ตอนที่ 81 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว / ตอนที่ 82 ดารายอดนิยม

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 81 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว

 

 

มุมปากของหลินเยียนกระตุกเล็กน้อย “ขอบคุณที่ชม ฉันว่าฉันคงเป็นที่รักน่าดูชม”

 

 

ตัวตัวมองผมยาวกระเซอะกระเซิงของหลินเยียนที่ดูราวกับถุงกระสอบสีดำแล้วพลันเข้าใจในทันทีว่าทำไมจึงไม่มีใครรู้ว่านี่คือหลินเยียน “ถึงจะไม่แต่งหน้าหรือแต่งตัวดีๆ แต่อย่างน้อยก็น่าจะสระผมหน่อยนะ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ได้ไง ไหนล่ะภาพพจน์ที่สั่งสมมา พังหมดแล้วเนี่ย!”

 

 

แต่เอาเข้าจริง เมื่อเทียบกับตอนที่แต่งหน้าหนาเตอะจนขาวซีดเหมือนกระดาษแล้ว หลินเยียนในเวลานี้ดูดีกว่ามาก

 

 

มุมปากของหลินเยียนกระตุกอีกครั้ง เธอมีภาพพจน์ดีๆ กับเขาด้วยหรือไง

 

 

แม้ว่าเธอจะถูกวางบทไว้ให้เป็นหญิงสาวบอบบาง บริสุทธิ์และไร้เดียงสา และหากเธอสามารถรักษาภาพลักษณ์เช่นนี้ไว้ได้ เธอคงได้รับความรักจนเป็นสมบัติของชาติเหมือนหลินซูหย่า

 

 

แต่หากภาพพจน์นั้นพัง…เธอจะถูกทุกคนประณามและเกลียดชัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่หญิงสาวด้วยกันเอง และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลินเยียนที่ทุกคนมองว่าเธอเจ้าเล่ห์และเป็นจอมวางแผน

 

 

หลินซูหย่าเป็นคนดูแลบัญชีเว่ยป๋อของหลินเยียน และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเป็นคนโพสต์ว่าหลินเยียนเผลอทำนิ้วของตัวเองบาดเจ็บ

 

 

แต่แผลนั้นเล็กจนแทบจะมองไม่เห็นและน่าจะหายได้เองในแค่นาทีเดียวด้วยซ้ำ

 

 

ถ้าไม่นับการมีเอี่ยวกับข่าวฉาวเพื่อสร้างชื่อเสียงแล้ว โพสต์เว่ยป๋อโพสต์นี้คือหนึ่งในเรื่องน่าอับอายที่สุดของหลินเยียน

 

 

ดังนั้น หลินเยียนจึงคิดหนักเกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ตัวเอง และตอนนี้เธอก็มีแผนแล้ว

 

 

“ตัวตัวที่รัก เธอไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นความตายของฉันนักหรอก นั่นมันหน้าที่พวกแอนตี้แฟน”

 

 

หลินเยียนกลอกตาใส่ตัวตัวก่อนถามว่า “พี่หลิงอยู่ไหน”

 

 

ตัวตัวดูขึงขังและหงุดหงิดในขณะที่เธอเรียกให้หลินเยียนเดินตาม จากนั้นเธอก็กระซิบเบาๆ “พี่หลิงอยู่ในออฟฟิศ น่าจะอารมณ์ไม่ดี”

 

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

 

ตัวตัวรีบตอบ “เรื่องใหญ่เลยล่ะ! เจี่ยงซือเฟยหนีไปอยู่กับบริษัทอื่นแล้ว!”

 

 

หลินเยียนตกใจมากเมื่อได้ยินข่าวใหญ่จากตัวตัว “เจี่ยงซือเฟยไปอยู่กับบริษัทอื่น? เป็นไปได้ไง เธอเป็นดาราที่พี่หลิงไว้ใจที่สุดไม่ใช่เหรอ”

 

 

ถ้าเปรียบหลินเยียนเป็นเหมือนรอยด่างดำในหน้าที่การงานของจ้าวหงหลิงแล้ว เจี่ยงซือเฟยคือความภาคภูมิใจของเธอ

 

 

ตัวตัวแสดงท่าทีหดหู่ใจ “ใช่สิ พี่หลิงปั้นหล่อนมากับมือจากคนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยจนได้เป็นดาราดังขนาดนั้น พี่หลิงทุ่มเทกับหล่อนมากเพราะเห็นว่ามีแววเป็นดาราระดับท็อปได้ แต่สุดท้ายก็ดันมาทิ้งระเบิดลูกโตไว้ให้เราแถมบอกว่าจะขอออกจากบริษัทในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ หล่อนสละเรือไปแล้ว…”

 

 

หลินเยียนรู้สึกสงสัย “เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย”

 

 

ตัวตัวถอนหายใจเสียงดัง “ไม่รู้ก็ไม่แปลหรอก เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อเช้านี้เอง ไม่มีใครคาดคิดด้วยว่าจะเป็นแบบนี้ หล่อนมีปากเสียงกับพี่หลิงเป็นอย่างแรกเลยในตอนเช้า แล้วก็ฮึดฮัดออกไปในทันที!”

 

 

หลินเยียนครุ่นคิดก่อนพูดช้าๆ “สัญญาของเธอยังไม่หมดอายุไม่ใช่เหรอ ค่าปรับก็น่าจะเยอะอยู่ คงไม่มีบริษัทไหนกล้าจ่ายเงินก้อนโตขนาดนั้นแน่…”

 

 

ซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์, วิคตอรี่ เอนเตอร์เทนเมนต์, สเพลนดิท โปรดักชัน, สตอร์มี่ อีร่า, เฮาส์ออฟมิลเลี่ยน มีเดีย…

 

 

ถ้าจะไล่เลียงตามบริษัทในวงการบันเทิง ซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์ถือเป็นบริษัทที่เข้มงวดและคัดเฉพาะนักแสดงระดับท็อปเท่านั้น ดังนั้น เจี่ยงซือเฟยก็ไม่น่ามีคุณสมบัติเพียงพอ

 

 

ด้านวิคตอรี่ เอนเตอร์เทนเมนต์เองก็พยายามเดินตามรอยซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์ด้วยการคัดเลือกนักแสดงอย่างเคร่งครัดมากขึ้น ส่วนสตอร์มี่ อีร่าก็โปรโมตเฉพาะนักแสดงในสังกัดเท่านั้น ในขณะที่สเพลนดิท โปรดักชั่นเองก็มีปัญหาด้านการเงินอยู่ในตอนนี้

 

 

“เหลือแค่เฮาส์ออฟมิลเลี่ยน มีเดียที่เป็นบริษัทลูกของวิคตอรี่ เอนเตอร์เทนเมนต์แล้วล่ะ พักหลังมานี้บริษัทโตเร็วมากเลย”

 

 

ตัวตัวรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “พี่เยียน! เดาได้ถูกเผง! เฮาส์ออฟมิลเลียน มีเดียจริงๆ ค่ะ บริษัทนี้พยายามดึงดาราหลายคนเลยในช่วงนี้!”

 

 

“ฉันล่ะเกลียดมันจริงๆ แทนที่จะปั้นดาราของตัวเองแต่กลับใช้วิธีฉกดาราจากที่อื่น!” ตัวตัวพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

 

 

 

 

ตอนที่ 82 ดารายอดนิยม

 

 

หลินเยียนไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรนัก เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ก็เขามีเงินอะนะ อีกอย่าง เขาก็ทำตามกฎนี่”

 

 

ตัวตัวตกอกตกใจ เพราะปกติแล้วหลินเยียนมักไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับประเด็นทำนองนี้เลย เธอไม่เคยเห็นหลินเยียนสามารถวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนและคาดเดาบริษัทได้อย่างถูกเผงแบบนี้มาก่อน

 

 

ตัวตัวแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินหลินเยียนพินิจพิเคราะห์เรื่องนี้

 

 

“พี่หลิงเป็นไงบ้าง?” หลินเยียนถาม

 

 

ตัวตัวสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วตอบอย่างเหนื่อยใจ “คิดว่าไงล่ะคะ? พี่หลิงเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการแผนกศิลปินหลังจากทำงานมาตั้งนาน พอยายเจี่ยงซือเฟยหนีไป ผลงานของพี่เขาก็คงดิ่งเหวเลยล่ะ…”

 

 

จ้าวหงหลิงขึ้นชื่อเรื่องหัวแข็งและเด็ดขาด หลายคนในบริษัทจึงไม่พอใจเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ผลงานของเธอนั้นยอดเยี่ยมและเธอยังปั้นดาราดังคนเดียวของบริษัทอย่างเจี่ยงซือเฟยที่กำลังจะได้เป็นดาราแถวหน้าอีกด้วย พนักงานคนอื่นในบริษัทจึงได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยความเจ็บใจ

 

 

แต่ตอนนี้ เจี่ยงซือเฟยหนีไปแล้ว ดังนั้น ตำแหน่งใหม่ที่จ้าวหงหลิงเพิ่งได้มาก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร

 

 

หลินเยียนตบบ่าตัวตัวเบาๆ “ป่ะ ไปหาพี่หลิงกัน”

 

 

ตัวตัวเดินนำหลินเยียนไปที่ออฟฟิศของจ้าวหงหลิง

 

 

“พี่หลิง หลินเยียนมาแล้วค่ะ” ตัวตัวเหลือบมองจ้าวหงหลิงอย่างเป็นกังวลก่อนกระซิบกับหลินเยียนเบาๆ “พี่หลิงอารมณ์ไม่ดี อย่ากวนเวลาเธอมากนักนะ! ยิ่งคุยกับพี่ต้องยิ่งโมโหแหง!”

