“น่าหลาน… เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย” มู่หรงอานฟังคำพูดโต้ตอบที่ดังมาจากในหินเสียงแล้วก็มองน่าหลานหลานอย่างไม่อยากเชื่อ
“ข้า…” น่าหลานหลานคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมีของสิ่งนี้ได้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไร้ซึ่งหลักฐาน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีหลักฐานแน่นหนาจนทำให้นางหมดคำโต้แย้ง
“ท่านผู้อำนวยการ ท่านเองก็ได้ยินคำพูดโต้ตอบนี้แล้ว เหอชิวจือเป็นเพียงแค่ผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น ส่วนคนต้นคิดคือน่าหลานหลาน เป็นนางต่างหากที่คิดจะสังหารข้า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
สีหน้าของผู้อำนวยการในตอนนี้เข้มเสียจนแทบจะกลั่นเป็นหยดหมึกออกมาได้ เขาคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะถึงกับมีวิธีการเช่นนี้ ทำให้หัวหอกชี้ตรงเข้าใส่น่าหลานหลานแทน
ถ้าหากเป็นคนทั่วไป เขาไล่ออกแล้วก็คงจะไล่ออกไป แต่น่าหลานหลานเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งตระกูลน่าหลาน ถ้าหากถูกวิทยาลัยขับไล่ออกไป คนในครอบครัวย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน ต่อให้ตอนนี้ตนจะเป็นถึงผู้อำนวยการของวิทยาลัยก็ตาม ก็ยังต้องพัวพันกับครอบครัวอยู่
“ท่านผู้อำนวยการ ท่านก็เห็นหลักฐานนี้แล้ว ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับนักเรียนของข้าด้วยเถิด” เฟิงจือสิงเห็นท่าทางเช่นนั้นของผู้อำนวยการแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้น
“เรื่องนี้… ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้ามีเพียงแค่เสียงเท่านั้น ในนั้นพูดเพียงแค่ว่าคุณหนูน่าหลาน มิอาจพูดได้หรอกว่าเป็นน่าหลานหลาน ดังนั้นหลักฐานชิ้นนี้ก็มิอาจใช้การได้หรอกนะ” ผู้อำนวยการคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยวาจาที่แม้แต่ตัวเองยังมิอาจเชื่อถือได้ออกมา
เมื่อนักเรียนที่อยู่รอบๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วต่างก็พากันทอดถอนใจ
“ท่านผู้อำนวยการ ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน” เฟิงจือสิงพูดด้วยสีหน้าเยียบเย็น
ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการจะพึงพอใจกับเหตุผลนี้ของตนเป็นอย่างยิ่ง เขาเอ่ยว่า “ก็หมายความเช่นนี้นี่แหละ หลักฐานนี้ไม่เพียงพอ ไม่อาจบอกได้ว่าน่าหลานหลานเป็นผู้บงการ ดังนั้นจึงไม่อาจตัดสินโทษใดๆ ให้แก่น่าหลานหลานได้”
“ท่านผู้อำนวยการ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!” ซือหม่าโยวเล่อตะคอกใส่ผู้อำนวยการ
“ซือหม่าโยวเล่อ นี่เจ้าทำอะไรของเจ้า!” ผู้อำนวยการมองซือหม่าโยวเล่ออย่างไม่พอใจ “หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้อีก ระวังข้าจะลงโทษเจ้าฐานที่ไม่เคารพครูบาอาจารย์นะ! เจ้า…”
ผู้อำนวยการยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกว่ามีเงาร่างคนสายหนึ่งวาบผ่านไปตรงหน้า ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของน่าหลานหลาน
