ตอนที่ 85 ทัศนคติต่อสะใภ้สาม
ซูตานหงจ้องมองเขา
“ภรรยา ผม…ผมลืมไปว่าคุณยังกินเผ็ดไม่ได้” จี้เจี้ยนอวิ๋นพลันเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ฉันไม่สน พรุ่งนี้คุณออกไปหว่านแหจับปลาแล้วทำลูกชิ้นปลาสูตรพิเศษสำหรับฉันมาใหม่นะคะ!” ซูตานหงวางตะเกียบและเอ่ยตรง ๆ
“ได้เลยครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบในทันที
ซูตานหงไม่สนใจเขา ของอร่อยอย่างนี้เขาจะไม่ให้ภรรยาชิมหน่อยเหรอ? แบบนี้ต้องจัดการ!
ความจริงซูตานหงก็ไม่ได้อยากกินนักหรอก ก้างปลาในนั้นทำให้เธอรู้สึกระคายปาก แต่ก็ไม่คิดเลยเหมือนกันว่าฝีมือการทำอาหารของเจี้ยนอวิ๋นจะดีขนาดนี้ และลูกชิ้นปลานี่ก็หอมน่ารับประทานมาก
เธอจึงรู้สึกอยากกิน
ดังนั้นจึงบอกไม่ได้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นทำของอร่อยแต่ไม่คิดจะให้ภรรยากิน เพราะก่อนหน้านี้เธอบอกไปว่าไม่อยากกิน แต่หลังจากที่ได้เห็นสภาพของมัน…
อย่างไรก็ตามเจี้ยนอวิ๋นย่อมรักภรรยาของเขาอยู่แล้ว เขาย่อมต้องไว้หน้าเธอบ้างและเอ่ยปลอบเธอ
หลังผู้เป็นภรรยาได้รับการปลอบใจจากเขาเสร็จ เธอก็กลับไปปักผ้าต่อ
จี้เจี้ยนอวิ๋นทอดลูกชิ้นปลากระทะใหญ่ ปริมาณราว 5 หรือ 6 ชั่งได้ จากนั้นก็ส่งลูกชิ้นทอดจำนวนครึ่งชั่งไปให้คุณป้าหยางที่อยู่ข้างบ้าน และขณะที่มันยังอุ่นอยู่นั้น เขาก็ได้ส่งขึ้นไปบนภูเขาให้คุณพ่อจี้ได้ชิม นอกจากนี้ยังนำอีก 2 ชั่งไปให้แม่ของเขาที่บ้านเก่าตระกูลจี้ ส่วนที่เหลือนั้นเก็บไว้กินเอง
ทางฝั่งบ้านเก่าตระกูลจี้ จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ได้กินลูกชิ้นปลาทอดและเอ่ยขึ้น “ลูกชิ้นปลาทอดนี่ก็ยังรสชาติเหมือนเดิมเลยนะคะ เพียงแต่พี่สามชอบกินเผ็ดเลยใส่พริกเยอะไปหน่อย ถ้าไม่ใส่พริกก็คงจะอร่อยกว่านี้”
“เธอก็ยังหาข้อติจนได้นะ” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เราคงไม่มีทางได้กินลูกชิ้นปลาทอดหรอกถ้าแม่เราเป็นคนทำ ของแบบนี้เปลืองน้ำมันจะตาย”
อย่าว่าแต่แม่ของเขาเลย ต่อให้เป็นเขา เขาก็ไม่กล้าทำ ของแบบนี้ใช้น้ำมันเปลืองมาก
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็อร่อยมากจริง ๆ
อวิ๋นลี่ลี่กินลูกชิ้นปลาลูกเล็กแล้วก็เอ่ยขึ้น “พี่สามทำไว้เยอะขนาดไหนคะเนี่ย? ดูเหมือนสะใภ้สามจะยังกินอาหารเผ็ดไม่ได้นะ”
“พี่สามจะต้องเหลือไว้ให้หล่อนอีกเยอะแน่ ฉันคิดว่าเขาจับปลาได้เยอะทีเดียว” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยในทันที
“พี่สามชอบกินลูกชิ้นปลาทอดมาก เราได้กินแล้วก็กินให้สมกับลาภปากกันเถอะ นี่กินจนเริ่มหยุดปากไม่ได้แล้ว” จี้เจี้ยนเหวินบอก
เขาจะไม่รู้เหรอว่าน้องสาวกับภรรยาของเขาหมายความว่าอะไร? ของอร่อยแบบนี้ใครบ้างจะไม่อยากกิน
อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นเม้มปาก “ตั้งแต่พี่สามแต่งงานกับนังนั่น เขาก็กลายเป็นคนขี้งกไปแล้ว!”
เธอไม่ให้เงินขวัญถุงกับหล่อนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ใช่พี่สามหรอกหรือที่แอบเอาเงินมาให้หล่อน?
จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างลืมนึกไปว่าในวันที่ไปเดินตลาดซื้อกับข้าวไม่กี่วันก่อนหน้านี้ พี่ชายสามยังให้เงินหล่อนไว้ 10 หยวน
จี้เจี้ยนเหวินย่นคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “อวิ๋นอวิ๋น เธอพูดแบบนั้นได้ยังไง นั่นพี่สะใภ้สามของเธอนะ!”
ไม่ต้องบอกเลยว่าเมื่อก่อนนั้นจี้เจี้ยนเหวินไม่พอใจในตัวสะใภ้สามเหมือนกัน หล่อนเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเกินไป และโวยวายได้แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ ไม่ต้องคิดเลยว่าทั้งครอบครัวจะอยู่กันได้อย่างสงบสุขหรือไม่
ทว่านับตั้งแต่ปีที่แล้วที่สะใภ้สามเป็นคนออกเงิน 400 หยวนเพื่อยุติความขัดแย้งในเรื่องที่เขายืมเงิน 500 หยวนไปซื้อบ้าน เขาก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อสะใภ้สามไปอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งกว่านั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องของเขาเลย แค่เรื่องพี่ชายสามที่ลาออกจากกองทัพหลังได้รับบาดเจ็บก็เห็นชัดอยู่แล้ว
ในหมู่พี่ชายทั้งหมด เขาถือว่าพี่ชายสามมีบุญคุณกับเขามาก เขารู้ตัวเองว่าเงินที่ตัวเองใช้นั้นเป็นเงินเดือนเกือบทั้งหมดของพี่ชายสาม ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าพี่ชายสามของเขาต้องสูญเสียหน้าที่การงานไปก็ทำให้รู้สึกร้อนใจขึ้นมาเหลือแสน พี่ชายของเขาจะต้องมีคนคอยดูแล
หากเป็นสะใภ้บ้านอื่น ถ้ารู้ว่าสามีต้องเสียชามข้าวไปเหมือนอย่างบ้านนี้ พวกหล่อนก็คงหาเรื่องทะเลาะไม่จบไม่สิ้น
จะมีแรงกดดันทางครอบครัว สถานภาพสมรส และการว่างงานตามมา ซึ่งเขาไม่อยากจะคิดเลย
แต่พี่สะใภ้สามที่เขาคิดว่าจะทอดทิ้งพี่ชายสามของเขากลับทำให้เขายกย่องเทิดทูนได้ในเรื่องนี้!
เขานับถือหล่อนจริง ๆ ตรงที่หล่อนไม่ถือว่าการเสียชามข้าวเหล็กเป็นเรื่องใหญ่ และให้การดูแลพี่ชายสามเป็นอย่างดี ดูเขามีสุขภาพดีขนาดไหนกันล่ะหลังหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว?
เขาเคยแอบถามพี่สามอยู่ลับ ๆ ว่ายังมีอาการบาดเจ็บตรงไหนอยู่หรือไม่ แต่พี่สามของเขาก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่าไม่มีแล้ว
พี่ชายสามของเขาเป็นเสือยิ้มยาก ยิ่งตอนที่แต่งงานในปีก่อน ๆ หน้านี้เขายิ่งไม่ยิ้มเข้าไปใหญ่ ดูขรึมมากเหลือเกิน แล้วมาดูตอนนี้สิ?
เขาดูโอบอ้อมอารีมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังกระฉับกระเฉงมีพลังอย่างมาก ซึ่งไม่ต้องพูดถึงสีหน้าของเขาเลย
ความดีความชอบนี้เป็นของใครกันล่ะ?
เขาไม่เชื่อว่ามันจะไม่ใช่ฝีมือของสะใภ้สาม
พี่ชายสามของเขาลาออกแล้ว แต่พี่สะใภ้สามยังคงสนับสนุนเขาอย่างเหนียวแน่น ดูสวนผลไม้นั่นสิ เป็นความดีความชอบของใครกัน? แล้วยังมีแกะกับไก่อีก
สวนแห่งนี้ดำเนินไปด้วยดี เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็ไม่ต้องบอกเลยว่าครอบครัวพี่ชายสามของเขาจะต้องโชคดีแน่
เขาได้ทั้งลูกชาย และงานของเขาก็เป็นไปด้วยดี แล้วใครกันที่เป็นที่พึ่งที่ทำให้พี่ชายสามของเขามีชีวิตอย่างทุกวันนี้มาได้?
อย่างที่ชาวบ้านบอกไว้เลย ว่าเป็นเพราะพี่สะใภ้สามผู้มีบุญญาธิการคนนั้น!
จึงไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้สะใภ้สามอยู่ตำแหน่งไหนในใจของเขา
เมื่อได้ยินน้ำเสียงรังเกียจเดียดฉันท์ของน้องสาว จี้เจี้ยนเหวินก็ย่นคิ้ว
จี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นว่าพี่ชายสี่ของหล่อนปกป้องผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ กล่าวขึ้น “ฉันพูดอะไรผิดเหรอ? ทำไมพี่ถึงลำเอียงเข้าข้างนังนั่นแล้วล่ะ ทำไมในตอนนี้แม้แต่พี่สี่ก็ยังเข้าข้างนังนั่น พี่ไม่รู้หรอกว่าหล่อนสุดจะทนขนาดไหน ตอนที่ฉันแวะบ้านนั้นเมื่อไม่กี่วันนี้ ฉันก็เจอหมาดำตัวใหญ่อยู่ในบ้านหล่อน แล้วหล่อนก็จงใจมาเปิดประตูช้าปล่อยให้ฉันยืนแกร่วอยู่นาน ฉันล่ะกลัวหมาดำนั่นจริง ๆ!”
“แกพูดจาว่าร้ายพี่สะใภ้สามของแกอีกแล้วเหรอ?” คุณแม่จี้ที่เพิ่งส่งปลาให้เพื่อนบ้านเสร็จพลันเอ่ยขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว
จี้เจี้ยนอวิ๋นนำลูกชิ้นปลามาให้พวกเขา 2 ชั่ง นางจึงเก็บไว้กินส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งแบ่งไปให้เพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลจี้
เพื่อนบ้านในสังคมชนบทก็เป็นเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นจะมีคำกล่าวว่าญาติที่อยู่ห่างไกลก็ไม่สู้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเหรอ?
“หนูพูดผิดไหมล่ะคะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“เรื่องนี้สะใภ้สามบอกกับฉันแล้วว่าตอนที่แกไปเรียก หล่อนกำลังพาเหรินเหรินไปฉี่อยู่ ก็เลยไม่มีเวลามาเปิดประตูให้ เรื่องของแกหรือเรื่องของเหรินเหรินด่วนมากกว่ากันล่ะ? แล้วแกโดนต้าเฮยกัดหรือยัง? แกนี่เอาแต่คิดเล็กคิดน้อยอยู่เรื่อยเลย สะใภ้สามอุตส่าห์ให้ของอร่อย ๆ มาให้แกกินตั้งมากมาย ทำไมแกไม่หัดพูดอะไรดี ๆ กับหล่อนบ้าง?” คุณแม่จี้สั่งสอน
จี้อวิ๋นอวิ๋นมีดวงตาแดงขึ้นมา หล่อนแค่นเสียงหึและเดินกลับเข้าไปโดยไม่กินลูกชิ้นปลาทอดอีก
“คุณแม่คะ นี่จะไม่พูดเกิน…”
ทันทีที่อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยขึ้น คุณแม่จี้ก็พูดขัด “หล่อนโตขนาดนี้แล้ว เธอในฐานะพี่สะใภ้ก็อย่าตามใจหล่อนไปเสียทุกเรื่อง พวกเราชินกับหล่อนแล้ว อายุเท่านี้แต่งงานออกไปแล้วคนอื่นที่ไม่ชินกับหล่อนจะรู้สึกยังไง?”
อวิ๋นลี่ลี่ได้ยินก็รู้สึกเบื่อหน่าย
แต่จี้เจี้ยนเหวินพยักหน้าเห็นด้วย “แม่พูดถูกแล้วครับ”
ขณะที่ปากกำลังกินลูกชิ้นปลาทอดที่พี่ชายสามนำมาให้ หล่อนก็ว่าร้ายพี่สะใภ้สามไปด้วย ดังนั้นจะตามใจเด็กสาวคนนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ในตอนนี้เองลูกสาวของพวกเขาก็ตื่นขึ้นและร้องไห้โยเย อวิ๋นลี่ลี่จึงกลับเข้าไปในห้อง
“แม่ ลองกินดูสิครับ พี่สามเอาลูกชิ้นปลาทอดพวกนี้มาให้ มันหอมน่ากินมากเลยนะครับ” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ยพลางหัวเราะ
“พี่สามของแกชอบกินเหรอ แล้วใส่พริกไหม?”คุณแม่จี้กล่าวก่อนจะคีบลูกชิ้นปลาขึ้นมา
……………………………………………