ตอนที่ 83 กอบกู้ภาพลักษณ์ / ตอนที่ 84 ขอเป็นตัวของตัวเอง

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 83 กอบกู้ภาพลักษณ์

 

 

จ้าวหงหลิงวางเอกสารลงบนโต๊ะด้านหน้าหลินเยียน

 

 

“มาคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่า ฉันอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟังหมดแล้ว ถ้าเธอจะกลับมาเป็นดาราจริงๆ เธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเดี๋ยวนี้ สิ่งที่ต้องทำคือสร้างบุคลิกใหม่เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์”

 

 

ตัวตัวแอบพึมพำให้ได้ยินอย่างอดใจไม่ได้ “พี่หลิงแน่ใจเหรอว่าจะยังกู้ไหว”

 

 

หลินเยียนพูดไม่ออก…

 

 

“แน่นอนว่าการเปลี่ยนความคิดที่ฝังรากลึกของคนอื่นน่ะยาก…” จ้าวหงหลิงมองหลินเยียนแล้วชี้ที่เอกสาร “นี่เป็นตัวอย่างบุคลิกที่ศิลปินหญิงมักใช้กัน เธอเอาไปอ่านแล้วลองคิดดูว่าตัวเองจะดึงบุคลิกแบบไหนออกมาใช้ได้บ้าง”

 

 

หลินเยียนหยิบเอกสารขึ้นมาแล้วเริ่มพลิกทีละหน้า “ไหนดูซิ…ขยันขันแข็งและทุ่มเท! ดูดีนะคะ!”

 

 

ตัวตัวจ้องมองหลินเยียนอย่างไม่เชื่อสายตา “เลิกคิดเลย พี่เคยโพสต์บนเว่ยป๋อว่าเป็นแผลเท่าแมวข่วนที่นิ้ว อีกอย่าง ทักษะการแสดงของพี่ก็เข้าขั้นห่วยแตกแถมยังไม่มีความสามารถอะไรสักอย่าง ไม่เคยมีจรรยาบรรณในการทำงานแถมยังมีภาพพจน์เป็นคนจู้จี้จุกจิกอีก พี่จะใช้บุคลิกคนขยันขันแข็งและทุ่มเทได้ไง?”

 

 

หลินเยียนเบ้ปากเงียบๆ แม้ว่าเธออยากจะสวนกลับแค่ไหนแต่สิ่งที่ตัวตัวพูดก็เป็นเรื่องจริง เธอเองที่เป็นคนทำให้ผู้อื่นรู้สึกเช่นนั้น คงไม่มีทางไหนที่ช่วยลบล้างชื่อเสียของเธอได้แน่นอน

 

 

ดังนั้น หลินเยียนจึงพลิกหน้าต่อไป “อืม…งั้นถ้าเป็นคนฉลาดที่เรียนหนังสือเก่งล่ะ ฉันว่าเหมาะนะ!”

 

 

ตัวตัวเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนเย้ยเสียงดัง “พี่เยียน เอาจริงหรอ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่จบแค่ม. ปลาย พี่ไม่ได้เรียนมหา’ลัยด้วยซ้ำ พี่จะเป็นคนฉลาดเรียนเก่งได้ไง”

 

 

หลินเยียนเงียบ…

 

 

เธอเป็นคนเลือกที่จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยเอง ทั้งๆ ที่เธอสามารถทำได้

 

 

ในปีนั้น เธอเป็นนักเรียนแผนวิทยาศาสตร์ที่สอบได้เป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด…

 

 

 

 

ในตอนแรก แม่ยังมีสุขภาพแข็งแรงดีและสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้ ส่วนหลินเยียนเองก็พยายามประหยัดเงินและทำงานพาร์ทไทม์ในระหว่างเรียนไปด้วย สองแม่ลูกจึงสามารถใช้ชีวิตรอดกันมาได้

 

 

แต่ในระหว่างที่หลินเยียนกำลังสอบช่วงเรียนมัธยมปลาย หลินซูหย่าที่ขี้โรคมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยได้ประสบอุบัติเหตุจมน้ำจนเป็นเหตุให้โรคประจำตัวในวัยเด็กกำเริบ การรักษาต้องใช้เงินก้อนใหญ่ แต่พ่อของเธอกลับไม่สนใจซูหย่าเพราะถูกเมียน้อยปั่นหัวไปเสียแล้ว

 

 

หลินเยียนและแม่พยายามเค้นสมองเพื่อหาวิธีหาเงิน แต่ก็ไม่เป็นผล

 

 

