“ท่านพี่สี่ ท่านอย่าเพิ่งกรุ่นโกรธไป ข้าเชื่อว่าวิทยาลัยจะต้องผดุงความยุติธรรมอยู่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ตบบ่าซือหม่าโยวเล่อ หลังจากนั้นก็มองเหอชิวจือที่ตื่นตกใจจนร่างกายสั่นสะท้าน แล้วมองน่าหลานหลานที่มั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองจะไม่เป็นไรก่อนจะพูดว่า “น่าหลานหลาน เหตุใดเจ้าจึงต้องทำร้ายข้าด้วยเล่า”
คำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์ทำให้จัตุรัสที่เงียบสงบร้อนระอุขึ้นมาในทันใด ทุกคนพากันมองน่าหลานหลานอย่างไม่อยากเชื่อ ที่แท้แล้วเป็นนางเองหรือที่ทำร้ายซือหม่าโยวเย่ว์!
“ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลนะ ข้าไปทำร้ายเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน!” น่าหลานหลานปฏิเสธ “เจ้าหายตัวไประหว่างการเลือกไข่สัตว์อสูรของนักเรียนใหม่ ข้าเป็นนักเรียนชั้นปีอื่น แล้วจะไปทำร้ายเจ้าได้อย่างไรกัน ข้ามิได้ไปที่ถ้ำด้วยกันกับเจ้าเสียหน่อยนี่”
ผู้อำนวยการพยักหน้าแล้วพูดว่า “น่าหลานหลานพูดถูก นางมิใช่นักเรียนใหม่เสียหน่อย แล้วจะไปทำร้ายเจ้าได้อย่างไรกัน!”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทางเช่นนั้นของผู้อำนวยการที่คิดจะลำเอียงเข้าข้างน่าหลานหลานเสียแล้ว
“นางไม่ได้ไปก็จริง แต่นางให้ผู้อื่นทำแทนน่ะสิ ใช่หรือไม่ เหอชิวจือ เจ้าคงมิได้ผลักข้าเข้าไปบนค่ายกลนำส่งอันที่สี่อย่างไม่มีเหตุมีผลหรอกกระมัง”
เหอชิวจือถูกเรียกชื่อ ร่างกายสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นทุกคนมองมาทางตนจึงพูดติดๆ ขัดๆ ออกมา
“ข้า… ข้า…”
น่าหลานหลานเห็นท่าทีเช่นนั้นของเหอชิวจือ จึงมองผู้อำนวยการอย่างรู้สึกผิดพลางพูดว่า “ผู้อำนวยการเจ้าคะ ข้ามิได้คิดทำร้ายซือหม่าโยวเย่ว์เลยจริงๆ ถ้าหากนางให้เหอชิวจือผู้นี้บอกว่าข้าเป็นคนบงการเล่า ข้าก็หมดหนทางโต้แย้งสิเจ้าคะ”
เหอชิวจือคิดไม่ถึงว่าน่าหลานหลานจะพูดเช่นนี้จึงมองนางอย่างตกใจ นัยน์ตาเผยแววโกรธแค้นและไร้ทางสู้ “คุณหนูน่าหลาน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นท่านนั่นแหละที่บอกข้าว่าหากเข้าไปในค่ายกลนำส่งอันที่สี่แล้วก็ต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัย ท่านให้ข้าผลักซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปในนั้นระหว่างการเลือกไข่สัตว์อสูร! ฉะนั้นท่านจะโบ้ยให้ข้าเป็นคนผิดแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้!”
น่าหลานหลานแสดงท่าทีเหมือนว่าเจ้าถึงกับกล้าพูดเช่นนี้ได้แล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าดูสิ ข้าบอกแล้วว่านางต้องพูดเช่นนี้ ข้าคิดว่าต้องเป็นเจ้า ซือหม่าโยวเย่ว์ ที่ให้นางพูดเช่นนี้กระมัง”
“ใช่หรือไม่เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจแล้วมิใช่หรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มร้ายกาจ เห็นท่าทีของน่าหลานหลานแล้วเหมือนกับดูตัวตลกคนหนึ่งกระโดดขึ้นลงอย่างไรอย่างนั้น
“รู้ดีอยู่แก่ใจอะไรกัน ซือหม่าโยวเย่ว์ ข้ารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองครอบครัวไม่ใคร่จะดีนัก แต่เจ้าจะมาป้ายสีข้าเช่นนี้มิได้หรอกนะ!”
