ตอนที่ 84 ทำไมมันถึงหอมขนาดนี้?

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 84 ทำไมมันถึงหอมขนาดนี้?

จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินตรงไปที่ครัวเพื่อต้มซุปปลาหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว ภรรยาของเขาชอบซุปปลาที่เขาต้มมาก ซึ่งเขาจับปลาจี้(ปลาไน)มาได้ 4 หรือ 5 ตัว ถือว่าไม่มากเท่าไร

ซุปนี้อุดมด้วยสารอาหาร และภรรยาของเขาก็ชอบดื่มเช่นกัน เพราะมันช่วยบำรุงน้ำนมโดยเฉพาะ

หลังเคี่ยวซุปได้ที่ คุณป้าหยางก็มาเคาะประตู จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไปเปิดประตูให้นางเข้ามา ต้าเฮยคุ้นเคยกับเพื่อนบ้านคนนี้แล้ว เมื่อเห็นนายท่านอยู่ด้วยมันก็ไม่มีท่าทางสนใจอะไร

“คุณป้าเข้าไปดื่มน้ำขิงพุทราจีนให้อุ่น ๆ หน่อยนะครับ หลังจากนั้นค่อยมาเด็ดขึ้นฉ่ายกลับไป ตอนนี้ยังไม่ค่ำเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาสี่โมงเย็นเท่านั้น ซึ่งปกติคนที่บ้านหลักจะกินอาหารกันหลังห้าโมงเย็นไปแล้ว

“ถ้างั้นป้าเข้าไปดูหลานชายก่อนนะจ๊ะ” คุณป้าหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงให้นางเข้าไป แล้วก็บอกซูตานหง “ตานหง คุณเทน้ำให้คุณป้าดื่มก่อนนะ ผมยังมีงานที่ต้องทำในครัวอยู่”

“ค่ะ ตามสบายเลย” ซูตานหงยิ้ม เธอกับคุณป้าหยางต่างสนิทสนมกันมากแล้ว

จี้เจี้ยนอวิ๋นไปทำงานต่อ เขาคิดจะนำปลาที่เหลือไปให้แม่ของเขา จากนั้นก็ลงมือสับเนื้อปลาจนละเอียดเป็นเนื้อเหลว ๆ เพราะว่าเขาตั้งใจจะทำลูกชิ้นปลาที่ตัวเขาชอบกิน

แต่แม่ของเขาจะต้องปวดใจและไม่กล้าใช้น้ำมันมากขนาดนี้แน่นอน เขาจึงวางแผนนำมันกลับมาทำอาหารที่บ้าน ซึ่งภรรยาของเขาไม่ได้สนใจในเรื่องนี้

แต่ก่อนที่เขาจะลงมือทำลูกชิ้นปลาทอด เขาก็เข้าไปในโรงเรือนปลูกต้นไม้เพื่อเก็บขึ้นฉ่ายให้คุณป้าหยางก่อน

ซูตานหงกำลังคุยกับคุณป้าหยาง ซึ่งหญิงชรานั้นชอบเหรินเหรินน้อยมาก เป็นโอกาสหายากนักที่จะได้เข้ามาอุ้มเด็กแบบนี้ แล้วนางก็เอ่ยชมเสียใหญ่โต “เด็กคนนี้ต้องถูกแม่เลี้ยงมาดีแน่ ๆ ดูเหรินเหรินสิ ไม่มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านสู้เขาได้แล้ว”

คำพูดของนางฟังดูเกินจริงไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นซูตานหงก็ชอบฟัง

ถึงจะชอบฟังอยู่ในใจ แต่เธอก็ยังตอบแบบถ่อมตัวด้วยรอยยิ้ม “คุณป้ายังไม่รู้อะไร เด็กคนนี้ซนมากเลยนะคะ คุณป้าคงยังไม่เห็นตอนที่เขาก่อปัญหา ตกกลางคืนนี่เขาไม่ยอมเงียบเลยล่ะค่ะ”

“นี่ถือว่าเป็นปัญหาอะไรกัน? เธอยังไม่เคยเห็นปัญหาจริง ๆ สินะ เหรินเหรินน่ะเป็นเด็กดีที่สุดที่ป้าเคยเห็นแล้ว” คุณป้าหยางพูด

จากการมาเยี่ยมเยียนเป็นระยะ ทำให้นางเห็นว่าเหรินเหรินน้อยดูเรียบร้อยทุกวัน ทุกครั้งที่นางมา เขาก็มีเนื้อตัวสะอาดสะอ้านอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งก็นอนเล่นกับตัวเองด้วยรอยยิ้มอยู่บนเตียง เป็นภาพที่หายากนัก

