ตอนที่ 85 ชื่อเป็นมงคล
“ใช่ค่ะ ฉันอยากได้ตัวตัว!” หลินเยียนพยักหน้าถี่ๆ
ตัวตัวหน้าถอดสี “ไม่เอา! ฉันไม่อยากเป็นผู้ช่วยพี่! ทำงานกับพี่โคตรเหนื่อยเลย! ทำไมไม่ไปหาผู้ช่วยคนเก่าล่ะ ชื่ออะไรนะ? เสี่ยวหลิว? ไปหาเธอสิ!”
เสี่ยวหลิว ผู้ช่วยคนก่อนของหลินเยียนถูกจ้างโดยหลินซูหย่า เธอถูกหลินซูหย่าบงการให้ทำงานด้วยความกลัว
คนรอบตัวไม่เคยสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่จ้าวหงหลิงสงสัยและเค้นหาความจริงจากเสี่ยวหลิว หลินเยียนบอกกับจ้าวหงหลิงว่าน้องสาวเป็นผู้ว่าจ้างเสี่ยวหลิว และเธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกอะไร
ในเวลานั้นเอง จ้าวหงหลิงได้เตือนหลินเยียนว่าหลินซูหย่าไม่ใช่คนดี
แต่หลินเยียนยังอยู่ในอาการสลดหดหู่และยังเชื่อใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เธอจึงไม่ได้สนใจคำเตือนของจ้าวหงหลิงแต่อย่างใด
และหลังจากความจริงถูกเปิดเผย เธอก็ไล่เสี่ยวหลิวออกไปแล้ว
จ้าวหงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนบอกว่า “ตัวตัว เธอไปดูแลหลินเยียนซะ ฉันไม่ไว้ใจพอที่จะให้คนอื่นรับผิดชอบยายนี่”
ตัวตัวไม่กล้าขัดคำสั่งของจ้าวหงหลิง เธอจึงหันมามองหลินเยียนด้วยสีหน้าระทม “ทำไมถึงเลือกฉัน”
หลินเยียนยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็เธอน่ารักแล้วก็พูดความจริงเสมอ! ฉันอยากได้คนแบบนี้มาคอยเตือนสติไง อีกอย่าง ชื่อเธอดีออก”
หลินเยียนจ้องมองป้ายพนักงานของตัวตัว ชื่อเต็มของเธอคือ เฉียนตัวตัว[1]
เป็นชื่อที่ดี! ชื่อมงคล!
หลินเยียนตบบ่าตัวตัวแล้วปลอบโยน “ตัวตัว อย่าเศร้าไปเลย คิดบวกสิ! เธอจะได้เป็นผู้ช่วยของดาราระดับท็อปแห่งวงการบันเทิงในอนาคตอันใกล้นี้แล้วนะ!”
ตัวตัวมองหลินเยียนอย่างไร้อารมณ์ “กว่าจะถึงตอนนั้น ฉันคงถูกแอนตี้แฟนของพี่รุมทึ้งซะก่อนละไม่ว่า!”
แม้ว่าจะถูกคัดค้าน แต่ปัญหาเรื่องผู้ช่วยของหลินเยียนก็จบลงด้วยดีแล้ว
จ้าวหงหลิงยื่นสัญญาของภาพยนตร์ ‘พานพบคนที่ใช่’ ให้หลินเยียน เธอรับมาแล้วลงชื่อบนกระดาษ ผู้จัดการสาวเริ่มสรุปงานที่หลินเยียนจะต้องทำให้ดาราสาวฟัง
“เดี๋ยวจะมีการออดิชันอาทิตย์หน้าแล้วก็จะเริ่มเปิดกล้องในไม่ช้า ฉันไม่ได้หวังว่าฝีมือการแสดงของเธอจะพัฒนาแบบก้าวกระโดดในเวลาสัปดาห์เดียวหรอกนะ แต่ฉันอยากให้เธอตื่นตัวและระวังพฤติกรรมของตัวเองให้ดี อย่าก่อปัญหาอีก อดทนอีกหน่อยเดี๋ยวข่าวฉาวกับกระแสสังคมก็คงซาลงบ้าง ฉันจะให้ตัวตัวคอยจับตาดูเธอ และเธอต้องฟังที่ตัวตัวพูดด้วย” จ้าวหงหลิงกำชับ
หลินเยียนรีบตอบตกลง “ฉันสบายมาก!”
