ตอนที่ 81 ตกน้ำ

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 81 ตกน้ำ

คุณป้าแซ่หวังกลับไป โจซื่อกับเจียงเอ้อยาถึงจะเห็นเจียงป่าวชิง ซึ่งเจียงเอ้อยาก็รีบเพิ่มความคมของน้ำเสียงขึ้นทันที “ไอ้โย! ดูสิว่าใครมา นี่ไม่ใช่…”

โจซื่อดึงแขนเสื้อของเจียงเอ้อยาทันที  เจ้าเด็กนี่ช่างไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ หากจะพูดเหน็บแนมใครก็ควรรู้สักหน่อยสิว่ายังทำตอนนี้ไม่ได้ เจียงป่าวชิงยังไม่ให้เงินสมทบเลย หากนางหนีไปจะทำอย่างไร ?

โจซื่อยิ้มแย้มและขัดคำพูดของเจียงเอ้อยา “ป่าวชิง เจ้ามาให้เงินสมทบป้าเล็กของเจ้าใช่หรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า จากนั้นก็ส่งซองแดงในมือให้โจซื่อ “นี่เป็นเงินสมทบที่ข้ากับพี่ชายนำมาแสดงความยินดีที่ท่านป้าเล็กจะแต่งงานเจ้าค่ะ”

โจซื่อรับซองแดงมา นางฉีกตรงนั้นเลย

สุดท้ายนางก็เททองแดงสิบกว่าเหรียญออกมา นางไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ยังคงเทต่อไป เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรออกมาจากในซองแดงแล้ว นางถึงจะพูดกับเจียงป่าวชิงด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม “ป่าวชิง แค่นี้เองรึ ?”

เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “ท่านอา ดูท่านพูดสิ ข้าเพิ่งแยกออกมาจากบ้านท่านได้ไม่นาน ในบ้านข้าก็มีเพียงแค่ข้ากับพี่หยุนชาน และพวกท่านยังแบ่งที่ดินเพียงครึ่งหนึ่งจากที่ดินสิบไร่ของครอบครัวข้าให้พวกเรา แต่อย่างอื่น แม้แต่ผ้าห่ม พวกท่านก็ไม่ให้ข้าเอาไป นี่ท่านยังคาดหวังว่าครอบครัวของข้าจะมีเงินเหลืออีกรึ ?”

เมื่อคำพูดที่ว่าแม้แต่ผ้าห่มก็ไม่ให้เอาไปถูกพูดออกมาก็เหมือเป็นการตบหน้ากลาย ๆ โจซื่อกัดฟันกรามแน่นและพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าเด็กนี่ เจ้าพูดอย่างนั้นได้ที่ไหนกัน นี่เป็นถึงวันแต่งงานของป้าเล็กของเจ้าเชียวนะ…”

เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “อย่าว่าแต่ท่านป้าเล็กแต่งงานเลยเจ้าค่ะ ต่อให้ท่านปู่สองแต่งงานอีกรอบ ท่านปู่ก็คงจะไม่เอาเงินสมทบมากมายจากพี่น้องกำพร้าพ่อที่แยกออกไปอยู่โดยลำพังอย่างแน่นอน ท่านอา เงินที่ข้ากับพี่ชายสมทบให้นี้ ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่แต่ข้าก็ยังเอามาให้ นั่นหมายถึงเราสองพี่น้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และไม่ได้ติดค้างอะไรพวกท่านอาเลย!  ท่านอาเจ้าคะ ท่านอาว่าเหตุผลนี้ถูกต้องไหมล่ะเจ้าคะ ?”

โจซื่อโมโหจนหน้าแดง ผู้คนที่มาดูเรื่องสนุกบางคนไม่ชอบพฤติกรรมเหยียบย่ำคนยากจนและรักคนรวยของโจซื่อมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงหัวเราะเพื่อให้หน้าเจียงป่าวชิง

จากนั้นเจียงป่าวชิงก็หมุนตัวเดินออกไป

แม้ว่านี่จะเป็นการแต่งงานครั้งแรกที่นางเคยเห็นในสมัยโบราณ แต่นางกลับไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้แม้แต่น้อย

เมื่อหวังอาซิ่งเห็นเจียงป่าวชิงออกมา นางก็ถามด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดเจ้าจึงออกมาเร็วนัก ? ป่าวชิง เจ้าไปดูป้าเล็กของเจ้าหรือยัง ?”