“ซือหม่าโยวเย่ว์ ที่แท้แล้วเจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่” มู่หรงอานมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างรังเกียจ รู้สึกว่าที่เธอทำเช่นนี้ก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากตน จึงยิ่งเห็นเธอขวางหูขวางตามากขึ้นไปอีก
“ข้าคิดจะทำสิ่งใด ต้องให้เจ้ามาถามด้วยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เหลือบมองมู่หรงอานอย่างดูแคลนปราดหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขาก็รู้ว่าเขาหลงตัวเองอีกแล้ว
เฟิงจือสิงกลับมามีท่าทีสงบนิ่งดังเดิมแล้วพูดว่า “โยวเย่ว์ เจ้าบอกว่าเหอชิวจือผลักเจ้าเข้าไปในค่ายกลนำส่ง และนางก็รับคำบงการมาจากน่าหลานหลานอย่างนั้นหรือ”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
เฟิงจือสิงมองเหอชิวจือแล้วถามด้วยสีหน้าเยียบเย็น “เหอชิวจือ เจ้ายอมรับผิดหรือไม่”
เหอชิวจือเห็นท่าทีเช่นนั้นของเฟิงจือสิงจึงรีบคุกเข่าลงไปในทันทีแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์เฟิง ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายซือหม่าโยวเย่ว์เลย เป็นน่าหลานหลานนั่นแหละที่ให้ข้าทำเช่นนี้ ถ้าหากมิใช่เพราะนางบอกข้า นักเรียนใหม่คนหนึ่งอย่างข้าจะรู้ได้อย่างไรกันว่าค่ายกลนำส่งอันที่สี่นั้นมีปัญหา”
“คนในวิทยาลัยที่รู้ว่าค่ายกลนำส่งอันนั้นมีปัญหาก็มิได้มีแค่น่าหลานหลานเพียงคนเดียวเสียหน่อย เจ้าอาศัยอะไรมาอ้างว่านางบงการให้เจ้าทำเช่นนี้กันเล่า เจ้ามีหลักฐานอันใดกัน” ผู้อำนวยการพูด “เช่นนั้นข้าก็พูดได้สิว่าเป็นผู้อื่นที่บงการเจ้า และเจ้าก็อยากปกป้องผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าผู้นั้น”
“คำพูดของข้าอย่างไรเล่าที่เป็นหลักฐาน! เป็นน่าหลานหลานจริงๆ ที่ให้ข้าทำเช่นนี้!” เหอชิวจือคิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะไม่เชื่อคำพูดของตน จึงตะลึงงันไปชั่วขณะ
เหตุการณ์ในตอนนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของซือหม่าโยวเย่ว์เลย ถึงอย่างไรผู้อำนวยการผู้นี้ก็ใช้แซ่น่าหลาน เป็นคนตระกูลน่าหลานด้วยกัน ย่อมออกปากรับแทนน่าหลานหลานอยู่แล้ว
“คำพูดของเจ้าย่อมไม่อาจใช้เป็นหลักฐานได้อยู่แล้ว” ผู้อำนวยการพูด “ถ้าหากเจ้าไม่มีหลักฐานอื่น ข้าก็จะตัดสินเรื่องนี้แล้วนะ”
“ข้า…” เหอชิวจือถลึงตาใส่น่าหลานหลานอย่างไม่ยอมจำนน ตอนนั้นตนเกือบคิดว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะไม่ชีวิตรอดกลับมาอยู่แล้ว นอกจากนี้คนทั้งสองก็พบกันตามลำพังทุกครั้ง สัญญากันด้วยปากเปล่า ก็ย่อมไม่มีหลักฐานอื่นใดให้อ้างถึงได้อยู่แล้ว
“ตอนนี้ข้า ผู้อำนวยการ ขอประกาศว่า เหอชิวจือลอบทำร้ายซือหม่าโยวเย่ว์ ฝ่าฝืนกฎที่ห้ามทำร้ายนักเรียนของวิทยาลัย ขอขับเหอชิวจือออกจากวิทยาลัย ปลดออกจากสถานภาพนักเรียน ต่อจากนี้ไปจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากวิทยาลัยอีก ออกไปไม่อาจเรียกตัวว่าเป็นนักเรียนของวิทยาลัยได้อีกต่อไป” ผู้อำนวยการพูด
“ไม่ อย่าไล่ข้าออกเลยนะเจ้าคะ!” เหอชิวจือได้ยินผู้อำนวยการไล่ตนออกไปเช่นนี้ก็ร้องไห้คร่ำครวญ “เป็นน่าหลานหลานจริงๆ ที่ให้ข้าทำเช่นนี้ นางต่างหากเล่าที่เป็นต้นคิด!”
