“ถ้าอากล้าแตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว หลี่เจิ้นของอาได้พิการไปตลอดชีวิตแน่ ตอนนี้ในบ้านเรามีแค่เสี่ยวเชี่ยนคนเดียวที่รักษาหลี่เจิ้นได้ ทำให้เขากลับมายืนได้อีกครั้ง”
คำพูดของอวี๋หมิงหลางทำให้เสี่ยวเชี่ยนอึ้ง นี่เขารู้ได้ยังไง?
อวี๋หมิงหลางส่งสายตา เสี่ยวเชี่ยนจึงเข้าใจ คงมีกล้องวงจรปิดสินะ—เวรละ งั้นบทสนทนาระหว่างเธอกับหลี่เจิ้นทุกคนก็ได้ยินหมดสิ?
แย่แล้ว เคสรักษาที่เธอพูดไปอะไรต่อมิอะไร ถ้าถูกคนนอกรู้เข้าจะทำไง? ตอนนี้สถานะเธอยังเป็นแค่นักศึกษา ไม่ใช่จิตแพทย์สาวที่เก่งที่สุดแบบเมื่อชาติก่อน
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกหวั่นใจ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้ถามมากมาย
คำพูดข่มขู่อาหญิงของอวี๋หมิงหลางได้ผลอย่างเห็นได้ชัด
“แกว่าไงนะ? ลูกชายฉันยังจะยืนได้อีกเหรอ?” อาหญิงถามด้วยความตกใจ
“เขาเป็นโรคทางจิตเวช การที่เขายืนไม่ได้ทั้งๆที่สภาพร่างกายไม่มีอาการผิดปกติงั้นก็มีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียวนั่นก็คือมีสาเหตุมาจากด้านสภาพจิตใจ”
เสี่ยวเชี่ยนพูดกับอาหญิงด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“หนูพูดจริงเหรอเสี่ยวเชี่ยน หนูรักษาเขาได้จริงๆเหรอ?” พ่อหลี่ได้ยินดังนั้นก็ดีใจแทบบ้า
“มันโกหก มันเป็นแค่นักศึกษา รักษาโรคไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่มีใบอนุญาต มัน—” อาหญิงยังไม่ทันจะพูดจบอวี๋หมิงหลางก็ถอดผ้าพันคอทหารที่อยู่บนคอตัวเองยัดใส่ปากอาหญิง
โลกสงบแล้ว
“ขอโทษครับอา ผมเพิ่งมาจากสนามฝึกไม่มีเวลาเปลี่ยนชุด เพิ่งปีนขึ้นมาจากบ่อโคลนอาจจะมีขี้โคลนติดหน่อยนะครับ…”
มีขี้โคลนจริงๆด้วย สกปรกที่สุด อาหญิงรู้สึกขยะแขยงสุดๆแต่ก็คายออกไม่ได้
“หนูรักษาได้ค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนตอบพ่อหลี่ด้วยสีหน้าจริงจัง
พ่อหลี่ดีใจก่อนจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นสงสัย เธอยังเป็นแค่เด็ก สามารถรักษาโรคที่ซับซ้อนแบบนี้ได้จริงๆเหรอ?
กลัวว่าคาดหวังมากเกินไปแล้วไม่ได้แบบนั้นจะกลายเป็นผิดหวัง
“เสี่ยวเชี่ยนของเรามีพรสวรรค์จริงๆ เขาเคยวินิจฉัยว่าหลานฉันมีปัญหาได้อย่างง่ายดาย ศาสตราจารย์หลิวก็ชื่นชมเขามาก บอกว่าเป็นคนเก่งที่ร้อยปีจะเจอสักคน”คำพูดของแม่อวี๋ทำให้เสี่ยวเชี่ยนกระพริบตาปริบๆ
ลับหลังอาจารย์ชมเธอแบบนี้ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ
“งั้นเสี่ยวเชี่ยนช่วยรักษาหลี่เจิ้นด้วยนะ ฉันขอร้องล่ะ” พ่อหลี่โค้งให้เสี่ยวเชี่ยนอย่างจริงจัง
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้รีบร้อนให้คำตอบ แต่มองไปทางอาหญิงแล้วส่งสัญญาณมือให้อวี๋หมิงหลาง เขาจึงรีบทำตามคำสั่งเธอเอาผ้าพันคอออกจากปากอาหญิง อาหญิงขยะแขยงจนถุยน้ำลายลงพื้นไปหลายที ปากมีแต่ขี้โคลน
“ฉันไม่ยอม แกไม่มีใบอนุญาต แกมันเป็นคนหลอกลวง ไอ้คนขี้โกหก จะปล่อยให้มันรักษาลูกชายฉันไม่ได้ พวกเราไปรักษาที่อื่น ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามีเงินแล้วจะหาหมอที่เก่งกว่าไม่ได้”
อาหญิงไม่ชอบเสี่ยวเชี่ยนตั้งแต่แรกแล้ว เห็นแล้วไม่ถูกชะตา แล้วจะยอมมอบลูกชายให้เสี่ยวเชี่ยนรักษาได้ยังไง?