เจียงป่าวชิงส่ายหน้าอย่างไร้ความสนใจ “ยัง”

หวังอาซิ่งเอียงศีรษะ นางครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นก็ถามต่อแต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ป่าวชิง ข้าเห็นบ้านที่อยู่ติดกับบ้านเจ้าดูเหมือนจะมีคนมาอาศัยอยู่แล้วนี่ ใช่หรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงคิดว่าน้องอาซิ่งคงเห็นไอ้โรคจิตกงเข้าแล้ว นางจึงอุทานออกมาและถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าเห็นอะไรรึ ?” นางกลัวว่าหวังอาซิ่งจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นและถูกไอ้โรคจิตกงฆ่าปิดปาก หากเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไรล่ะ

หวังอาซิ่งไม่ได้คิดอะไรมากมาย นางเพียงพลั้งปากพูดออกไปเท่านั้น “ข้าเห็นควันจากการทำอาหารพุ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นน่ะ”

เวลานี้หัวใจของเจียงป่าวชิงถึงจะผ่อนคลายลง นางพูดอย่างขอไปที “อาจจะ…”

เจียงป่าวชิงนึกถึงคำพูดที่ไป๋จีเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาใช้สถานะปลอมในการมารักษาตัวอยู่ที่นี่  คิดได้ดังนั้น เจียงป่าวชิงก็ตัดสินใจว่ากลับไปนางจะต้องถามไป๋จีดูว่าสถานะปลอมที่พวกเขาใช้กันคืออะไร ถึงตอนนั้นนางจะได้ไม่ต้องหลุดปากออกไป

เมื่อหวังอาซิ่งเห็นเจียงป่าวชิงดูเหมือนไม่ค่อยสนใจกับขบวนรับตัวเจ้าสาวสักเท่าไหร่ นางจึงเสนอให้ไปเล่นที่ริมแม่น้ำด้วยกัน

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน แต่พวกนางอยู่ในภูเขา ฤดูร้อนจึงไม่ถือว่าร้อนมากนัก กลับกันยังเย็นสบายมากอีกด้วย

เสียงจั๊กจั่นริมฝั่งแม่น้ำทำให้เจียงป่าวชิงตระหนักได้ในภายหลังว่าฤดูร้อนมาถึงแล้ว  มีคนกำลังเล่นน้ำกันอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำที่เป็นที่ตื้นของแม่น้ำคราด หวังอาซิ่งดูเหมือนจะกระตือรือร้นอยากที่จะลอง แต่นางถูกเจียงป่าวชิงดึงตัวไว้เสียก่อน

น้ำตรงริมฝั่งแม่น้ำก็ไม่ถือว่าตื้นอะไรมากมาย หากไม่ระวังจนลื่นและถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพาไปในแม่น้ำสายหลักก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้

เมื่อเทียบกับเจียงป่าวชิงแล้ว หวังอาซิ่งสามารถพูดได้ว่านางเป็นเด็กสาวชนบทที่เกิดและเติบโตในท้องถิ่นจริง ๆ ถึงแม้ว่านางจะค่อนข้างกลัวกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวของแม่น้ำคราดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ทว่าตอนที่นางเผชิญกับริมฝั่งแม่น้ำที่ตื้นเช่นนี้ หวังอาซิ่งกลับไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

หวังอาซิ่งพูดกับเจียงป่าวชิง “ป่าวชิงไม่ต้องห่วง ถ้าเจ้าไม่กล้า เจ้าก็ตากอากาศไม่ก็ปาก้อนหินอยู่ตรงริมแม่น้ำนั่นแหละ ข้าไปเล่นครู่เดียวประเดี๋ยวก็กลับมาแล้วนะ”

เจียงป่าวชิงพูดอะไรไม่ได้

หวังอาซิ่งถอดรองเท้าและถุงเท้า จากนั้นนางก็ดึงขากางเกงขึ้นสูงและเดินย้อนจากริมฝั่งแม่น้ำไปทางผู้คนที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่

ผู้คนที่กำลังเล่นน้ำดูเหมือนจะอายุยังไม่มาก มีสองคนที่น่าจะประมาณสิบสี่ไม่ก็สิบห้าปี ส่วนสี่คนที่เหลือน่าจะเพิ่งสิบขวบเห็นจะได้ ดูแล้วคงเป็นเด็กรุ่นเดียวกับหวังอาซิ่ง  แต่หวังอาซิ่งนั้น นางค่อนข้างหน้าตาเหลืองซูบไปสักหน่อยและดูเหมือนนางจะผอมลงกว่าเดิม ทำให้ยิ่งดูเหมือนเด็กวัยแปดไม่ก็เก้าขวบอย่างไรอย่างนั้น

เจียงป่าวชิงหยิบก้อนหินขึ้นมาเพื่อลองปาดูสักก้อนเผื่อว่าจะรู้สึกอยากปาก้อนหินขึ้นมาบ้าง ตอนที่ก้อนหินกำลังเคลื่อนผ่านผิวน้ำเป็นครั้งที่สามนั้น จู่ ๆ เจียงป่าวชิงกลับได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจอย่างกะทันหัน นางหันกลับไปโดยไม่รู้ตัวและเห็นหวังอาซิ่งกำลังผลุบโผล่ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

ดูจากสีหน้าเจ็บปวดของนาง ดูแล้วเหมือนนางกำลังเป็นตะคริวที่น่องอย่างไรอย่างนั้น

เจียงป่าวชิงไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย นางกระโดดลงไปในแม่น้ำคราดและว่ายไปหาหวังอาซิ่งทันที น้ำในแม่น้ำช่วงต้นฤดูร้อนเย็นมาก เจียงป่าวชิงกระโดดลงไปในแม่น้ำอย่างกะทันหัน จึงทำให้มีอาการตะคริวกินน่องเล็กน้อย

