หลี่เจิ้นตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อ
“คุณเป็นผู้หญิงผมเอาขาคุณมาก็เอามาใส่ไม่ได้อยู่ดี”
“งั้นฉันจะตัดขาเสี่ยวเฉียงของฉันใส่ให้นายแทน ถ้าไม่มั่นใจฉันจะให้สัญญาแบบนี้เหรอ? เชื่อฉันนายมีทางหาย หนุ่มน้อยนายโชคดีมาก ในบ้านเราเคสแบบนายยังไม่มีเลย นายมาเจอฉันถือว่านายโชคดีมาก”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้โม้ โรคจิตเวชแบบนี้พบเจอได้น้อยมาก คนที่รักษาได้มีไม่เยอะ เธอเองก็ทำได้จากการสั่งสมประสบการณ์เมื่อชาติก่อน และที่บังเอิญมากก็คือ วิธีการรักษานี้เกิดจากการคลำผิดคลำถูกของอาจารย์เธอจนวิจัยได้ออกมาในอีกหลายปีให้หลัง เป็นผู้เปิดทางในเรื่องนี้ของการรักษาในประเทศ เสี่ยวเชี่ยนเอามาใช้ก่อนหลายปีเลยตอนนี้
อันที่จริงขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับภาวะโซมาติกนั้นกว้างมาก อาการที่แสดงออกก็ต่างกัน ภายนอก ภายใน ผู้ใหญ่ เด็ก อวัยวะเฉพาะต่างๆเช่น หู ตา คอ จมูก ปาก เป็นต้น ล้วนพบเจอภาวะโซมาติกได้ทั้งนั้น พูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ ตรวจแล้วตัวเองไม่เป็นอะไร แต่กลับรู้สึกร่างกายไม่โอเค
บางคนรู้สึกกระเพาะหรือหัวใจมีปัญหา บางคนรู้สึกแน่นหน้าอกกินยาอยู่นาน ตรวจร่างกายแล้วก็ไม่พบความผิดปกติ นี่ก็คือภาวะโซมาติกที่เกิดจากการวิตกกังวลมากเกินไป
หลี่เจิ้นโชคดีเหลือเกินที่มาเจอเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนมีความมั่นใจมากที่จะรักษาโรคนี้
“คุณรักษาผมได้จริงๆเหรอ? จะทำให้ผมยืนได้? ผมไม่ขอถึงขนาดกระโดดโลดเต้นแบบคนปกติได้ เอาแค่ใช้ชีวิตดูแลช่วยเหลือตัวเองได้ก็พอ…”
เขาไม่ขออะไรมากจริงๆ ขอแค่ไม่อยู่อย่างไร้เกียรติเป็น พอสักนิดก็ยังดี
“น่าเสียดายที่ฉันทำตามความต้องการของนายไม่ได้”
พอเสี่ยวเชี่ยนพูดจบหลี่เจิ้นก็ก้มหน้าอย่างเศร้าสร้อย รู้สึกเหมือนตกอยู่ในหุบเหวลึก
“ว่าแล้ว…ผมเป็นถึงขนาดนี้แล้วจะกลับมาดูแลตัวเองได้ยังไง จบสิ้นแล้ว ต่อไปผมก็เป็นคนพิการ”
“พอเลย ทำไมทำหน้าเหมือนจะตายอีกแล้ว? ความหมายของฉันคือ ฉันทำไม่ได้อย่างที่นายขอแค่ให้พอดูแลตัวเองได้ เพราะจากที่ฉันดูฟิล์มเอ็กซเรย์ ขอแค่นายให้ความร่วมมือในการรักษากับฉัน อย่าว่าแต่ช่วยเหลือตัวเองเลย กระโดดโลดเต้นก็ไม่มีปัญหา แย่สุดก็อาจจะมีชาๆบ้างบางครั้ง แต่ถ้าฟื้นฟูได้ดีปัญหาก็ไม่ใหญ่ แต่ต่อไปพอถึงวันฝนตกฟ้าครึ้มเอวนายจะต้องปวดแน่นอน แบบนี้นายต้องไปเข้าหาแม่สามีฉันแล้วแหละ ยาต้มของท่านเจ๋งมากเลยนะ ถ้านายมาซื้อเดี๋ยวฉันลดให้…”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกนับถือตัวเองมาก เธอช่างเป็นสะใภ้ที่รักครอบครัวจริงๆ ยังไม่ทันจะแต่งเข้าบ้านก็เรียกลูกค้าให้แม่สามีแล้ว เนื่องจากมีความแค้นกับอาหญิง ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เธอจะให้ฟรีไม่ได้ ยังคิดจะขูดรีดเอาให้หมดตัวอีกด้วย
ต่อไปถ้าบ้านอาหญิงมาเอายาต้มต้องเก็บเงิน ไม่สนิท หึ
“แต่คุณจะรักษาผม…ได้ยังไง?”