จ้าวหงหลิงถอนหายใจแล้วยื่นเอกสารให้หลินเยียน “นี่คือตารางงานของเธอ ฉากที่เธอต้องเข้ากล้องมีไม่เยอะเท่าไรเลยมีเวลารอเหลือเฟือ ขอให้อดทน อย่าบ่น ถ้าเบื่อมากก็ดาวน์โหลดเกมมาเล่นฆ่าเวลาซะ อย่าเที่ยวสร้างปัญหา”
จ้าวหงหลิงเห็นใจหลินเยียนและตัดสินใจที่จะช่วยเธอ
แต่เธอเองก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนักด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่สู้ดี หลินเยียนจึงต้องพึ่งตัวเอง
เมื่อหลินเยียนได้ยินดังนั้น เธอจึงกลืนคำอธิบายที่พยายามจะพูดในตอนแรกกลับลงคอไปจนหมด
หลินเยียนเป็นคนเรื่อยเปื่อยมาแต่ไหนแต่ไร เธอจึงไม่จู้จี้จุกจิกและเรื่องมากเป็นทุนเดิม แต่เสี่ยวหลิวแสร้งสวมรอยเรียกร้องสิ่งต่างๆ จากคนในกองถ่ายมากมายในนามของหลินเยียน ทั้งขอให้สั่งอาหารของหลินเยียนจากภัตตาคารระดับมิชลิน ทั้งอ้างว่าหลินเยียนต้องดื่มกาแฟในอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้น และยังไม่อนุญาตให้ใครก็ตามแต่งหน้าให้หลินเยียนอีกด้วย
หลินเยียนจึงไม่แปลกใจที่ตัวตัวจะรู้สึกพรั่นพรึงเมื่อต้องเป็นผู้ช่วยของเธอ
ถึงกระนั้น เธอไม่มีทางลบประวัติและชื่อเสียงเสื่อมเสียในอดีตได้อีกแล้ว สิ่งที่พอจะทำได้คือค่อยๆ แก้ไขนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
หลินเยียนรับเอกสารมาอ่าน เธอไม่ค่อยมีคิวถ่ายทำในวันแข่งรถของทีมคุณตา ถ้าลูกพี่ลูกน้องของเธอยังต้องการคนนำทางอยู่ เธอก็อาจจะพอช่วยได้…
[1]เฉียนตัวตัว แปลว่า เงินจำนวนมาก
ตอนที่ 86 เธอต้องมีคำตอบ
เมื่อครั้งที่หลินเยียนเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ เธอมักหดหู่ทุกครั้งเมื่อเห็นสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลินเยียนกำลังถ่ายทำรายการวาไรตี้ แต่จู่ๆ เสี่ยวหลิวก็ส่งโทรศัพท์ให้เธอดูบทความเกี่ยวกับการแข่งรถ
หลินเยียนไม่สามารถคุมสติได้ เธอแสดงต่อไปเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้วจนสร้างความกระอักกระอ่วนให้กองถ่ายอย่างมาก และหลินเยียนได้รับสมญาว่า ‘หลุมดำแห่งรายการวาไรตี้’
ชื่อเสียงเสื่อมเสียจากทักษะการแสดงสุดห่วยและข่าวลือเสียๆ หายๆ เริ่มหนาหูจนแม้แต่รายการวาไรตี้ก็ยังปฏิเสธที่จะเชิญเธอมาร่วมรายการ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงทุกที…
อันที่จริง หลินเยียนยังได้รับผลกระทบอยู่ลึกๆ มาตลอดจนกระทั่งวันที่เผยอวี่ถังแข่งรถ
คืนนั้น คืนที่เธอได้นั่งหลังพวงมาลัย และได้สัมผัสกับอะดรีนาลีนที่สูบฉีดไปทั่วร่างจากความเร็วสูง เธอสามารถกำจัดสิ่งที่ทิ่มแทงใจออกไปจนหมดได้ในที่สุด…
ขณะที่จ้าวหงหลิงกำลังจะบอกให้หลินเยียนจดสิ่งที่ควรทำ ประตูออฟฟิศก็เปิดผางออกอย่างรุนแรง
ผู้จัดการห้าคนเรียงแถวเข้ามาในห้องด้วยอารมณ์โกรธจัด
จ้าวหงหลิงแสดงสีหน้าเรียบเฉยพลางจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา “มีอะไรกัน”
ทุกคนดูเกรี้ยวกราดราวกับเพิ่งมีใครก่อคดีอาชญากรรม ผู้จัดการคนหนึ่งที่เป็นชายวัยกลางคนทุบกำปั้นลงบนโต๊ะก่อนตะโกน “ยังจะมีหน้ามาถามอีก! จ้าวหงหลิง กะอีแค่นักแสดงคนเดียวก็รักษาไว้ไม่ได้ เจี่ยงซือเฟยเป็นตัวทำเงินของบริษัทเรา! คิดบ้างมั้ยว่าบริษัทจะเป็นยังไงถ้าเธอไม่อยู่แล้ว”
“ใช่! เธอทำให้พวกเราตกที่นั่งลำบาก! เธอต้องรับผิดชอบ!”