แม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากคุณตา แต่แม่รู้ดีว่าคุณตาเองก็ใช่ว่าจะสุขสบายและยังติดหนี้คนอื่นอยู่มาก คุณตาเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้

 

 

สุดท้าย แม่จำต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพ่อ และในวันนั้นเอง แม่ก็ได้พบว่ามีผู้หญิงอื่นกำลังลงจากรถของพ่อ

 

 

ชนวนที่แท้จริงของการหย่าร้างระหว่างพ่อและแม่คือรักแรกของพ่อ ผู้หญิงที่ชื่อ หม่ามั่นหรู

 

 

หม่ามั่นหรูใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหลังจากแต่งงานกับคนรวย แต่ในไม่ช้า สามีของเธอประสบกับสถานะล้มละลายและเป็นหนี้ท่วมหัว เธอจึงเล่นบทผู้หญิงที่น่าสงสารเพื่อขอความเห็นใจจากพ่อ

 

 

ทุกครั้งที่เธอมีปัญหา พ่อจะทิ้งแม่ไว้แล้วรีบไปช่วยเธอทันที พ่อเคยช่วยหม่ามั่นหรูถึงขนาดจัดหาทนายให้สำหรับฟ้องหย่าเลยทีเดียว

 

 

และหลังจากที่หม่ามั่นหรูหย่าขาดกับสามี พ่อก็บังคับให้แม่จดทะเบียนหย่าเช่นกัน

 

 

หม่ามั่นหรูเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์และโลภมาก เธอรู้ว่าพ่อของหลินเยียนไม่ใช่คนที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เธอจึงไม่แต่งงานใหม่กับเขา หากแต่เธอยังคอยเกาะเพื่อปอกลอกเงินจากพ่อได้อยู่ เพราะเธอรู้ว่าพ่อนั้นทุ่มเทให้เธอได้ทุกอย่าง

 

 

หลินเยียนที่โกรธจัดบุกไปตามหาหม่ามั่นหรูถึงที่ แต่เธอกลับถูกหลินเยว่ทงไล่ตะเพิดและตบหน้าอย่างแรง พ่อขับไสไล่ส่งลูกสาวแท้ๆ แต่กลับปกป้องผู้หญิงคนอื่น

 

 

หลินเยว่ทงมองหลินเยียนเหมือนเป็นตัวน่ารังเกียจที่อาจนำเชื้อโรคร้ายมาสู่หม่ามั่นหรูและความสัมพันธ์ที่ล้ำค่าของเขาและเธอ พ่อคงอยากให้ลูกสาวทั้งสองคนหายไปจากชีวิตของเขาเหมือนที่ทำกับแม่

 

 

 

 

ตอนที่ 84 ขอเป็นตัวของตัวเอง

 

 

หลินเยียนพยายามระงับอารมณ์โกรธและขอร้องให้พ่อช่วยเหลือเรื่องอาการเจ็บป่วยของหลินซูหย่าอย่างเจียมตัว

 

 

แต่กระนั้น หลินเยว่ทงก็ยังตอบกลับมาว่า “ไสหัวไปให้พ้น พวกแกมันก็แค่ปรสิตที่หวังเอาแต่เงินฉันทั้งแม่ทั้งลูก”

 

 

คืนนั้น หลินเยียนทรุดตัวลงบนขอบเตียง เฝ้าดูน้องสาวที่กำลังจะตายลงอย่างช้าๆ ความสิ้นหวังและไร้กำลังค่อยๆ กัดกินร่างกายของเธอ

 

 

หลินเยียนปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้…

 

 

ในเวลาต่อมา สถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศได้เสนอทุนการศึกษาให้หลินเยียนและให้เบี้ยเลี้ยงที่เธอสามารถจุนเจือครอบครัวได้ด้วย แต่จำนวนเงินที่เสนอมา ณ ตอนนั้นก็ถือว่ายังไม่พอค่าใช้จ่าย และหลินเยียนไม่มีความตั้งใจที่จะเรียนต่อ เธอจึงส่งใบสมัครล่าช้า

 

 

หลังจากนั้น น้าคนสุดท้องของหลินเยียนเล่าว่าทีมแข่งรถจากต่างประเทศอยากได้เธอเข้าร่วมทีม และสัญญาว่าจะให้ค่าตอบแทนล่วงหน้าอีกด้วย

 

 

แม่ล้มป่วยจากความวิตกกังวล น้องสาวของเธอก็ยังต้องการการรักษาและต้องฟื้นฟูสภาพร่างกายระยะยาว หลินเยียนต้องการเงินก้อนโต ณ เดี๋ยวนั้น เธอจึงรอเรียนจบภายในสี่ปีไม่ได้ ยังมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอีกมากมายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

