ตอนที่ 79 ศูนย์พักพิงสัตว์นางฟ้า / ตอนที่ 80 โลกใบใหม่

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 79 ศูนย์พักพิงสัตว์นางฟ้า

 

 

หลังจากที่ได้รับซองอั่งเปาในแอปฯ จากเผยอวี่ถัง หลินเยียนก็อารมณ์ดีขึ้น

 

 

แต่ความสุขนั้นอยู่กับเธอไม่นาน

 

 

เพราะผู้จัดการส่วนตัว จ้าวหงหลิง เพิ่งส่งบทสัมภาษณ์ของหลินซูหย่าและหลินเยว่ทงให้เธอ

 

 

ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ที่คฤหาสน์สุดหรูของหลินเยว่ทง

 

 

หลินซูหย่าสวมชุดตัวยาวสีขาวที่สวยสง่า เธอนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะในระหว่างการสัมภาษณ์

 

 

ส่วนผู้เป็นพ่อคอยจ้องมองเธอจากอีกมุมหนึ่งอย่างรักใคร่เอ็นดู

 

 

นักข่าวถามว่า “คุณซูหย่า คุณได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงหญิงเบอร์หนึ่งของไทรอัมพ์ เอนเตอร์เทนเมนต์ และยังได้รับฉายาว่าเป็นนางฟ้าของวงการบันเทิงอีกด้วย คงผ่านอะไรมามากมายเลยใช่ไหมคะกว่าจะถึงจุดนี้”

 

 

หลินซูหย่าตอบ “แน่นอนค่ะว่าต้องผ่านความยากลำบากระหว่างทางมามากมาย แต่ฉันเลือกเก็บเฉพาะเรื่องราวที่ดีเพื่อนำไปช่วยเหลือคนอื่นที่ต้องการเช่นเดียวกันค่ะ”

 

 

หลินเยียนเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

 

เธอผ่านความยากลำบากมามากมาย?

 

 

หลินเยียนต่างหากที่เป็นคนยินดีแลกที่กับหลินซูหย่าเพื่อให้น้องได้อยู่กับพ่อและมีชีวิตที่ดี

 

 

แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต เธอและแม่ก็ไม่เคยปล่อยให้น้องต้องทนทุกข์เลยแม้แต่น้อย และเมื่อเวลาผ่านไป หลินซูหย่าก็ยังมีหันอี้เซวียน หลินเยว่ทง และบรรดาแฟนๆ คอยประคบประหงมเธออยู่

 

 

ชีวิตของเธอโรยด้วยกลีบกุหลาบมาตลอด แล้วเธอพูดถึงเรื่องความลำบากอะไรกัน?

 

 

นักข่าวถามต่อ “จริงสิ ซูหย่า ได้ยินมาว่าคุณมีพี่สาว”

 

 

หลินเยว่ทงปิดปากสื่อไม่ให้แพร่งพรายเรื่องที่หลินเยียนคือลูกสาวของเขา และแม้ว่าหลินเยียนจะถูกหยามเกียรติเช่นนี้ แต่โดยนิสัยแล้ว เธอเองก็ไม่ใช่คนปากโป้งเช่นกัน

 

 

ดังนั้น แม้ว่านักข่าวจะรู้เรื่องที่หลินเยว่ทงมีลูกสาวอีกคน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นหลินเยียน

 

 

 

 

หลินซูหย่าหน้าถอดสีเล็กน้อยและมีท่าทีลำบากใจ “ค่ะ พี่สาวของฉันออกจากโรงเรียนแล้วออกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศแทนที่จะกลับบ้าน ขนาดตอนที่แม่ฉันล้มป่วยเธอยังไม่กลับมาเยี่ยมด้วยซ้ำ ทันทีที่เธอกลับมาเหยียบบ้าน…เธอก็แบมือขอเงินจากเรา…”

 

 

แม้ว่าหลินเยียนจะคุ้นเคยกับมารยาของหลินซูหย่าดี แต่เธอก็อดชื่นชมในความสามารถของผู้เป็นน้องไม่ได้

 

 

เมื่อครั้งที่แม่ล้มป่วย หลินเยียนถึงขนาดยอมถอนตัวจากการแข่งครั้งสำคัญแล้วตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อดูแลแม่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่หลินซูหย่าเลือกไปออกทริปท่องเที่ยวกับบรรดาเพื่อนร่วมชั้นแทน

 

 

อันที่จริง คนที่แบมือขอเงินมาตลอดคือหลินซูหย่า เธอใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่เสมอโดยใช้เรื่องเรียนเป็นข้ออ้าง ถึงกระนั้น เธอยังมีหน้าไปบอกหลินเยว่ทงว่าเธอทำงานพาร์ทไทม์และใช้เงินอย่างประหยัด

 

 

“ตายแล้ว! พี่สาวคุณนี่แย่จริงๆ! เธอร้ายมาก!”

 

 

นักข่าวพากันหน้าซีดเผือดและแสดงอาการขุ่นเคืองแทนหลินซูหย่าเมื่อได้ยินเรื่องเล่า

 

 

นักข่าวคนหนึ่งถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์พักพิงสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองใช่ไหมคะ”

 

 

หลินซูหย่ายิ้มอย่างถ่อมตัว “ค่ะ ฉันชอบสัตว์ตัวเล็กๆ”

 

 

“ว้าว คุณซูหย่าก่อตั้งศูนย์พักพิงสัตว์ด้วยเหรอคะ?” นักข่าวคนหนึ่งอุทาน

 

 

หลินเยว่ทงพูดแทรกอย่างภาคภูมิใจ “ใช่แล้ว ซูหย่าก็บอกเองนี่ เธอเป็นคนก่อตั้ง ‘ศูนย์พักพิงสัตว์นางฟ้า’ ไงล่ะครับ”

 

 

ทุกคนแสดงอาการประหลาดใจเมื่อได้รู้ข่าวใหม่ ศูนย์พักพิงสัตว์นางฟ้าเป็นมูลนิธิที่โด่งดังและมีอิทธิพลกว้างขวาง แต่ชื่อของผู้ก่อตั้งกลับไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร และเจ้าตัวก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์เลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

และความจริงก็ปรากฏว่าผู้ก่อตั้งคือหลินซูหย่า!

 

 

หลินเยียนรู้สึกตลกและอารมณ์เสียในเวลาเดียวกัน

 

 

ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองใช้เวลาหลายปีในการก่อตั้งศูนย์พักพิงสัตว์นางฟ้า แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นความดีความชอบของหลินซูหย่า?

 

 

หลินซูหย่าเกลียดสัตว์เล็ก และทุกครั้งที่หลินเยียนขอความช่วยเหลือจากน้องสาว เธอมักจะขอเสื้อผ้าหรือกระเป๋าเป็นการแลกเปลี่ยนเสมอ

 

 

และท้ายที่สุด หลินซูหย่าก็ฮุบเอาผลงานที่หลินเยียนลงแรงสร้างขึ้นไปจนหมดเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีงามของเธอ

 

 

หลินเยียนหยุดดูการสัมภาษณ์นั้นแล้วส่งข้อความหาจ้าวหงหลิง

 

 

‘นครในสายหมอกยามอาทิตย์อัสดง’ : [ดูจบแล้วค่ะ พี่ส่งมาให้ฉันทำไม]

 

 

‘จ้าวหงหลิง’ : [ฉันอยากให้เรียนรู้จากหล่อนหน่อยน่ะ เนี่ยคือวิธีสร้างภาพพจน์ให้ดูดี]

 

 

‘นครในสายหมอกยามอาทิตย์อัสดง’ : [พี่แน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังยั่วโมโหฉัน?]

 

 

‘จ้าวหงหลิง’ : [นี่เปลี่ยนชื่อกับรูปโปรไฟล์แล้วเหรอ ดีมาก หายากนะที่เธอจะว่าง่ายแบบนี้]

 

 

‘นครในสายหมอกยามอาทิตย์อัสดง’ : […]

 

 

หลินเยียนนึกไม่ออกเลยว่าจ้าวหงหลิงจะทำหน้าอย่างไรถ้าได้รู้สาเหตุที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนรูปโปรไฟล์…

 

 

 

 

ตอนที่ 80 โลกใบใหม่

 

 

หลินเยียนตัดสินใจโทรหาจ้าวหงหลิงในที่สุด

 

 

นับตั้งแต่วันที่จ้าวหงหลิงติดต่อเธออีกครั้ง หญิงสาวก็เชื่อมั่นในตัวผู้จัดการและไว้ใจให้เธอประสานงานกับกองถ่าย

 

 

หลินเยียนถาม “พี่หลิง การถ่ายทำจะเริ่มวันไหน เขากำหนดวันกันหรือยัง”

 

 

หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเธอจะมีเวลาว่างมากพอที่จะช่วยทีมแข่งรถของคุณตาหรือเปล่า

 

 

จ้าวหงหลิงตอบกลับมาว่า “พรุ่งนี้ก็มาออฟฟิศสิ มาคุยกันต่อหน้าดีกว่า”

 

 

หลินเยียนพยักหน้า “ได้ค่ะ”

 

 

จ้าวหงหลิงพูดต่อ “อย่าลืมปลอมตัวให้ดีด้วย พวกแฟนคลับน่าจะเดือดจัดจนพร้อมซุ่มโจมตีเธออยู่”

 

 

หลินเยียนตอบ “โอ้…”

 

 

ในขณะที่ดาราคนอื่นๆ มักได้เห็นแฟนๆ ยืนถือป้ายและของขวัญรอศิลปินผู้เป็นที่รักอยู่ที่หน้าบริษัทเสมอ

 

 

แต่หลินเยียนไม่เคยมีกลุ่มแฟนคลับอะไรแบบนั้นนับตั้งแต่เริ่มเป็นดารา เท่าที่เธอเคยเห็นคือกลุ่มคนที่รอเธอพร้อมถืออาวุธ ไข่เน่า และผักเ**่ยวๆ ไว้ในมือ…