 

 

หลินเยียนไม่ได้ตอบอะไร…ได้แต่คิดว่าตัวตัวพูดถูกแล้ว

 

 

“พี่หลิง!” หลินเยียนโบกมือทักทายผู้จัดการสาว

 

 

จ้าวหงหลิงมักดูยุ่งตัวเป็นเกลียวทุกครั้งที่ทั้งคู่พบกัน แต่วันนี้เธอกลับนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานเงียบๆ อย่างใช้ความคิด

 

 

จ้าวหงหลิงมองหลินเยียนโดยไม่ได้เปลี่ยนท่าทีแต่อย่างใด “เข้ามานั่งสิ”

 

 

 

 

จ้าวหงหลิงเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและดื้อรั้น หลินเยียนจึงไม่รู้จะสรรหาคำพูดแบบใดมาปลอบใจดี เธอกระแอมแล้วพูดว่า “พี่หลิง ไม่ต้องเสียใจเรื่องเจี่ยงซือเฟยไปนะคะ พี่ยังมีฉัน! ฉันเพิ่งได้บทในหนังใหม่ของเจียงอีหมิงแล้วก็เพิ่งมีข่าวกับนักแสดงดีกรีเจ้าของรางวัลมาหมาดๆ! แล้วยังมีกองทัพแอนตี้แฟนคอยช่วยเพิ่มชื่อเสียงอีกต่างหาก! อนาคตที่สดใสรอฉันอยู่แน่นอน!”

 

 

จ้าวหงหลิงอึ้ง…

 

 

ตัวตัวเองก็อึ้งเช่นกัน…

 

 

ทำไมหลินเยียนถึงกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้

 

 

เธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ของผู้กำกับเจียงก็จริง แต่บทนั้นก็เป็นแค่บทสมทบเท่านั้น แล้วทำไมเธอถึงอวดอย่างภาคภูมิใจว่ามีกองทัพแอนตี้แฟนเป็นขโยงทั้งๆ ที่ชีวิตกำลังจะหาไม่

 

 

สงสัยหัวจะไปกระแทกอะไรมา!

 

 

แต่ถึงกระนั้น จ้าวหงหลิงก็ดูอารมณ์ดีขึ้นเพราะเธอ “มั่นใจจังนะ”

 

 

หลินเยียนยิ้มอายๆ “แน่นอน! ฉันนี่แหละจะเป็นดาราดังของพี่ในอนาคต!”

 

 

ตัวตัวหัวเราะคิกคักอย่างช่วยไม่ได้ “พรืด! ฉันว่าพี่น่าจะดังด้านชื่อเสียมากกว่านะ อ๊ะ…ก็เป็นอยู่แล้วนี่…”

 

 

ตัวตัวแอบมองหลินเยียน เธอรู้สึกว่าดาราสาวดูแปลกไปกว่าที่เคยในวันนี้

 

 

หลินเยียนไม่แต่งหน้าเผยผิวที่ดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี ในอดีต เธอมักแต่งหน้าเข้มหนาเตอะและเลือกชุดที่ไม่เหมาะกับบุคลิก เธอแต่งหน้าจนขาวซีดเหมือนศพอยู่ทุกวันเพราะต้องรักษาภาพลักษณ์…

 

 

นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่ตัวตัวสัมผัสได้ไม่ได้มาจากหน้าตาของหลินเยียนเท่านั้น

 

 

หลินเยียนสมัยก่อนดูไร้ชีวิตชีวาตลอดเวลาเหมือนไม่เคยสนใจสิ่งรอบข้าง และเธอไม่เคยสัญญาว่าจะเป็นดาราดังในอนาคตอย่างวันนี้แน่นอน

 

 

หลินเยียนก็ยังคงเป็นตัวของตัวเองแม้ว่าจะเลือกชุดมาสวมแบบขอไปที เธอโยนภาพลักษณ์ของสาวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยทิ้งไปแล้ว เธอกำลังเปล่งประกาย และดวงตาของเธอก็ระยิบระยับราวกับดวงดาว

 

 

เธอแสดงท่าทางมั่นอกมั่นใจและพึงพอใจมาก ถึงแม้สภาพของเธอจะดูเหมือนขอทานริมถนนก็ตาม