นางผ่อนการเคลื่อนไหวของตัวเองลง จากนั้นก็ปรับจังหวะการหายใจเพื่อต่อต้านอาการตะคริวนี้

หวังอาซิ่งตะเกียกตะกายอย่างรุนแรงอยู่ในแม่น้ำคราด หลังจากที่เจียงป่าวชิงปรับทุกอย่างได้แล้ว นางก็ว่ายไปหาหวังอาซิ่งเสมือนปลาเงิน

เวลาช่วยชีวิตคนจมน้ำ ห้ามช่วยจากทางด้านหน้าเด็ดขาด เจียงป่าวชิงจึงอ้อมไปทางด้านหลังหวังอาซิ่ง จากนั้นก็ดึงไหล่นางจากทางด้านหลัง เมื่อดึงหวังอาซิ่งไว้แน่นแล้วก็ลากนางไปทางฝั่งแม่น้ำ

เจียงป่าวชิงว่ายน้ำเก่งแต่ร่างกายนี้กลับอ่อนแอมาก กำลังของร่างกายเพิ่งได้ทำงาน แต่จังหวะการว่ายน้ำของนางกลับตามไม่ทันเสียแล้ว เมื่อยังอยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำอยู่พอสมควร กำลังร่างกายของนางก็ใกล้จะหมดลงเต็มที

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหวังอาซิ่งที่ยังคงตะเกียกตะกายโดยไม่รู้ตัว นั่นยิ่งทำให้เปลืองแรงของเจียงป่าวชิงมากยิ่งขึ้น

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เจียงป่าวชิงก็จะไม่ยอมอ้าปากเด็ดขาด นางไม่กล้าอ้าปากเพราะกลัวว่าถ้าอ้าปากแล้วน้ำในแม่น้ำที่เย็นเฉียบจะเข้าไปในปอดของนาง หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องช่วยหวังอาซิ่งกันพอดี

นางกัดฟันไว้แน่น ทำให้เห็นเส้นเอ็นที่นูนออกมาบนหน้าผาก และในที่สุด นางก็สามารถลากหวังอาซิ่งขึ้นมาบนฝั่งได้สักที

ขึ้นฝั่งกันมาได้ เจียงป่าวชิงก็นอนหอบอยู่บนพื้นราวกับหมาที่ใกล้ตาย แม้แต่แรงที่จะขยับนิ้วมือก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

หวังอาซิ่งก็เช่นกัน นางสำลักน้ำอยู่แทบจะตลอดเวลา ฟังดูแล้วเหมือนจะสำลักเอากลีบปอดออกมาอยู่รอมร่อ

เมื่อสักครู่นางกลั้นเส้นประสาทไว้ตอนอยู่ในน้ำจึงไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้เมื่อฟื้นคืนสภาพเดิม ไหล่ขวาของนางก็เหมือนจะระเบิดและปวดอยู่ตลอดเวลา

มีคนไปเรียกคนที่บ้านของหวังอาซิ่งมาที่นี่  ในตอนนี้ เมื่อแม่ของหวังอาซิ่งมาแล้วและเห็นว่าหวังอาซิ่งไม่เป็นอะไร นางก็ก่นด่าหวังอาซิ่งยกใหญ่ “เจ้าเท้าเล็กที่ควรอายุยืน วันนี้ริหนีออกมาเล่น ดูสิ ตอนนี้อยู่ในสภาพไหนกัน ?! เหตุใดเจ้าไม่ตาย ๆ ไปเสียเลยเล่า!” พูดเสร็จ นางก็ถีบหวังอาซิ่งเล็กน้อย

หวังอาซิ่งเปียกไปทั้งตัว นางไออย่างไม่หยุดหย่อนและร้องไห้อย่างหวาดกลัวไปด้วย “ท่านแม่เจ้าขา ข้าผิดไปแล้ว แฮ่ก ๆ ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

ร่างกายของเจียงป่าวชิงทนต่อความเจ็บปวดไม่ค่อยได้ ตอนนี้ไหล่ขวาของนางก็ปวดจนใกล้จะระเบิดออกมาอยู่แล้วจึงไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่นมากนัก

แม่ของหวังอาซิ่งเห็นเจียงป่าวชิงก็อยู่ด้านข้าง นางจึง ‘จ่อกระสุน’ ไปที่เจียงป่าวชิงทันที “ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมอยู่ดี ๆ อาซิ่งของข้าถึงหนีมาเล่นที่ริมแม่น้ำได้ ต้องเป็นเจ้าเท้าเล็กอย่างเจ้าที่สั่งให้นางทำใช่ไหม ? ใช่ไหมห๊ะ ?! ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่าคนแซ่เจียงของพวกแกไม่มีใครดีเลยสักคน ต่อไปห้ามมายุ่งเกี่ยวกับอาซิ่งของข้าอีก ได้ยินหรือเปล่า ?!”

เจียงป่าวชิงฟื้นคืนสภาพเดิมอยู่สักพัก จากนั้นนางก็ใช้แรงมากอยู่พอสมควรถึงจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งได้อย่างช้า ๆ และสำลักน้ำออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน