ตอนที่ 83 ทั้งหมดนี้คือกรรมตามสนอง

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 83 ทั้งหมดนี้คือกรรมตามสนอง

ภายใต้การช่วยเหลือของฝูฉู ในที่สุดเจียงป่าวชิงก็สามารถถอดเสื้อผ้าออกได้อย่างง่ายดาย เผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่โหดร้ายตรงไหล่ขวาของนาง ตอนนี้รอยแผลเป็นฉีกขาดไปเสียแล้ว ส่วนเนื้ออ่อนตรงบาดแผลก็แช่น้ำเย็นจนขาวซีดแล้วเช่นกัน

ฝูฉูเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาให้เห็น

เจียงป่าวชิงมองนางพร้อมกับบอกนางไปด้วย “นี่เป็นแผลที่ท่านชายของพี่แทงข้าด้วยมีดสั้น…”

ฝูฉูพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าอย่างนั้นแม่นางเจียง เจ้าคงจะทำเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านชายไม่ชอบใจอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงล้มเลิกการสนทนาทันที นางถือเข็มด้วยมือซ้ายและปักลงไปบนจุดฝังเข็มบนไหล่ขวาอย่างชำนาญ นี่เป็นครั้งแรกที่ฝูฉูเห็นเจียงป่าวชิงแสดงฝีมือนี้ นางเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงและพูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วขณะ

“นี่… นี่คือ…” ฝูฉูพึมพำ

เจียงป่าวชิงบอกอีกครั้ง “นี่เรียกว่าการฝังเข็ม มันเป็นหัวใจสำคัญที่จะสามารถทำให้ท่านชายของพี่กลับมาแข็งแรงเป็นปกติได้อีกครั้ง”

ฝูฉูตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ความเจ็บที่ไหล่ขวาบรรเทาลงเพราะการฝังเข็ม จากนั้นเจียงป่าวชิงก็สามารถรวบรวมสมาธิได้ในที่สุดและหันไปถามฝูฉู “พี่ฝูฉู พี่จำเครื่องปรุงยาได้ไหม ?”

ฝูฉูพยักหน้า “อยู่กับท่านชายต้องทำเรื่องพวกนี้เป็น ข้าจำได้”

ดีมาก!

ได้ยินอีกฝ่ายตอบมาเช่นนั้น เจียงป่าวชิงก็ไม่เกรงใจฝูฉูอีกต่อไป นางสั่งให้ฝูฉูไปหยิบยาและให้นางช่วยบดเครื่องปรุงยาให้เป็นผงด้วยเช่นกัน หลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว เจียงป่าวชิงก็ทามันลงบนบาดแผลที่ฉีกขาดตรงไหล่ขวา

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจียงป่าวชิงถึงจะถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก

แขนข้างนี้เกือบใช้การไม่ได้แล้วสิ …ช่างน่าหวาดเสียวจริง ๆ

ฝูฉูเห็นเจียงป่าวชิงสวมชุดกลับเข้าที่อีกครั้ง นางก็อดที่จะพูดถามอย่างเสียไม่ได้ “แม่นางเจียง การรักษาของวันนี้…”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “พี่ฝูฉูไม่ต้องห่วง รบกวนพี่ช่วยไปเชิญท่านชายของพี่มาที่นี่หน่อยนะเจ้าคะ ข้าจะเริ่มการรักษาเขาแล้ว”

เนื่องจากอาการเจ็บบาดแผลตรงไหล่ขวาของเจียงป่าวชิงกลับมากำเริบอีกครั้ง วันนี้ตอนที่นวดจุดฝังเข็ม เจียงป่าวชิงจึงนวดได้ด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว  ดังนั้น เวลาในการแช่เท้าจึงยาวนานขึ้น

เจียงป่าวชิงมองซ้ายมองขวา นางถือโอกาสตอนที่ฝูฉูกับไป๋จีไม่สนใจ ขยับเข้าไปพูดกับกงจี้ใกล้ ๆ “เจ้าดูสิ หากว่าตอนนั้นเจ้าไม่แทงไหล่ข้าจนได้แผล ตอนนี้เจ้าก็คงจะไม่ต้องเจ็บปวดเพิ่ม เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าทั้งหมดนี้คือกรรมตามสนอง ? หลังจากนี้… กรุณาทำเรื่องดี ๆ ในยามปกติและอย่าโหดร้ายขนาดนั้นอีกนะ”

กงจี้หรี่ตาลงเล็กน้อยและกดเสียงพูดให้ต่ำลง “เจียงป่าวชิง เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าอย่างนั้นรึ ?”

เจียงป่าวชิงรีบก้มหน้าลงและทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทแล้ว

เจียงป่าวชิงกลับมาที่บ้านของตัวเองได้ไม่นาน ฝูฉูก็ถือกล่องอาหารมาที่นี่ “แม่นางเจียง ท่านชายสั่งให้ข้านำอาหารเหล่านี้มาให้เจ้า”

ฝูฉูเปิดกล่องอาหารและนำอาหารในกล่องไปจัดวางบนโต๊ะของเจียงป่าวชิง  โจ๊กรสอ่อน ๆ พร้อมเครื่องเคียงสี่จานและผลไม้หนึ่งจาน นี่ช่างเหมาะสำหรับคนป่วยที่ร่างกายอ่อนแอเช่นเจียงป่าวชิงเสียจริงเชียว

อารมณ์ของเจียงป่าวชิงดีขึ้นมาทันตาเห็น นางโบกมือให้ฝูฉูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณมากนะเจ้าคะพี่ฝูฉู และฝากพี่ช่วยข้าขอบคุณท่านชายของพี่ด้วย”

เมื่อฝูฉูถือกล่องอาหารกลับไป เจียงป่าวชิงก็จุดตะเกียงน้ำมันในห้องและกินอาหารมื้อนี้อย่างเงียบ ๆ นางฮัมเพลง จากนั้นก็ไปต้มหมี่ข้าวโพดให้เจ้าหมาสองตัวที่กำลังส่งเสียงร้องเพราะหิวโหย ตอนที่นางเห็นเจ้าหมาทั้งสองตัวกินอาหารอย่างมีความสุข นางถึงจะกลับไปที่ห้องเพื่อล้างหน้าบ้วนปากและพักผ่อน

วันเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ชีวิตของเจียงป่าวชิงทั้งเรียบง่ายและเป็นระเบียบ ตื่นมาทุกเช้า นางก็จะออกกำลังกาย ทำสวนผักอยู่ในลานบ้าน เลี้ยงผักและให้อาหารเจ้าหมาทั้งสองตัว ตอนนี้เนื้อบนใบหน้าของนางก็มีมากกว่าเดิมและไม่ผอมจนเห็นกระดูกเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้ว

ไม่นานก็มาถึงวันเลิกเรียนของโรงเรียนในอำเภอ

เจียงป่าวชิงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปหาพวกคนที่ปลูกผักในหมู่บ้าน นางยัดทองแดงใส่มือพวกเขาและเด็ดผักสดมานิดหน่อย จากนั้นก็ไปซื้อเนื้อกับคนที่ทำอาชีพเชือดสัตว์

เตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เหลือเพียงแค่รอเจียงหยุนชานกลับมา แต่ทว่ารอจนถึงตอนเที่ยงก็แล้ว เจียงหยุนชานก็ยังไม่กลับมาสักที

เจียงป่าวชิงค่อนข้างนั่งไม่ติดแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในความทรงจำมาก่อน นางเป็นห่วงพี่ชายจนไม่มีแก่ใจจะทำอาหารแล้ว นางทำเพียงในส่วนของเจ้าหมาทั้งสองตัว เสร็จแล้วก็ไปรักษาขาให้กงจี้ที่บ้านข้าง ๆ

ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะลงมือโดยไม่ได้ผิดพลาดอะไร แต่กงจี้ยังคงพบว่าเจียงป่าวชิงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ดี เขาอดทนแล้วอดทนอีก ตอนที่เจียงป่าวชิงกำลังจะกลับและนางเกือบเดินชนประตู ในที่สุดกงจี้ก็ทนไม่ไหว เขาถามขึ้น “เจ้าเป็นอะไรรึ ? เจียงป่าวชิง วันนี้เจ้าไม่พกสมองมารึ ?”

เจียงป่าวชิงเบ้ปาก “พี่ชายของข้ายังไม่กลับมาบ้าน วันนี้ที่จริงแล้วเขาควรกลับมาได้แล้ว”

กงจี้ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “แล้วอย่างไรต่อ ?”

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นนางก็ตัดสินใจได้ “ข้าจะไปในอำเภอ”

เจียงป่าวชิงเป็นพวกคิดแล้วต้องลงมือทำเลย เมื่อนางตัดสินใจได้แล้วก็ดึงสติกลับมา จากนั้นก็จับแขนของกงจี้เพื่อวัดชีพจรให้เขา สุดท้ายก็พยักหน้าเบา ๆ “คุณชายกง ช่วงนี้ชีพจรของเจ้าค่อนข้างคงที่และแน่นอนร่างกายเจ้ายับยั้งสารพิษได้ประมาณหนึ่งแล้ว ข้าจะจ่ายยาที่ใช้ในการแช่เท้าของวันพรุ่งนี้ให้เจ้าก่อน เพราะข้ากลัวว่าจะกลับมาไม่ทันในช่วงบ่ายของวันพรุ่ง”

กงจี้ไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าของเขากลับไม่ค่อยสู้ดีนัก

ฝูฉูที่อยู่ด้านข้างลังเลอยู่เล็กน้อย “แม่นางเจียง ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกว่าใบสั่งยาประจำวันจะต้องพิจารณาตามสภาพชีพจรในวันนั้นไม่ใช่รึ ? ถ้าหากว่าตอนนี้เจ้าจ่ายยาสำหรับวันพรุ่งนี้ แล้วจะมีผลเสียต่อร่างกายของท่านชายหรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงมองฝูฉูเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายอย่างอดทน “ไม่มีผลเสียอย่างแน่นอน ช่วงนี้อาการของคุณชายกงคงที่มาก ส่วนเรื่องยา โดยทั่วไปแล้วมันจะเพิ่มและลดจากใบสั่งยาอันเดียวกัน ซึ่งมันจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ”

ฝูฉูยังคงพูดอย่างแน่วแน่ “ถ้าถึงวันพรุ่งนี้แล้วชีพจรของท่านชายของเรามีการเปลี่ยนแปลงล่ะ ?”

ตอนนี้เจียงป่าวชิงกำลังร้อนใจมาก เมื่อได้ฟังฝูฉูที่ยังคงเถียงกับนางอยู่ในขณะนี้ ไฟโกรธในใจก็ลุกโชนขึ้นทันที  นางพยายามระงับไฟโกรธในใจลง จากนั้นก็พูดเน้นทุกคำ “ข้าเป็นหมอ ชีพจรของท่านชายของพี่ข้ารู้ดีที่สุดพี่ฝูฉู! หากว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อเขา ข้าคงไม่พูดคำพูดเหล่านี้อย่างไร้ความรับผิดชอบหรอก!”

ฝูฉูไม่เคยเห็นเจียงป่าวชิงโกรธเช่นนี้มาก่อน ในภาพความประทับใจของนาง เจียงป่าวชิงมักจะยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฝูฉูเห็นว่าในดวงตาของเจียงป่าวชิงแทบจะพ่นไฟออกมาได้

ฝูฉูไม่ได้พูดอะไร

เจียงป่าวชิงรู้ว่าตัวเองยั้งสติไม่อยู่จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ จากนั้นน้ำเสียงของนางก็กลับมาเป็นปกติ “นี่เป็นวันเลิกเรียนของโรงเรียน หากว่าพี่ชายของข้ากลับมาไม่ได้ เขาจะให้คนมาบอกข้าล่วงหน้า แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้กลับมาและไม่มีใครมาบอกอะไร ข้าจึงรู้สึกว่ามันผิดปกติเกินไป หากข้าไม่ได้ไปดูเขาที่ในอำเภอ ข้าก็คงจะไม่หมดห่วง”

นางมองกงจี้เล็กน้อย จากนั้นก็พูดอย่างจริงใจ “คุณชายกงไม่ต้องห่วง ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ถ้าข้ากลับมาไม่ทัน เจ้าก็แช่เท้าตามใบสั่งยาที่ข้าจ่ายให้ล่วงหน้าและแช่นานกว่าปกติประมาณหนึ่งก้านธูป เพียงเท่านี้ก็จะไม่ทำให้ล่าช้าแล้ว ส่วนยากินก็เหมือนกับคืนนี้เลย”

ชี้แจงเสร็จ เจียงป่าวชิงก็โค้งตัวให้กงจี้เล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มสั่งให้ไป๋จีไปหยิบยา

ไป๋จีมองกงจี้ด้วยความลังเล ถึงแม้ว่าสีหน้าของนายท่านของเขาจะไม่สู้ดีนัก แต่นายท่านของเขากลับไม่ได้คัดค้านอะไร ไป๋จีจึงเข้าใจมากขึ้น  เขาก้าวขึ้นไปด้านหน้าเพื่อฟังคำสั่งของเจียงป่าวชิงและหยิบเครื่องปรุงยาออกมาชั่ง ชั่งเสร็จก็นำกลับไปวางไว้ตามเดิม

เจียงป่าวชิงตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นนางก็พยักหน้าและวางห่อยาไว้อีกฝั่ง “นี่คือยาที่ต้องใช้ในการแช่เท้าของวันพรุ่งนี้… ยากินของคืนวันพรุ่งก็เหมือนกับของคืนนี้ เจ้าจำได้หรือไม่ ? ต้องการให้ข้าทวนให้ฟังอีกรอบหรือเปล่า ?”

ไป๋จีโบกมือไปมา “แม่นางเจียง ข้าจำได้หมดแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง”

สุดท้าย เจียงป่าวชิงก็มองไปที่กงจี้ด้วยความลังเล ทว่ากงจี้หลับตาลงโดยที่ไม่สนใจนาง

เจียงป่าวชิงเห็นสีหน้าของเขาเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่นางก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวจึงเลือกที่จะหมุนตัวและเดินจากไป

หลังจากที่เจียงป่าวชิงกลับไปแล้ว กงจี้ก็ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูไม่ค่อยดีเลย เขาเอ่ยขึ้น “แม่นางเจียงป่าวชิงผู้นี้…”

ไป๋จีส่งเสียงอุทานเล็กน้อย “นายท่าน แม่นางเจียงทำไมหรือขอรับ ?”

กงจี้ทำหน้าสีหน้าเคร่งขรึมแต่ไม่ยอมพูดอะไร