ซูตานหงยิ้ม ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกไป เธอก็ได้ยินเหรินเหรินน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของคุณป้าหยางยังคงส่งเสียงร้อง พร้อมกับสีหน้าที่ดูร้อนรนมากขึ้น

เธอเห็นแล้วก็รีบคว้าเขาไปจากมือของคุณป้าหยาง และพาเขาออกไปปัสสาวะ ทันทีที่ถึงที่หมาย เขาก็ไม่อาจกลั้นไว้ได้อีกต่อไป

คุณป้าหยางถึงกับเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เขาจะส่งเสียงร้องในตอนที่อยากฉี่งั้นเหรอจ๊ะ?”

“เด็กตัวเหม็นนี่รักสะอาดอย่าบอกใครเลยค่ะ ก่อนหน้านี้เขาเคยฉี่แล้วก็ส่งเสียงร้องเพราะไม่สบายตัว หลังจากนั้นเขาก็เลยส่งเสียงร้องก่อนที่จะฉี่ตลอด” ซูตานหงยิ้ม

คุณป้าหยางประหลาดใจมาก “เหรินเหรินอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะเนี่ย ทำไมเขาถึงรู้ความขนาดนี้? เขาต้องเป็นเด็กฉลาดแน่ ๆ เลยจ้ะ!”

ซูตานหงยิ้มรับ

ไม่นานนักเธอก็เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กในอ้อมกอดเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เติมน้ำใส่ขวดนมให้เขาดื่ม

เด็กชายตัวน้อยคว้าขวดนมไว้แล้วดื่มน้ำอย่างมีความสุข

“คุณป้าไม่รู้หรอกค่ะว่าเด็กตัวเหม็นนี่รักความสะอาดขนาดไหน ฉันเพิ่งจะเช็ดตัวให้เขาเมื่อวานซืนนี้ มาวันนี้เขาก็โวยวายให้เช็ดตัวจนสะอาดอีกแล้ว” ซูตานหงบอก

ในสภาพอากาศหนาวเช่นนี้ เธอเองก็กังวลว่าลูกชายจะเป็นหวัด แต่ไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะรักสะอาดยิ่งกว่าเธอเสียอีก เขาชอบที่จะถูกเช็ดตัวและได้อาบน้ำ

แต่เธอคงให้เขาอาบน้ำไม่ได้ ทำได้เพียงเช็ดตัวให้เท่านั้น ซึ่งผ้าผืนที่ห่อตัวเขานั้นเป็นผ้าที่พ่อของเขาซักแล้วก็ตากไว้บนฝาหม้อ

ช่างกวนใจคนอื่นจริง ๆ

คุณป้าหยางยิ้ม นางมองเด็กชายตัวน้อยดื่มน้ำ จากนั้นก็คุยกับเธอต่อสักเล็กน้อยก่อนจะจากไป

ซูตานหงวางลูกชายบนเตียงปล่อยให้เขาเล่นกับตัวเอง จากนั้นก็ไปส่งคุณป้าหยางพร้อมกับมอบขึ้นฉ่ายให้นางนำกลับไป

“ทำไมเก็บมาเยอะขนาดนี้เลยล่ะจ๊ะ? ป้าแค่จะทำเกี๊ยวเอง” คุณป้าหยางมองขึ้นฉ่ายจำนวนมากแล้วเอ่ยรัวเร็ว

“ถ้าคุณป้าใช้ไม่หมดก็เก็บไว้ใช้ทำอาหารมื้อหน้าก็ได้ค่ะ”ซูตานหงยิ้ม

คุณป้าหยางยิ้มแล้วไม่เอ่ยอะไรต่อ

เมื่อส่งคุณป้าหยางกลับไปแล้ว ซูตานหงก็เข้ามาในห้อง ก่อนจะพบว่าลูกชายของเธอนอนหลับไปแล้วเมื่อครู่ที่ผ่านมา

ซูตานหงรู้สึกจนใจ เพราะว่าเด็กคนนี้หลับจนถึงหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่มถึงจะตื่น เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็จะคึกคักอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว…

แต่ซูตานหงก็ไม่สนใจพร้อมกับห่มผ้านวมให้เขา จากนั้นก็เดินมาที่ครัว

กลิ่นน้ำซุปปลาจี้ลอยอบอวล ทำให้ซูตานหงรู้สึกพอใจมาก จากนั้นก็ลงมือหยิบแป้งห่อเกี๊ยวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นไส้เกี๊ยวหรือแป้งเกี๊ยว มันก็ถูกทำเสร็จเรียบร้อยแล้วและเก็บไว้ในตู้เย็น

วันนี้อากาศหนาวมาก หลังจากทำอาหารเสร็จแล้วมันจะเย็นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการกินเกี๊ยวจึงเป็นเรื่องที่สะดวก มันช่วยให้อิ่มท้องและรู้สึกอบอุ่นขณะที่กิน

เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาถึง เธอก็ได้เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนปรุงเท่านั้น

“คุณจะทำอะไรเหรอคะ” ซูตานหงเอ่ยขณะเห็นเขานำอ่างน้ำกลับมา

“ผมจะทอดลูกชิ้นปลากินน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

ซูตานหงเหลือบมองชิ้นเนื้อปลา เมื่อเห็นก้างปลาอยู่ในนั้นเธอก็หมดความรู้สึกอยากกินทันที “งั้นฉันจะรอกินนะคะ คุณทำไปเองเลย”

ห้องครัวนี้มีขนาดใหญ่และมีอุปกรณ์ครบครัน เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ

“ตกลงครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า

ซูตานหงต้มเกี๊ยว จากนั้นไม่นานเกี๊ยวชามหนึ่งก็ถูกตักออกจากหม้อ ในครั้งแรกพวกเขาส่งไปให้คุณพ่อจี้กินก่อน มีเกี๊ยวหนึ่งชามและน้ำขิงพุทราจีนหนึ่งกระติก ซึ่งถือเป็นของสำคัญ และคุณพ่อจี้ก็ชอบดื่มมากด้วย

เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นไปส่งอาหารเสร็จ พวกเขาก็เริ่มกินอาหารของตัวเองและเลี้ยงสุนัขที่บ้านหลังจากกินเสร็จ จากนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็พับแขนเสื้อเตรียมทำลูกชิ้นปลาทอด

ซูตานหงกลับไปที่ห้อง ขณะที่ลูกชายกำลังนอนหลับอยู่นั้น เธอก็หยิบสะดึงปักผ้าขึ้นมาทำการปักผ้าต่อ

ตอนนี้เธอทำงานปักผ้าในขณะที่ลูกชายกำลังนอนหลับ ไม่อย่างนั้นเธอต้องคอยโอ๋เขาเป็นระยะและจะเสียสมาธิไป

เธอมีงานที่ปักเสร็จแล้วอยู่ที่นี่ เพียงแต่อากาศหนาวเย็นเกินไปจึงไม่ได้ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นเอาไปส่งที่ร้าน หลังรอมา 1 ปี ในที่สุดเธอก็ได้ปักผ้าชิ้นนี้ซึ่งทำไปได้เพียงหนึ่งในสาม และด้วยความเร็วเท่านี้ เธอก็คงจะปักเสร็จในวันขึ้นหนึ่งค่ำพอดี

แต่ในขณะที่กำลังปักผ้าอยู่นั้น กลิ่นหอมบางอย่างก็ลอยอวลเข้ามา

ครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นใส่วัตถุดิบลงไปเต็มที่ มีทั้งต้นหอม ขิง พริกนิดหน่อย และมันหมูจำนวนหนึ่ง ทำให้ลูกชิ้นปลาทอดมีรสโอชาเหลือแสน!

“เจี้ยนอวิ๋น ทำไมมันหอมขนาดนี้ล่ะคะ? คุณทำอาหารอะไรเหรอ?” ซูตานหงเดินออกมาถามอย่างอดไม่ได้

“ลูกชิ้นปลาทอดครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม จากนั้นก็ชี้ไปยังลูกชิ้นปลาที่ทอดเสร็จแล้วข้างกายเขา “คุณลองกินสักลูกสิ รสชาติอร่อยมากเลยนะ!”

ซูตานหงเห็นแล้วก็น้ำลายสอ เธอหยิบตะเกียบคีบกินลูกหนึ่ง จากนั้นพลันนึกอะไรขึ้นมาได้และถามขึ้น “คุณยังใส่พริกอยู่อีกเหรอคะ?”

“ก็…ใส่ลงไปนิดหน่อยน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นชะงัก และพลันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ภรรยาของเขายังกินเผ็ดไม่ได้!

………………………………………