ตอนที่ 82 อ่อนแอ

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 82 อ่อนแอ

แม่ของหวังอาซิ่งยังคงชี้หน้าด่าเจียงป่าวชิงอยู่อย่างนั้น “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบกิริยาท่าทางของไอ้แก่ตระกูลเจียงสองคนนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาพูดก็ถูกต้องจริง ๆ  เจ้ามันเป็นไอ้ตัวซวย! ตัวหายนะ! ต่อไปอยู่ให้ห่างจากลูกสาวข้า ได้ยินหรือไม่ ?! อย่าให้ความหายนะของเจ้ามาแปดเปื้อนบุตรสาวข้าและทำให้นางกลับมาทำร้ายครอบครัวของเรา”

หวังอาซิ่งร้องไห้จนสั่นไปทั้งร่าง นางหายใจไม่ออกอยู่เล็กน้อย

แม่ของหวังอาซิ่งนั้น ลากหวังอาซิ่งที่กำลังร้องไห้และหายใจไม่ออกเดินจากไป…

สายลมพัดผ่าน เจียงป่าวชิงรู้สึกหนาวอย่างหนัก นางกอดเข่าและขดตัวอยู่อย่างนั้น  ห่างออกไปไม่ไกลนัก พวกเด็กผู้หญิงที่กำลังเล่นน้ำเมื่อสักครู่กำลังพูดคุยกันอยู่ตรงนั้น “โทษเราไม่ได้ นางไม่ระวังเองต่างหาก”

“ใช่! ใครใช้ให้นางไปเล่นกับเจ้าปัญญาอ่อนนั่นล่ะ”

“ก็แค่ผลักนางเบา ๆ เองไม่ใช่รึ ? ใครจะไปรู้ว่านางจะไม่ระวังและลื่นตกลงไปในแม่น้ำเช่นนั้น”

“ใช่ ๆ ๆ! เห็น ๆ กันอยู่ว่านางไม่ระวังตัวเอง พวกเราที่เล่นน้ำกันอยู่ยังไม่เป็นอะไรเลย”

“ใช่! เพียงแค่ต่อไปนางไม่เล่นกับเจ้าปัญญาอ่อนนั่น เราก็จะยอมเล่นกับนาง”

“ใช่ ๆ ๆ!”

……

เสียงนั้นถูกสายลมพัดผ่านมาทางนี้ เจียงป่าวชิงเปียกไปทั้งร่าง และนางก็รู้สึกหนาวมากเช่นกัน

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ไหล่ขวานี้ทำให้นางพยุงสติเอาไว้ได้

เจียงป่าวชิงลืมไปแล้วว่าตัวเองกลับมาที่บ้านได้อย่างไร เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ถอดเสื้อผ้าที่เปียกปอนนั้นออกและมุดเข้าไปในผ้าห่มทันที

ในผ้าห่มช่างอบอุ่นจริง ๆ…

เจียงป่าวชิงหยิบยาบำรุงเลือดหนึ่งเม็ดออกมาจากในถ้วยที่ตั้งอยู่บนตู้ตรงหัวเตียง จากนั้นก็ยัดมันเข้าไปและเคี้ยวราวกับเครื่องจักร

รสขมระเบิดในปากแทบจะทันที

นางผ่อนคลายตัวเองอยู่ในผ้าห่มสักพักใหญ่ ดีที่ความหนาวเย็นทั่วทั้งตัวมันค่อย ๆ หายไป นางจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อเตรียมไปเอายาที่บ้านข้าง ๆ

ไหล่ขวาของนางยังคงรู้สึกเจ็บมาก แต่ตอนนี้นางจำเป็นต้องดื่มยาเพื่อขับความเย็นออกเสียก่อน

เจียงป่าวชิงไปเคาะประตูบ้านข้าง ๆ  ครั้งนี้คนที่มาเปิดประตูยังคงเป็นฝูฉูเช่นเดิม เมื่อฝูฉูเห็นสภาพของเจียงป่าวชิง นางก็ตกตะลึงไปทันที

เส้นผมของเจียงป่าวชิงยังคงเปียกชื้นและแนบติดกับใบหน้า สภาพของนางก็ดูน่าอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง

เจียงป่าวชิงทักทายฝูฉู “ท่านชายของพี่ฝูฉูอยู่ไหม ?”

ฝูฉูดึงสติกลับมา “ยะ… อยู่ แม่นางเจียงมาหาท่านชายของข้า มีธุระอย่างนั้นรึ ?”

เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่ถามไปอย่างนั้นเอง ก็เหมือนกับคำทักทายคำว่า ‘กินอะไรมาหรือยัง’ ที่ไม่มีความหมายแฝงที่เป็นรูปธรรมจริง ๆ จัง ๆ”

เจียงป่าวชิงพูดไปด้วยและไม่ทำเหมือนว่าตนเองเป็นคนนอกไปด้วย นางเดินตรงไปที่ห้องยาทันที

ภายในห้องยาเงียบสงัด มีเพียงเสียงดึงลิ้นชักยาของเจียงป่าวชิงเท่านั้น นางหยิบเครื่องปรุงยาที่มีฤทธิ์ในการขับความหนาวและขับเหงื่อออกมาสองสามอย่าง จากนั้นก็หันกลับไปมองฝูฉูที่เดินตามหลังเข้ามาและพูดว่า “พี่ฝูฉู ข้าขอยืมใช้สถานที่ต้มยาหน่อยได้ไหมเจ้าคะ ?”

ฝูฉูเข้ามารับเครื่องปรุงยาในมือเจียงป่าวชิง “เอ่อ… ประเดี๋ยวข้าต้มยาให้แม่นางเจียงดีกว่านะ สภาพของเจ้าไม่ค่อยดีนัก เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาในช่วงบ่าย อย่างไรแม่นางเจียงก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกประเดี๋ยวข้าค่อยนำยาที่ต้มเสร็จแล้วไปส่งให้เจ้าเอง ดีไหม ?”

ต้องบอกเลยว่านี่เป็นคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ  ทว่าเมื่อฝูฉูถือยาเพื่อออกไปต้มยาแล้วนั้น เจียงป่าวชิงก็รู้สึกว่าหัวหนักเท้าเบาและล้มลงไปบนพื้นทันที

กงจี้ที่ได้ยินการเคลื่อนไหวจากห้องข้าง ๆ ลืมตาขึ้นทันที “ไป๋จี!”

“ข้าน้อยอยู่ขอรับ มีอะไรหรือขอรับ ?”

“เจ้าไปดูที่ห้องยาหน่อย”

เรื่องที่เจียงป่าวชิงเข้ามาหยิบยา คนที่หูไวตาไวอย่างพวกเขาได้ยินการเคลื่อนไหวตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

ไป๋จีรับคำสั่งกงจี้และไปดูที่ห้องยา เมื่อเขามาถึง เขาก็เห็นเจียงป่าวชิงนอนอยู่บนพื้นด้วยสภาพใบหน้าซีดเซียวและดวงตาที่ปิดสนิท ริมฝีปากของนางก็ดูสุดแสนจะไร้สีเลือดเช่นกัน

ไป๋จีรู้สึกลังเลใจ เขาอุ้มเจียงป่าวชิงและวางร่างนางลงบนพื้นที่ข้าง ๆ หน้าต่าง จากนั้นเขาถึงจะไปรายงานให้กงจี้ทราบ “แม่นางเจียงหมดสติครับคุณชายกง”

ตอนที่กงจี้มาดู เขาก็เห็นเจียงป่าวชิงที่กำลังสลบไม่ได้สติขดตัวกลมอยู่อย่างนั้น และกำลังพูดละเมออย่างคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “ข้าผิดอะไร… อืม… เจ็บไหล่… เหตุใดถึงได้เจ็บเพียงนี้… หยุดเจ็บได้แล้ว… หยุดเถอะ…”

กงจี้ไม่เคยเห็นเจียงป่าวชิงในสภาพแย่เช่นนี้มาก่อน  ตั้งแต่แรกเริ่ม นางเป็นเด็กผู้หญิงที่มีชีวิตชีวามาก แม้ว่าตอนหลังเขาจะใช้มีดสั้นแทงไหล่นางทะลุไป แต่นางยังคงแสร้งทำเป็นนิ่งและเจรจาเงื่อนไขกับเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว… นางดูเข้มแข็งแม้ร่างกายจะดูอ่อนแออยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยเห็นเจียงป่าวชิงอ่อนแอถึงเพียงนี้มาก่อนเลย

กงจี้ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น ?”

ไป๋จีติดตามกงจี้มานาน เขาจึงมีความรู้ทางด้านการแพทย์บ้างเล็กน้อย “นายท่านขอรับ ข้าวัดชีพจรแม่นางเจียงดูแล้วเมื่อสักครู่ แม่นางเจียงคงจะตกลงไปในน้ำ  ทำให้ความหนาวรุกรานเข้าไปในร่างกายนาง เดิมทีพื้นฐานร่างกายของนางก็ใช่ว่าจะดีอะไร… นางจึง…”

สีหน้าของกงจี้ไม่สู้ดีนัก “เจ้าไปหาฝูฉูแล้วให้นางนำยาที่ต้มเสร็จแล้วมาส่งที่นี่”

ไป๋จีทำมือคารวะและเดินออกไป

กงจี้นั่งมองเจียงป่าวชิงอยู่บนรถเข็นสักพัก จากนั้นเขาถึงจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แม้กระทั่งตัวเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่

ฝูฉูไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะเป็นลมหลังจากที่นางเดินออกมาแล้ว หลังจากได้รับแจ้งจากไป๋จีว่าทางนั้นกำลังรอยาที่ต้มเสร็จแล้ว นางก็รีบถือยาเข้าไปในห้องยาทันที จากนั้นนางก็ช่วยให้เจียงป่าวชิงที่กำลังสลบไม่ได้สติดื่มยาลงไป