“สูดน้ำมูกกลับเข้าไปแล้วฉันจะบอกนาย ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างนายเห็นน้ำตาเป็นอะไร? เรื่องแค่นี้เอง ฉันน่ะโรคที่มีความซับซ้อนสุดอย่างโรคซึมเศร้ายังรักษาได้ ไหนจะโรคประสาทที่ยอมรับกันว่าเป็นโรคที่รักษายากฉันก็รักษาได้มาแล้ว ยกเว้นโรคย้ำคิดย้ำทำที่ฉันเป็นอยู่ ฉันยังหาทางแก้ไม่ได้ แล้วโรคขี้ปะติ๋วอย่างของนาย ถ้าบอกว่าฉันรักษาไม่ได้มันจะไม่เป็นการดูถูกตัวเองไปหน่อยเหรอ?”
โรคจิตเวชที่รักษายากสุดบนโลกนี้ที่เป็นที่ยอมรับกันนั่นก็คือโรคจำพวกที่เกี่ยวกับประสาท ถ้าจิตแพทย์เลือกได้ก็ไม่มีใครอยากรับเคสพวกนี้ แต่เมื่อเทียบกับภาวะโซมาติกของหลี่เจิ้นแล้ว มันคือความแตกต่างระหว่างอนุบาลกับมหาวิทยาลัย สำหรับเสี่ยวเชี่ยนการรักษาโรคนี้มันสบายมาก
เมื่อชาติก่อนเสี่ยวเชี่ยนชอบคนไข้ที่มาด้วยโรคแบบนี้มาก เพราะอะไรน่ะเหรอ?
โรคนี้ดูเหมือนจะร้ายแรงกว่าพวกโรคซึมเศร้ามาก ผู้ป่วยถ้าไม่สูญเสียการมองเห็นก็เดินไม่ได้ หรือไม่ก็ทำเหมือนตัวเองเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ มาในสภาพที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ เสี่ยวเชี่ยนเห็นเป็นคนมีตังค์ก็พูดหลอกนั่นหลอกนี่หน่อย แปปเดียวก็กำไร
เหนื่อยน้อยได้เงินเยอะใครไม่อยากทำล่ะ
“คุณจะบอกว่าอาการของผมไม่ได้เป็นความพิการที่เกิดจากทางร่างกาย แต่เป็นการวิตกกังวลอะไรนะ?”
