่วปิง เมื่อคืนคุณเป็นคนที่กอดผมก่อน ตอนนี้กลับมาทำท่าทางแบบนี้ ไม่รู้สึกว่าตัวเองเสแสร้งไปหน่อยหรือไง”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงกลอกตามองบนแล้วนึกย้อนไปสักพัก เหมือนเธอจะเป็นฝ่ายกอดเขาก่อนจริงๆ เธอแค่รู้สึกหนาว จากนั้นข้างๆ เธอเหมือนมีเตาผิงไฟ ดังนั้นเธอจึงพยายามเข้าไปกอด เพื่อที่จะเข้าหาความอบอุ่น ที่แท้เตาผิงไฟนั่นก็คือเขา

 

 

เธอจึงเปิดผ้าห่มด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัว แล้วเตรียมตัวกลับโรงแรมวั่นเหา

 

 

แน่นอนว่าหนานกงเยี่ยมองออกว่าเธอคิดจะไป เขาจึงรีบตามเธอไป คนตัวสูงอุ้มเธอกลับมาบนเตียง แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอด “คุณจะไปไหน”

 

 

“กลับโรงแรมสิคะ” เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ขัดขืนและไม่ได้คิดจะใกล้ชิด เพราะว่าเธอรู้ดีว่าต่อให้เธอขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ “เมื่อวานฉันค้างที่วิลล่าของคุณ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับนะคะ”

 

 

หนานกงเยี่ยหอมแก้มเธออย่างวางอำนาจ “ห้ามไปไหนทั้งนั้น ต่อไปนี้คุณต้องอยู่ที่นี่”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองเขาด้วยสายตาดูถูก “คุณหนานกง คุณคงไม่คิดที่จะเลี้ยงดูฉันเป็นครั้งที่สองใช่ไหม”

 

 

“ครั้งนี้ไม่ใช่การเลี้ยงดู ผมจะให้คุณเป็นผู้หญิงของผม”

 

 

“เหอะ แม้แต่เงินคุณยังไม่อยากจ่ายแล้ว คุณคิดจะกินฉันแบบฟรีๆ หรอ”

 

 

“เหอะๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็เอาบัตรเครคิตออกมาจากกลางอก “นี่เป็นบัตรสำรองของผม คุณอยากรูดเท่าไหร่ก็รูดไปเลย”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงจึงหุบยิ้มที่ดูถูกตรงมุมปากของเธออย่างช้าๆ จากนั้นก็มองหนานกงเยี่ยด้วยความตกตะลึง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู เหมือนกำลังจะดูดเธอเข้าไป หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ เธอเหมือนมองเห็นพ่อของเธอตน ตอนเด็กๆ พ่อของเธอก็มักจะมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู

 

 

ทำไมเขาถึงเหมือนพ่อของเธอขนาดนั้น ไม่ ได้โปรดเลือดเย็นกับเธอหน่อยได้ไหม เธอเคยชินกับความเลือดเย็น ไม่เคยชินกับการถูกรักใคร่

 

 

หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วยัดบัตรเข้าไปในมือของเธอ จากนั้นก็หอมมุมปากของเธอเบาๆ “เป็นเด็กดี อย่าโวยวายอีก เราดีกันนะ หื้ม?”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงกำลังพยายามทำให้ใจของตัวเองหยุดเต้นแรง จากนั้นก็หยุดความคิดบางอย่างที่ไม่ควรคิด สุดท้ายเธอก็ต้องจากไปอยู่ดี เธอไม่ควรคิดอะไรกับเขา ต่อให้เขาจะเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ผู้หญิงทุกคนบนโลกล้วนต้องการ เธอก็ไม่มีวันใฝ่สูง เธอไม่คู่ควรที่จะใช้ชีวิตในสังคมคนชั้นสูงแบบนี้ สุดท้ายเธอก็ต้องจมดินอยู่ดี ก็เหมือนคนที่สามารถเลือกเส้นทางชีวิตให้กับตัวเอง ยังไงก็อยากจะใช้ชีวิตที่ธรรมดาที่สุดอยู่แล้ว

 

 

หนานกงเยี่ยเม้มกัดติ่งหูของเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ผมจะให้ก่วนอวี้ไปเอาของที่อยู่ในโรงแรมของคุณมานะ?”

 

 

คำพูดนี้เหมือนเป็นค้อนหนักๆที่ทุบลงกลางใจของเธอ ทำให้เธอตื่นขึ้นมา เธอจะกลับมาอยู่เคียงข้างเขาอีกครั้งจริงๆ หรอ

 

 

“ฉันขอคิดดูก่อนนะคะ” เหลิ่งรั่วปิงถูกหอมจนรู้สึกจักจี้ เธอรีบหลบไปด้านหลัง

 

 

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วขึ้น แล้วมองเธออย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาของเขาเคล้าด้วยความพยายาม เขาเคยให้ผู้หญิงมีโอกาสได้เลือกตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาบอกว่าต้องการก็คือต้องการ และถ้าบอกว่าไม่เอาก็ถือขว้างทิ้ง เขาจะให้โอกาสผู้หญิงได้คิดพิจารณาได้อย่างไร ทว่า สำหรับเหลิ่งรั่วปิง เขากลับทำแบบนี้ไม่ลงคอจริงๆ

 

 

สุดท้าย เขาจึงถอนหายใจ “คุณไม่มีทางที่จะได้คิดพิจารณาแน่นอน ผมให้เวลาคุณสามวันในการปรับอารมณ์และความรู้สึกของคุณ หลังจากสามวันก็กลับมาที่นี่ ไม่งั้นผมจะจับคุณกลับมา”

 

 

บ้าอำนาจขนาดนี้ กดขี่ข่มเหงขนาดนี้! เหลิ่งรั่วปิงจึงดิ้นไปหนึ่งทีด้วยความโมโห เธอจะอดทนกับอ้อมกอดที่อึดอัดของเขาแบบนี้ได้ยังไง

 

 

หนานกงเยี่ยโน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากของเธอ “เชื่อฟัง อย่าดื้อเลยนะคนดี กลับมาอยู่เคียงข้างผม ผมจะรักและเอาใจใส่คุณให้มาก หื้ม?”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเข้าใจดี เธอไม่มีโอกาสได้คิดพิจารณาจริงๆ ยังไงเธอก็หนีเขาไม่พ้น และสู้เขาไม่ไหว ถึงแม้เธอจะหลอกใช้เขาตลอดมา ทว่าเขาก็เป็นคนที่คุมอำนาจทั้งหมด เธอก็แค่ยืมอำนาจของเขา สองเดือนที่อยู่กับเขากับหนึ่งปีที่อยู่กับเขา ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรมาก เธอแค่ต้องควบคุมใจตัวเอง วันข้างหน้าเธอจะได้จากเขาไปโดยไม่เหลือเยื่อใยอะไรทิ้งไว้

 

 

พอเห็นร่างบางเลิกขัดขืน หนานกงเยี่ยก็รู้สึกอารมณ์ดีมาก จากนั้นก็เริ่มจูบเธออย่างดูดดื่ม ครึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอ เขาคิดถึงเธอมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทางใจหรือว่าทางกาย ดังนั้น จูบของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งเร่าร้อน และเขาก็รัดตัวเธอให้แน่นขึ้น เหมือนกำลังจะเอาตัวเธอเข้าไปรวมกับร่างเดียวกับเขา

 

 

เหลิ่งรั่วปิงจึงผลักเขาออกอย่างแรง “คุณบอกว่าให้เวลาฉันสามวัน ตอนนี้ยังไม่ถึงไหนก็จะฝืนใจฉันแล้ว?”

 

 

นัยน์ตาของหนานกงเยี่ยถูกความรุ่มร้อนบดบัง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อที่จะอดกลั้นอารมณ์ใคร่ที่ยังคงค้างเอาไว้ “ได้ ผมไม่แตะต้องตัวคุณ” จากนั้นก็หยุดชะงักไปแล้วค่อยพูด “วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณอยากทำอะไร”

 

 

“กลับโรงแรม”

 

 

“ได้ ผมให้ก่วนอวี้ไปส่งคุณ” หนานกงเยี่ยรู้ดีว่าไม่ควรบีบบังคับเธอเกินไป

 

 

เหลิ่งรั่วปิงก็ไม่ได้ขัดขืนเขาอีกและได้ให้ความร่วมมือกับเขา เพราะที่จะสามารถออกจากที่นี่อย่างราบรื่น เธอยังมีแผนล้างแค้นที่ต้องทำให้สำเร็จ

 

 

พอกลับถึงโรงแรมวั่นเหา เหลิ่งรั่วปิงก็ขังตัวเองไว้ในห้องตลอดเวลา เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะนัดเจอลั่วเฮิ่งยังไง

 

 

ไม่นาน มือถือของเธอก็ดังขึ้น ไซ่ตี้จวิ้นเป็นคนโทรเข้า

 

 

“รั่วปิง” ไซ่ตี้จวิ้นเรียกเธออย่างสนิทสนม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

 

 

“คุณไซ่ คุณกลับเมืองหลงแล้วหรอคะ” เหลิ่งรั่วปิงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา พูดตามตรงเธอไม่ได้รู้สึกแย่กับไซ่ตี้จวิ้นเลยสักนิด

 

 

“ครับ” ไซ่ตี้จวิ้นตอบกลับอย่างเชื่องช้า “ผมอยู่นอกประตูห้องของคุณ คุณ…สะดวกเปิดประตูไหม” เขาเหมือนจะกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ เขาเลยรีบพูดเพิ่มเติมขึ้น “ผมเอาเสื้อของคุณมาคืน”

 

 

เมื่อวานเธอไปเปลี่ยนเสื้อที่เมืองเฟิ่ง เสื้อที่เปลี่ยนได้ทิ้งเอาไว้ที่โรงแรม

 

 

“ค่ะ สักครู่นะคะ” เหลิ่งรั่วปิงมีเรื่องจะคุยกับไซ่ตี้จวิ้นพอดี เขามาเองก็ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ

 

 

จังหวะตอนที่เปิดประตู ทั้งสองคนสบตากัน แล้วก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ไหนๆ เรื่องแบบนั้นที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ใครก็นึกไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะวางอำนาจอย่างไร้เหตุผลขนาดนั้น

 

 

คนที่รู้สึกลำบากใจมากที่สุดก็คือไซ่ตี้จวิ้น เขาบอกอย่างเต็มปากเต็มคำว่าชอบเธอ และอยากจีบเธอ แม้กระทั่งยอมที่จะขอเธอเป็นภรรยา ทว่าสุดท้ายกลับไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้ และปล่อยให้หนานกงเยี่ยแย่งไป เกิดเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจดีว่าเขาลำบากใจ จึงคลายยิ้มอ่อนๆ แล้วรับถุงในมือของเขาไว้ “เชิญเข้ามาค่ะ”

 

 

ไซ่ตี้จวิ้นพยักหน้า แล้วสาวเท้าเข้าไปในห้อง

 

 

เหลิ่งรั่วปิงปิดประตูให้สนิท แล้วหันหลังเดินเข้ามา จากนั้นก็พยายามทำตัวตามสบาย “นั่งสิคะ อยากดื่มอะไรหน่อยไหมคะ”

 

 

“รั่วปิง ผมขอโทษ” ไซ่ตี้จวิ้นจึงกอดเหลิ่งรั่วปิงจากด้านหลังอย่างกะทันหัน จากนั้นก็เห็นตรงซอกคอของเธอมีรอยดูด เขารู้สึกบีบรัดที่หัวใจใจเหมือนถูกมีดบาด “คุณจะโทษผมไหม”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแล้วออกจากอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็หันหลังเดินถอยหลังไปไม่กี่ก้าว “ไม่โทษค่ะ ถ้าอยู่นี่ ไม่มีใครสามารถสู้กับหนานกงเยี่ยอยู่แล้ว ไม่ใช่ความผิดของคุณค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงก้มหน้าลง “อีกสามวัน ฉันจะกลับไปอยู่เคียงข้างเขา”

 

 

ไซ่ตี้จวิ้นเงยหน้าขึ้นทันที “เขาบังคับคุณหรอ ถ้าคุณไม่อยากไป ผมสามารถพาคุณหนีไปจากที่นี่ได้นะ”