 

 

ในที่สุด หลินเยียนเลือกไม่เรียนต่อและออกเดินทางสู่ต่างประเทศเพื่อเดินบนทางที่ลำบากตรากตรำและท้าทาย…

 

 

หลินเยียนใช้ชื่อใหม่ขณะอยู่ที่ต่างประเทศเพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง และเธอแทบไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะเช่นกัน

 

 

แทบไม่มีใครรู้เลยว่า Yeva ที่เป็นนักแข่งรถระดับอัจฉริยะผู้ประสบความสำเร็จในการพิชิตสังเวียนการแข่งนั้นเป็นหญิงสาวชาวจีน

 

 

เมื่อหลินเยียนรู้ความจริงในภายหลังว่าคนที่ทำลายชีวิตของเธอคือน้องสาวที่เธอปกป้องด้วยชีวิต ใจของหลินเยียนก็แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ

 

 

หลินเยียนยังคงปวดใจทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แต่เธอไม่ได้อาฆาตใครอีกต่อไปแล้ว

 

 

สุดท้าย การเกลียดใครสักคนก็เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น

 

 

หลินเยียนยิ้มน้อยๆ พลางแสร้งทำเป็นบ่นงึมงำ “พี่หลิง! จัดการตัวตัวหน่อยสิ”

 

 

ตัวตัวส่งเสียงดัง “อะไร? ฉันพูดผิดตรงไหน?”

 

 

แม้ว่าจ้าวหงหลิงจะไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี แต่เธอก็มองหลินเยียนแล้วถามว่า “คิดว่าไงล่ะ”

 

 

หลินเยียนลูบคางก่อนหยิบปากกาขึ้นมา เธอพลิกไปที่หน้ากระดาษเปล่าแล้วเขียนลงไป “ฉันว่า อันนี้น่าจะเหมาะกับฉันนะคะ…”

 

 

“อะไรน่ะ” ตัวตัวกระเถิบเข้ามาใกล้อย่างสนอกสนใจ

 

 

เธอเห็นว่าหลินเยียนเขียนเพียงสองคำเท่านั้น นั่นคือ หลินเยียน

 

 

“หลินเยียน? หมายความว่าไง?” ตัวตัวไม่เข้าใจ

 

 

หลินเยียนอธิบาย “การเสแสร้งสวมบุคลิกอื่นน่ะไม่ได้ผลเท่าไหร่หรอก เผลอๆ พวกแฟนๆ ก็อาจจะแฉฉันได้ง่ายกว่าเดิมอีกแล้วผลที่ได้ก็จะตรงกันข้ามกับที่คิดไปเลย แทนที่จะจับฉันยัดลงแม่พิมพ์ให้ออกมาเป็นรูปร่างแบบนั้นแบบนี้ ทำไมไม่ให้ฉันเป็นตัวของตัวเองล่ะ เราจะไม่มีช่องโหว่ให้ใครเล่นงานแน่นอนถ้าฉันทำอย่างที่ฉันต้องการและแสดงตัวตนที่แท้จริง”

 

 

จ้าวหงหลิงเงียบไปครู่หนึ่ง “แน่ใจนะ” เธอถามขณะที่มองหลินเยียน

 

 

หลินเยียนอ้าแขน “มีทางอื่นหรือเปล่าล่ะ?”

 

 

ตัวตัวมองหลินเยียนด้วยท่าทีหวาดกลัว “พี่หลิง ให้ทำแบบนั้นไม่ได้นะ! ดูสิว่าหล่อนสบายใจขนาดไหน! ดูแต่งตัวเข้าสิ! ถ้าพี่อนุญาตให้ทำอะไรตามใจละก็…”

 

 

หลินเยียนมองไปด้านข้าง “ตัวตัวที่รัก ปากร้ายแบบนี้ระวังจะขึ้นคานนะจ๊ะ!”

 

 

ตัวตัวกลอกตา “พี่จะสนใจทำไม”

 

 

“ก็ได้ ก็ได้…” หลินเยียนหันกลับมาหาจ้าวหงหลิงแล้วพูดว่า “พี่หลิง ฉันต้องมีผู้ช่วย ยกตัวตัวให้ฉันได้มั้ย”

 

 

“ตัวตัวเนี่ยนะ?” จ้าวหงหลิงประหลาดใจ

 

 

เธอนึกว่าหลินเยียนไม่ชอบตัวตัวมาตลอดเสียอีก