“ไม่มีเจี่ยงซือเฟย ผลงานของเธอก็คงอยู่ที่โหล่ นี่เธอมีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกศิลปินด้วยเหรอ”
…
ตัวตัวโกรธจัดหลังจากที่ได้ยินคำครหา “เฮ้ย! จะมากไปแล้วนะ! พี่หลิงเป็นคนปั้นเจี่ยงซือเฟยกับมือ! ถ้าไม่มีพี่หลิง บริษัทเราจะมีดาราดังขนาดนั้นเหรอ”
ผู้จัดการหญิงแต่งหน้าหนาเตอะหัวเราะเยาะ “กล้าพูดเนอะ! ก็หล่อนปั้นมาด้วยเงินบริษัทไม่ใช่หรือไง เล่นเอางบประมาณกับเงินลงทุนมหาศาลไปใช้กับเจี่ยงซือเฟยซะขนาดนั้นแต่หล่อนก็ยังหนีไปอยู่กับที่อื่น! ความพยายามที่ผ่านมาเป็นโมฆะไปหมดแล้ว! รู้บ้างมั้ยว่าบริษัทเสียหายแค่ไหน”
ตัวตัวสวนกลับอย่างโกรธเกรี้ยว “ไร้สาระ! พี่หลิงได้เงินมาจากนักลงทุนต่างหาก! แล้วต่อให้พี่หลิงใช้เงินบริษัทจริง ทำไมพวกคุณถึงไม่ปั้นดาราคนอื่นให้ดังได้ขนาดนี้บ้างล่ะ”
ในขณะที่ตัวตัวกำลังจะพูดต่อ จ้าวหงหลิงก็ห้ามเธอไว้ “ตัวตัว พอเถอะ”
แต่ด้านผู้จัดการยังคงต่อปากต่อคำไม่หยุด “จ้าวหงหลิง เธอต้องมีคำตอบให้เรื่องนี้!”
ประตูออฟฟิศแง้มอยู่เล็กน้อย บรรดาพนักงานและศิลปินรายอื่นกำลังอออยู่ที่หน้าประตูด้านนอก
จ้าวหงหลิงเป็นคนไม่โอนอ่อนผ่อนปรนและไม่คบค้าสมาคมกับใคร หลายคนจึงแอบสะใจอยู่เงียบๆ โดยเฉพาะศิลปินที่ถูกเจี่ยงซือเฟยข้ามหน้าข้ามตาอยู่เสมอ
ศิลปินระดับกลางคนหนึ่งกอดอกแล้วเริ่มดูถูกดูแคลน “ถ้าไม่มีเจี่ยงซือเฟย จ้าวหงหลิงก็ไม่มีน้ำยา ไม่รู้ว่าคนแบบนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการได้ไง?เราคงไม่อยู่ในสภาพนี้กันถ้าหล่อนไม่ดื้อด้าน จองหอง ซ้ำร้ายยังเอาเงินบริษัทไปละลายกับดาราคนนั้นอีก ในที่สุดก็กรรมตามสนองสักที!”
ศิลปินรายอื่นก็เออออไปกับเธอด้วย “ฉันก็คิดอย่างนั้น ผู้จัดการแบบนี้ก็เหมาะกับหลินเยียนดีนี่!”
“ฮึ! ไม่แปลกใจเลยที่เธอเรียกหลินเยียนกลับมา! คงจะหมดปัญญาแล้วจริงๆ…”
เสียงนินทาของเหล่าศิลปินดังขึ้นเรื่อยๆ จนทุกคนในห้องได้ยินการสนทนาอย่างชัดเจน
หลินเยียนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็พลอยถูกลากเข้าไปพัวพันกับเขาอีกแล้ว…