 

 

เรียกได้ว่าเป็นการต้อนรับขับสู้ที่มีเอกลักษณ์เป็นอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงเลยทีเดียว

 

 

ช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อนและแต่ละเรื่องก็ชวนปวดหัวไม่แพ้กัน ถ้าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับหลินเยียนเมื่อตอนที่เธอตัดสินใจกลับบ้าน เธอคงสติแตกและยอมยกธงขาวไปแล้ว

 

 

เมื่อครั้งที่เธอถูกแบนจากการแข่งขัน เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้น

 

 

สาเหตุที่ทำให้หลินเยียนยอมให้หลินซูหย่าบงการชีวิตและไม่ทันได้นึกถึงการทรยศของหลินซูหย่าและหันอี้เซวียนนั้นเป็นเพราะจิตใจและสติของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

 

ถ้าโลกของเธอพังทลายอีกรอบในคราวนี้ เธอก็แค่สร้างโลกใหม่ขึ้นมา!

 

 

ต่อให้อนาคตข้างหน้าจะดูมืดมัว แต่หลินเยียนจะไม่หวาดหวั่นตราบใดที่จิตใจของเธอแน่วแน่

 

 

 

 

วันรุ่งขึ้นที่สตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์…

 

 

หลินเยียนรีบเดินทางมาที่บริษัทโดยทำตามคำสั่งของจ้าวหงหลิงทุกอย่าง

 

 

แม้ว่าบริษัทสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์จะไม่ได้ใหญ่โตแต่ก็บริหารงานได้คืบหน้าอย่างมั่นคง หลังจากที่จ้าวหงหลิงเคยปั้นดาราให้ดังเป็นพลุแตกได้คนหนึ่ง บริษัทจึงมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง

 

 

หลินเยียนจำคำเตือนของจ้าวหงหลิงได้เป็นอย่างดี เธอจึงเตรียมพร้อมด้วยการสวมผ้าปิดปากและแว่นกันแดดขนาดใหญ่ก่อนออกจากบ้าน

 

 

และคำเตือนนั้นเป็นจริง เมื่อหลินเยียนมาถึงที่บริษัท เธอก็เห็นกองทัพแฟนคลับจำนวนมหาศาลก็กำลังรออยู่อย่างเป็นระเบียบที่ด้านนอก

 

 

ถ้าเปรียบเทียบกับข่าวฉาวเมื่อคราวก่อนแล้ว ‘กองทัพ’ รอบนี้ใหญ่กว่าคราวนั้นถึงสิบเท่าได้

 

 

จำนวนแอนตี้แฟนของหลินเยียนในตอนนี้น่าจะมากกว่าแฟนคลับของดาราทุกคนในบริษัทรวมกันเสียอีก

 

 

หลินเยียนเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีป้ายประท้วงติดมือมาด้วย…

 

 

บนป้ายนั้นมีข้อความที่อ่านออกได้อย่างชัดเจนว่า ‘หลินเยียน ออกจากวงการไปซะ’ และ ‘หลินเยียน นังคนแพศยา นังหน้าด้านบ้องตื้น’

 

 

หลินเยียนรู้สึกประทับใจและภาคภูมิใจที่กองทัพแอนตี้แฟนจำนวนมหาศาลมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมาก เธอคร่ำครวญกับตัวเองเงียบๆ ก่อนแอบย่องเข้าสู่ภายในอาคารผ่านทางประตูด้านข้าง

 

 

พนักงานหลายคนตกใจที่เห็นเธอแต่ไม่ลืมแสดงสีหน้าจงเกลียดจงชัง พวกเขาเริ่มกระซิบกระซาบและนินทาหลินเยียนในทันทีทันใด

 

 

“นั่นหลินเยียนใช่มั้ย? ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้? นี่กล้าออกจากบ้านด้วยเหรอ?”

 

 

“ก็ยัยนี่มันหน้าด้านแบบนี้แหละ ชอบใช้มารยาว่าตัวเองอ่อนแอบอบบาง หารู้ไม่ว่าเจ้าเล่ห์ซะไม่มี”

 

 

“ไม่รู้ว่ายังเป็นดาราของบริษัทเราอยู่ได้ยังไง ฉันล่ะอายจริงๆ ถ้าต้องบอกใครต่อใครว่าทำงานอยู่ที่เดียวกับหล่อน!”

 

 

หลินเยียนเมินทุกคำครหา เธอมีภูมิคุ้มกันคำนินทาว่าร้ายแล้ว

 

 

ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเอง เธอสังเกตเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินสวนมา นั่นคือ ตัวตัว ผู้ช่วยของจ้าวหงหลิงนั่นเอง

 

 

หลินเยียนรีบคว้ามือเธอเอาไว้ “ตัวตัว…”

 

 

ตัวตัวปิดปากอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นหลินเยียน “พี่เยียน! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้? สุดยอดเลย! รอดตายจนมาถึงที่นี่ได้ยังไงเนี่ย?”