……

ตอนที่เจียงป่าวชิงฟื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ สีท้องฟ้านอกหน้าต่างก็มืดลงเล็กน้อยแล้ว และในตอนที่ตื่นขึ้นมานี้ นางยังรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย

อาการวิงเวียนศีรษะกับอาการปวดที่ไหล่ยังคงอยู่ เจียงป่าวชิงตอบสนองอยู่เป็นเวลานานกว่าจะตระหนักได้ว่านางไม่ได้อยู่ในห้องของตัวเอง  นางค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ จากนั้นก็เห็นกงจี้ที่กำลังนั่งขมวดคิ้วมองนางอยู่บนรถเข็นที่อยู่ไม่ไกลออกไป

เห็นดังนั้น เจียงป่าวชิงก็ตื่นเต็มตาทันที นางยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่เล็กน้อย “ประเดี๋ยวก่อนนะ เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ?”

กงจี้มองนาง มีความเย้าหยอกผสมอยู่ในน้ำเสียงของเขา “ข้าต้องถามเจ้ามากกว่าว่าเหตุใดถึงได้มาหมดสติอยู่ที่นี่”

มาถึงตอนนี้เจียงป่าวชิงถึงจะจับต้นชนปลายได้ ทั่วร่างนางแข็งทื่อไปเล็กน้อย

ผ่านไปสักครู่ เจียงป่าวชิงถึงจะกระแอมไอออกมา รอยยิ้มบริสุทธ์ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าขาวซีดของนาง “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไรคุณชายกง เจ้าดูสิ ข้ารักษาพิษที่ขาให้เจ้า ส่วนเจ้าก็ช่วยข้ารักษาไข้หวัด ยุ… ยุติธรรมออกจะตายไป เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่ ?”

กงจี้ไม่ได้พูดอะไร แต่เขากลับมองเจียงป่าวชิงอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เจียงป่าวชิงถูกเขามองจนขนลุกอยู่ในใจ ‘หรือว่าชายผู้นี้คิดจะฆ่าข้าอีกแล้ว ?’ ในใจของเจียงป่าวชิงเหมือนมีอะไรมากระทบกันอยู่ข้างใน

เวลานี้ กงจี้เอ่ยถามอย่างช้า ๆ “เจ้ายังเจ็บไหล่อยู่หรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงลังเลอยู่สักครู่ แต่นางก็บอกไปตามความจริง “ข้าเจ็บมาก” จากนั้นนางก็ลอบบ่นในใจว่า ‘ตัวการสำคัญที่ทำให้ข้าเจ็บอย่างเจ้ายังมีหน้ามาถามอีกรึ ?’

กงจี้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด “แต่สีหน้าของเจ้าดูไม่เจ็บปวดเลย”

นางไม่เห็นเปราะบางเหมือนตอนที่กำลังสลบอยู่

“นั่นเป็นเพราะว่าจิตใจของข้าแข็งแกร่งมากอย่างไรเล่า” เจียงป่าวชิงไม่คิดอย่างนั้น ตอนนี้อาการหัวหนักเท้าเบาของนางดีขึ้นมากแล้ว และนางคิดว่าตนเองคงจะดื่มยาขับความเย็นไปแล้วด้วย

นางแกว่งไหล่เล็กน้อย จากนั้นก็เตรียมจะถอดเสื้อผ้าเพื่อฝังเข็มให้ตัวเอง ทว่าจู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าตรงหน้าของตนยังมีชายร่างใหญ่อีกคน …และชายคนนี้ยังเป็นไอ้โรคจิตป่าเถื่อนที่ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาอีกต่างหาก

เจียงป่าวชิงหยุดมือที่กำลังจะเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อผ้าพลางกระแอมไอเล็กน้อย “คุณชายกง ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า คือว่า… เจ้าออกไปก่อนได้หรือไม่ ?”

กงจี้สังเกตเจียงป่าวชิงและพูดอย่างเย้าหยอก “เด็กผมทองที่ขนยังขึ้นไม่ครบอย่างเจ้า กลัวอะไรรึ ?”

ถึงแม้ว่าเขาจะพูดเสียดสีเช่นนี้ แต่เขายังคงเรียกไป๋จีอยู่ดี “ไป๋จี”

ไป๋จีเดินเข้ามาจากด้านนอก จากนั้นเขาก็ทำความเคารพเจ้านายของเขาและเข็นรถเข็นออกไปในที่สุด

ไม่นาน คนที่เข้ามาอีกก็คือฝูฉู นางถอนสายบัวให้เจียงป่าวชิงที่กำลังแกะกระดุมด้วยมือข้างเดียว “ท่านชายให้ข้ามาช่วยแม่นางเจียง”

เจียงป่าวชิงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น