“ซือหม่าโยวเย่ว์ นี่เจ้าทำอะไรของเจ้ากันน่ะ!” ผู้อำนวยการเห็นซือหม่าโยวเย่ว์มาตรงหน้าน่าหลานหลาน แล้วอาศัยจังหวะที่ทุกคนมิได้สนใจจ่อกริชเข้าไปที่คอของนางก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“ทำอะไรอย่างนั้นหรือ ท่านก็เห็นแล้วมิใช่หรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถึงอย่างไรวันนี้ท่านก็ตั้งใจจะลำเอียงเข้าข้างนางอยู่แล้วนี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีหลักฐานแน่นหนา แต่ท่านกลับไม่ลงโทษนาง ดูจากสิ่งนี้แล้ว อันที่จริงแล้วการทำร้ายนักเรียนก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ดังนั้นข้าจึงคิดว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ลงมือจัดการเรื่องนี้เองเสียเลยก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าพอกริชเล่มนี้ของข้าปาดลงไปแล้วหัวของนางจะยังตั้งอยู่บนคอได้อีกหรือไม่”
“วางมือซะ!” ผู้อำนวยการเห็นกริชของซือหม่าโยวเย่ว์ขยับจึงรีบเอ่ยห้าม
“เหตุใดข้าจึงต้องวางมือด้วยเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์มองผู้อำนวยการอย่างเย้ยหยัน “นักเรียนตั้งมากมายถึงเพียงนี้ล้วนได้ยินเสียงสนทนาระหว่างเหอชิวจือและน่าหลานหลานกันหมดแล้ว แต่ท่านก็ยังบอกว่านั่นมิใช่นางอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากข้าสังหารนางแล้วก็พูดได้เหมือนกันว่าข้ามิได้เป็นคนลงมือ จากนั้นข้าเชื่อว่าจวนแม่ทัพก็ยังมีความสามารถที่จะทำให้ทุกคนปิดปากเงียบไม่เอ่ยวาจาได้อยู่แล้ว”
“เจ้า…” ผู้อำนวยการเห็นกริชของซือหม่าโยวเย่ว์บาดคอของน่าหลานหลานจนมีรอยเลือดสายหนึ่งไหลออกมาจึงคิดจะเข้าไปจับพวกนางแยกออกจากกัน แต่กลับถูกเฟิงจือสิงขวางเอาไว้
คนทั้งสองปะทะกันสองกระบวนท่า หลังจากนั้นก็แยกออกจากกัน ผู้อำนวยการมองเฟิงจือสิงแล้วตะคอกว่า “อาจารย์เฟิง นี่เจ้าทำอะไรกัน! เจ้ามาขวางข้าเพราะอยากให้ซือหม่าโยวเย่ว์สังหารน่าหลานหลานหรืออย่างไร”
เฟิงจือสิงยืนอยู่ตรงหน้าซือหม่าโยวเย่ว์พลางมองผู้อำนวยการแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกว่าโยวเย่ว์พูดไม่ผิด ในเมื่อท่านปฏิเสธที่จะให้ความเป็นธรรมกับลูกศิษย์ของข้า เช่นนั้นก็ให้นางจัดการเองเสียดีกว่า รอให้นางจัดการเสร็จแล้วข้าค่อยมาลงโทษนางก็ได้”
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังคำพูดของเฟิงจือสิงแล้วก็เกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา อะไรกันที่เรียกว่ารอให้เธอจัดการเสร็จแล้วข้าค่อยมาลงโทษเธอ พอถึงเวลานั้นน่าหลานหลานก็ตายไปแล้ว อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ไล่ตนออกจากวิทยาลัยเท่านั้น เวลานั้นพวกเขาตระกูลน่าหลานสูญเสียผู้มีพรสวรรค์ไปคนหนึ่ง แต่อย่างมากที่สุดเธอก็แค่ถูกไล่ออกจากวิทยาลัยเท่านั้น
นอกจากนี้เธอมั่นใจว่าผู้อำนวยการย่อมไม่กล้าให้เธอทำร้ายน่าหลานหลานจริงๆ อยู่แล้ว มิฉะนั้นเขาก็ไม่มีอะไรจะไปแก้ตัวกับตระกูลน่าหลาน
“อาจารย์เฟิง ข้าจะลงโทษเจ้า!” ผู้อำนวยการพูด “แต่ถ้าหากเจ้ายอมปล่อยไปตอนนี้ ข้าก็จะไม่ถือสาหาความ!”
ผู้อำนวยการไม่รู้ถึงพลังยุทธ์ของเฟิงจือสิง รู้เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่อาจารย์ใหญ่ให้เกียรติเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นตนจึงไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับเขาเป็นการชั่วคราว
เท่าที่เขาดู นับได้ว่าเฟิงจือสิงนั้นทำตัวเป็นไม้ซีกงัดไม้ซุง ขัดขวางเขาไม่ให้บังคับใช้กฎ ให้โอกาสเขาครั้งหนึ่งก็นับว่าดีต่อเขาแล้ว แต่เฟิงจือสิงกลับไม่คิดจะรับความหวังดีของเขาเอาไว้สักนิด
“ในเมื่อท่านไม่อาจรักษาความเป็นกลางเอาไว้ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจเชื่อถือคำพูดของท่านในตอนนี้ได้” เฟิงจือสิงพูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง “ดังนั้นวันนี้ข้าจะไม่ให้ท่านรังแกนักเรียนของข้าอีกต่อไปแล้ว ท่านอยากจะลงโทษก็ลงโทษไปเถิด!”
“ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าหากเจ้ากล้าทำร้ายน่าหลานหลานแล้วเจ้าจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์เช่นไร” ผู้อำนวยการเห็นเฟิงจือสิงไม่ขยับเขยื้อน ส่วนกริชของซือหม่าโยวเย่ว์ก็อาจเอาชีวิตน่าหลานหลานได้ตลอดเวลา จึงหันไปพูดกับซือหม่าโยวเย่ว์แทน
“มิใช่แค่ถูกไล่ออกเท่านั้นหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มอย่างร้ายกาจยิ่ง “แต่ก่อนที่จะถูกไล่ออก ข้าขอจัดการก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
พูดจบแล้วนางก็เงื้อกริชขึ้น เตรียมตวัดใส่น่าหลานหลาน
“หยุดนะ!”
ผู้คนโดยรอบต่างสะดุ้งตัวลอยเพราะการกระทำของซือหม่าโยวเย่ว์ ส่วนผู้อำนวยการถึงกับร้องลั่นออกมาเลยทีเดียว
ในขณะที่กริชของซือหม่าโยวเย่ว์ห่างจากคอของน่าหลานหลานเพียงแค่หนึ่งเซนติเมตรนั้นเอง แรงกดดันอันน่าหวั่นเกรงสายหนึ่งก็ลอยมาจากอาคารเรียน แรงกดดันนั้นทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างไม่อาจขยับเขยื้อนได้ มีเพียงแค่เฟิงจือสิงเท่านั้นที่หันไปมองบริเวณที่แรงกดดันลอยออกมา
ซึ่งก็คือห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่นั่นเอง
หน้าต่างห้องอาจารย์ใหญ่เปิดออก เงาร่างสายหนึ่งลอยออกมาจากที่นั่นแล้วร่อนลงกลางจัตุรัส มองดูซือหม่าโยวเย่ว์และน่าหลานหลาน ก่อนจะเดินเข้าไปดึงน่าหลานหลานออกมาจากข้างตัวซือหม่าโยวเย่ว์
หลังจากนั้นแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นจึงค่อยจางหายไป
“คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปให้หมด ส่วนพวกเจ้า มาที่ห้องทำงานของข้า!” ท่านอาจารย์ใหญ่อาวุโสมองพวกซือหม่าโยวเย่ว์ก่อนจะเอามือไพล่หลังแล้วเดินจากไป
คำพูดของท่านอาจารย์ใหญ่ คนอื่นก็ไม่กล้าขัดอะไรอยู่แล้ว ผู้ที่มาชมดูเรื่องสนุกต่างก็แยกย้ายกันไป ซือหม่าโยวเย่ว์และเฟิงจือสิง รวมทั้งซือหม่าโยวเล่อ ผู้อำนวยการ น่าหลานหลาน และเหอชิวจือ ต่างก็ตามกันไปยังห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่
น่าหลานหลานกุมลำคอของตนพลางถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์เขม็ง เมื่อครู่นั้นฉุกละหุกเหลือเกินจนนางไม่ทันสังเกตว่าซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามาประชิดตนได้อย่างไร แต่เมื่อครู่นี้นางสัมผัสได้ถึงแววอาฆาตอันรุนแรง นางรู้ว่าถ้าหากอาจารย์ใหญ่ไม่ออกมา ซือหม่าโยวเย่ว์อาจจะสังหารนางจริงๆ ก็เป็นได้!
ซือหม่าโยวเย่ว์เหลือบมองน่าหลานหลานปราดหนึ่งแล้วทำท่าทางปาดคอ พอเห็นนางหดคอโดยสัญชาตญาณแล้วจึงหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
หลังจากนั้นนางก็มองเฟิงจือสิงที่เดินอยู่ข้างหน้า เมื่อครู่นางสังเกตเห็นแล้วว่าเขายังคงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายใต้แรงกดดันของอาจารย์ใหญ่ แสดงให้เห็นว่าพลังยุทธ์ของเขานั้นเหนือกว่าอาจารย์ใหญ่เสียอีก
ว่ากันว่าอาจารย์ใหญ่เป็นผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในอาณาจักรตงเฉิน ยังร้ายกาจกว่าซือหม่าเลี่ยในตอนนี้อยู่พอสมควรเสียด้วยซ้ำ ส่วนเฟิงจือสิงนั้นยังดูอายุอานามไม่มากสักเท่าไร แล้วพลังยุทธ์ของเขาจะแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ใหญ่จริงได้หรือ
คนเช่นนี้มาซ่อนตัวอยู่ในวิทยาลัยเพราะคิดจะทำสิ่งใดกันแน่
…………………………………