“ในบ้านเรานอกจากฉันแล้วตอนนี้ยังไม่มีใครที่มีประสบการณ์รักษาโรคนี้ โรคภาวะผิดปกติที่มีปัจจัยมาจากสภาพจิตใจยังไม่มีข้อมูลเท่าไร คุณน้าตอนทำงานเคยเจอคนไข้ที่ตรวจแล้วไม่เจออะไรแต่เขารู้สึกว่าร่างกายผิดปกติไหมคะ แบบที่ยังไงก็คิดว่าตัวเองเป็นโรคอะไรสักอย่าง?”
เสี่ยวเชี่ยนถามแม่อวี๋ แม่อวี๋รีบพยักหน้า
“มีสิ มีผู้ชายสูงวัยคนนึงบอกว่าตัวเองกระดูกทิ่ม น้าตรวจดูให้เขาอย่างละเอียดแล้วก็ไม่เจอความผิดปกติ แต่ไม่นานเขาก็กลับมาอีก จะให้น้าสั่งยาทาให้ได้ ถึงยาทาจะเป็นยาที่ใช้ภายนอก แต่จะให้ทาตอนไม่เป็นอะไรก็ไม่ดี พอน้าไม่ให้เขาก็ไม่มาอีก คงจะไปหาซื้อที่อื่นแล้ว”
คนแบบนี้พวกหมอเจอบ่อย ไม่ใช่แค่แม่อวี๋ พี่สะใภ้ใหญ่ก็ชอบบ่นๆว่าคนไข้บางคนเห็นอาการของโรคตามหนังสือพิมพ์นิตยสารโฆษณาต่างๆแล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นนั่นนี่ อีกทั้งยังบอกว่ารู้สึกอาการแย่มาก หมอเก่งๆตรวจให้แล้วพวกเขาก็ยังไม่เชื่อ พอไม่สั่งยาให้ก็ไปซื้อเองที่อื่น ยาบางครั้งก็มีโทษ จากเดิมที่ไม่เป็นโรคก็ทำให้เกิดโรคได้
ก็เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนบอก เด็กบางคนคิดว่าตัวเองสายตาสั้น จะใส่แว่นให้ได้ สุดท้ายจากที่ไม่ได้สั้นก็สั้นจริงๆ
“คนไข้ประเภทนี้หลังจากที่โลกแห่งข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตพัฒนาไปไกลจะยิ่งมีมากขึ้น อาจมีมากถึง30% มีโรคมากมายที่หมอไม่สามารถอธิบายได้ ล้วนมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ จิตแพทย์อาจวินิจฉัยว่าเป็นโรควิตกกังวลได้ง่ายๆ แต่ทั้งที่จริงแล้วไม่ตรงนัก สาเหตุของโรคนี้มาจากความกดดันภายในจิตใจ ซึ่งหลี่เจิ้นเป็นประเภทนี้ แต่อาการของเขาหนักกว่าหน่อย”
“หนูหมายความว่าเขาแกล้งป่วย?” พ่อหลี่ขมวดคิ้ว
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ถึงแม้ทางโรงพยาบาลจะตรวจไม่เจอสาเหตุ แต่ก็ไม่ได้แสดงว่าคนพวกนี้แกล้งป่วย สภาพจิตใจย่ำแย่จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติได้ นี่ก็เป็นแนวทางในการพัฒนาด้านการแพทย์ในอนาคต สภาพจิตใจของมนุษย์ส่งผลต่อสภาพร่างกาย คนที่มีความกดดันสูง การหลั่งสารเคมีภายในร่างกายจะผิดปกติได้ง่าย หนูจะยกตัวอย่างง่ายๆให้ฟังนะคะ ถ้าเราบอกผู้ป่วยโรคมะเร็งว่า คนที่อาการแย่มากมีเยอะแยะ เขาก็จะรู้สึกแย่ แต่ถ้าไม่บอกเขา เขาก็จะยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขช่วยต่ออายุให้ตัวเองได้ ในอนาคตทางการแพทย์จะค่อยๆให้ความสำคัญกับการรักษาทางร่างกายควบคู่ไปกับจิตใจ หรือจะเรียกได้ว่าเป็นการรักษาแบบครอบคลุม”
เรื่องที่ซับซ้อนถูกเสี่ยวเชี่ยนเอามาย่อยพูดให้เข้าใจง่าย แม้แต่คนสติปัญญาระดับอาหญิงยังเข้าใจ
“แล้วหนูรักษาหลี่เจิ้นได้ไหม?” พ่อหลี่มีความหวัง สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนพูดได้สร้างความหวังขึ้นมา เพราะเธอดูมีความเป็นมืออาชีพถึงได้เชื่อ
“อาหญิงไม่ยอมนี่คะ?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ตอบแต่ถามกลับ
“ฉัน ไม่ ยอม ”
พ่อหลี่ถลึงตาใส่อาหญิง อยากจะเอาอย่างหมิงหลางจริงๆ หาอะไรยัดปาก
เสี่ยวเชี่ยนยักไหล่
“ดูสิคะ อาหญิงไม่ยอม งั้นหนูก็ไม่บังคับค่ะ คุณลุงคุณน้าพวกเรากลับกันเถอะค่ะ”เสี่ยวเชี่ยนพูดกับพ่ออวี๋แม่อวี๋
เธอสบตาอวี๋หมิงหลาง เขาส่งสายตาแบบเจ้าเล่ห์กลับมา เสี่ยวเชี่ยนละสายตาจากเขา ตานี่จะต้องรู้แน่ว่าเธอแสร้งทำเป็นจะกลับ
“ไปเถอะ เข้าไปลาหลี่เจิ้นกับฉันแล้วพวกเรากลับกัน” เสี่ยวเชี่ยนลากมืออวี๋หมิงหลางเข้าไปในห้องผู้ป่วย
พ่อหลี่ดุใส่อาหญิง “คุณอย่ามายุ่งเรื่องลูกได้ไหม”
“มันเป็นแค่นักศึกษา คุณอายุตั้งเท่าไรแล้วทำไมถึงได้ถูกเด็กอย่างมันหลอกได้? มันโกหกพวกคุณอยู่นะ”
คำพูดของอาหญิงสร้างความไม่พอใจให้พ่ออวี๋ บัญชีก่อนหน้านี้ยังไม่ได้คิด ยังมาทำขายหน้าอีกรอบ
“พวกเธอสองคนมีอะไรควรค่าให้เสี่ยวเชี่ยนของเราหลอก? ตัวเองความคิดโสมมมองใครก็เลวร้ายไปหมด”
“พี่” อาหญิงรู้สึกเดือดกับคำพูดแรงๆของพี่ชายตัวเอง
ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ชายเคยพูดจากับเธอแบบนี้ที่ไหนกัน? เฉินเสี่ยวเชี่ยนวางยาอะไรครอบครัวนี้กันแน่ ทำไมทุกคนถึงถูกซื้อไปหมด?
“เธอทำอะไรลงไปบ้างตัวเองน่าจะรู้ดีนะ ต่อไปถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นรับผิดชอบผลที่ตามมาเอาเองแล้วกัน เธอบอกว่าเสี่ยวเชี่ยนหลอกเธอ ได้ พวกเราไป ต่อไปถ้าหาคนรักษาไม่ได้ก็อย่ามารบกวนพวกเราแล้วกัน ฉันไม่มีน้องสาวไม่เอาไหนแบบนี้”