“พูดจาเหลวไหล ตอนนี้เจ้าก็มิใช่นักเรียนของวิทยาลัยแล้ว ถ้าหากยังบังอาจเหลวไหลใส่ร้ายนักเรียนของวิทยาลัยอยู่อีก วิทยาลัยก็จะไม่เมตตาเจ้าแล้วนะ!” ผู้อำนวยการตะคอก หลังจากนั้นก็หันไปมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วถามว่า “การตัดสินใจนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ซือหม่าโยวเย่ว์กำลังรอให้ผู้อำนวยการลงโทษเหอชิวจืออยู่ จึงเอ่ยว่า “ข้าพึงพอใจกับการจัดการผู้สมรู้ร่วมคิดนี้มาก แต่ขอให้ท่านผู้อำนวยการได้โปรดจัดการกับผู้กระทำผิดหลักอย่างเป็นธรรมด้วยเจ้าค่ะ”
ผู้อำนวยการได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็เลิกคิ้วโดยสัญชาตญาณพลางเอ่ยว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หมายความตรงตามที่พูดนั่นแหละ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เมื่อครู่ท่านบอกว่าให้นำหลักฐานออกมา ท่านถามแค่เหอชิวจือเท่านั้น ไม่ได้ถามข้าเลย!”
“เจ้าบอกว่าเจ้ามีพลักฐานอย่างนั้นหรือ” เฟิงจือสิงมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วถามขึ้น
“ใช่แล้ว จือฉี” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางมองเว่ยจือฉี
“ได้เลย” เว่ยจือฉีหยิบเอาหินเสียงออกมาแล้วส่งให้ซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบหินเสียงมาแล้วหันไปมอบให้กับเฟิงจือสิงพลางพูดว่า “ทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว”
เฟิงจือสิงคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะถึงกับมีหินเสียงอยู่ในครอบครอง เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าของสิ่งนี้ใช้งานอย่างไร จึงกุมหินเสียงเอาไว้แล้วส่งพลังวิญญาณเข้าไปเล็กน้อย ลวดลายบนหินเสียงก้อนนั้นก็เริ่มโคจรอีกครั้ง
“ผู้อำนวยการ ท่านฟังให้ดีล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ
“ช่วยชีวิตหรือ ว่ามาสิ คราวนี้เจ้าไปยั่วยุใครเข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงของน่าหลานหลานดังออกมาจากในหินเสียง
“เป็นซือหม่าโยวเย่ว์น่ะ เขากลับมาแล้ว” เป็นเสียงของเหอชิวจือ
“ซือหม่าโยวเย่ว์หรือ”
“เจ้าบอกว่าเขากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว วันนี้ข้าเห็นเขาที่อาคารเรียนตัวเป็นๆ เลย ยังมีชีวิตแน่นอน!”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นเขา”
เสียงภายในหินเสียงทำให้เหอชิวจือและน่าหลานหลานพากันสะดุ้ง นี่เป็นเสียงสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ในศาลาริมทะเลสาบเมื่อคืนชัดๆ
“เป็นเขาจริงๆ นะ! คุณหนูน่าหลาน ท่านเคยบอกว่าเมื่อเข้าไปในค่ายกลนำส่งอันที่สี่แล้วจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา ข้าจึงได้เชื่อคำพูดท่านแล้วผลักเขาเข้าไป แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว และเขายังจะมาแก้แค้นข้าด้วย ทั้งแววตาของเขายังชวนให้คนขนพองสยองเกล้า บอกว่าเขาจะมาเอาชีวิตข้า! คุณหนูน่าหลาน ท่านต้องช่วยข้านะ ตอนนั้นเป็นท่านนั่นแหละที่ให้ข้าทำเช่นนี้!”
“เจ้าตกใจอันใดกัน! ต่อให้คนไร้ค่าผู้นั้นกลับมาแล้วเขาจะทำอะไรพวกเราได้เล่า”
“แต่เขาเห็นข้าผลักเขาเข้าไปในค่ายกลนำส่งอันที่สี่น่ะสิ! เขาต้องมาแก้แค้นข้าอย่างแน่นอนเลย!”
“วิทยาลัยมีกฎห้ามไม่ให้นักเรียนต่อสู้ฆ่าฟันกัน หากมีการทำร้ายกันเป็นการส่วนตัวแล้วถูกพบเข้าก็จะถูกขับไล่ออกจากวิทยาลัยในทันที ขอเพียงแค่ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่มีหลักฐานก็ไม่มีทางบอกได้หรอกว่าพวกเราเป็นคนทำ เพียงแค่ตอนที่เขามาสอบสวนเจ้าแล้วเจ้าไม่ยอมรับ ก็ไม่มีทางเกิดอันตราย ค่อยว่ากันเถิดเพียงคนไร้ค่าคนหนึ่งจะก่อความวุ่นวายอะไรให้เจ้าในวิทยาลัยได้ เจ้าคงไม่พ่ายแพ้แม้กระทั่งคนเช่นนั้นกระมัง”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ นักเรียนที่อยู่รอบๆ ต่างพากันมองมายังน่าหลานหลานอย่างตื่นตกใจ เป็นนางที่บงการให้เหอชิวจือทำเช่นนี้จริงๆ เสียด้วย!
………………………