“โรคกายใจที่เกิดจากการวิตกกังวลมากเกินเหตุ บางคนจะอยู่ๆก็สูญเสียการมองเห็น หรือไม่ก็อยู่ๆก็เดินไม่ได้ ไปตรวจแล้วไม่เจออะไร แต่ร่างกายไม่โอเค หมอที่รักษาก็หาสาเหตุไม่เจอ เพราะนี่เป็นผลกระทบที่มาจากปัจจัยภายในจิตใจ แน่นอนว่าบางคนไม่ได้อาการเว่อร์แบบนายหรอก แต่โรคนี้จริงๆไม่ใช่โรคหายาก อัตราการเกิดสูง เพียงแต่ส่วนใหญ่ตรวจไม่เจอ ฉันจะยกตัวอย่างให้ฟัง”
พอพูดถึงโรคที่เมื่อชาติก่อนทำรายได้ให้เธออย่างงาม เสี่ยวเชี่ยนก็ตื่นเต้นทันที
“ความสามารถในการมองเห็นของเด็กวัยรุ่นหลายคนลดลงนายคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาใช้สายตามากเกินไปไหม? ผู้ปกครองก็คิดแบบนั้นกัน เลยพาไปตัดแว่นให้ใส่ แต่ก็ยังคงแย่ลง อันที่จริงสาเหตุส่วนหนึ่งมันไม่ใช่ปัญหาทางด้านกายภาพหรอก แต่มันเป็นปัญหาทางด้านจิตใจ เด็กบางคนอิจฉาคนใส่แว่น อยากใส่เหมือนคนอื่น ปรากฏว่านานวันเข้าสายตาก็สั้นลง ยังมีอีกประเภทนั่นก็คืออยากหนีการเรียน บอกว่าตัวเองมองเห็นไม่ชัด ถึงขนาดที่ปวดหัว อ้วก เวลาเข้าเรียน—อ่อ เด็กแสบพวกนี้มีไม่น้อยเลยนะ สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกผู้ปกครองรำคาญแค่ไหน แต่เมื่อเทียบกับแม่นายแล้ว แม่นายสุดยอดกว่า”
“ทำไมพูดถึงแม่ผมอีกแล้ว?”
“เพราะว่าความสามารถในการมองเห็นที่ลดลงเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปรองดองในครอบครัว ถ้าพ่อแม่ทารุณลูกหรือเย็นชาใส่บ่อยๆ เด็กคนนั้นก็อาจอยู่ๆก็สูญเสียการมองเห็นได้ มันคล้ายๆกับกรณีของนาย แต่สาเหตุที่นายเป็นโรคไม่ใช่อันนี้แน่นอน จะให้ฉันรักษานายฉันมีเงื่อนไขนะ”
“คุณมีเงื่อนไขอะไรผมรับปากหมด ขอแค่ทำให้ผมยืนได้”ถ้ายังสามารถใช้ชีวิตได้ใครจะอยากตายกันล่ะ
“ค่ารักษาของฉันแพงมาก”
ฮ่าๆ เงินจ๋าฉันมาแล้ว จิตแพทย์สาวที่ขูดรีดเงินเก่งที่สุดกลับชาติมาเกิดตั้งนานนม รักษาฟรีไปก็มาก ในที่สุดก็มีทางหากำไรแล้ว เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนมองหลี่เจิ้นเป็นภูเขาเงินภูเขาทอง
หลี่เจิ้นยังไม่เอะใจ เขาได้ยินเสียงร้องโวยวายจากทางด้านนอก “ปล่อยฉันนะ”
“แม่ผมมาแล้ว” หลี่เจิ้นแค่ฟังก็รู้ทันที
“ขอฉันไปฆ่าแกะตัวอ้วนก่อน นายรอฉันเดี๋ยว ฆ่าแกะเสร็จเดี๋ยวฉันมาวินิจฉัยให้นายอย่างชัดเจนอีกที”
“คุณว่าอะไรนะ?”
“แค่กๆ ฉันบอกว่า เดี๋ยวฉันไปหารือเรื่องแผนรักษากับพ่อแม่นายก่อน” ประเด็นสำคัญก็คือ เงิน
อาหญิงที่เมื่อครู่ถูกอวี๋หมิงหลางทำให้สลบไปฟื้นขึ้นมาแล้ว กำลังอาละวาดอีกรอบ
เสี่ยวเชี่ยนเปิดประตู พอเห็นอาหญิงที่สภาพดูไม่ได้เธอจึงหันไปพูดกับหมอและพยาบาลด้วยท่าทางดุจนางพญา
“มีอะไรทำก็ไปทำไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ เรื่องในครอบครัวพวกเราใครก็ห้ามมายืนดู”
“แก” อาหญิงพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ก็พุ่งปรี๊ด
ยังไม่ทันจะได้แตะเสี่ยวเชี่ยนก็ถูกอวี๋หมิงหลางวิ่งเข้ามาจับข้อมือไว้เสียก่อน
เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเขาก็ดวงตาเป็นประกาย รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
โบนัสที่เหนือความคาดหมาย ได้ฆ่าแกะอ้วนแล้วยังได้เจอผู้ชายของตัวเองด้วย กำไรมหาศาล งานนี้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม