ตอนที่ 74 : รุ่นพี่ประหลาดใจ

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 74 : รุ่นพี่ประหลาดใจ

เมื่อหวังเย่าได้ทำการวิวัฒนาการอินทรีย์แฝดทั้งสองเสร็จสิ้น สายพันธุ์ของมันก็เปลี่ยนไปทันที

****

สายพันธุ์ : ราชันเจ้าเวหา

ระดับ : ทองขั้นสูง

เลเวล : 1

สกิล : 1. บินสูง บินได้สูงถึงชั้นสตราโทสเฟียร์, 2. สายตาระยะไกล ความสามารถในการมองสูงกว่าอินทรีย์พายุสีครามทั่วไป 10 เท่า สามารถมองทะลุเมฆได้, 3. พุ่งชน ดำดิ่งลงมาจากฟ้าเพิ่มแรงในการโจมตี, 4. หายตัว หายตัวได้ 30 นาทีด้วยการปรับเปลี่ยนแสง

****

“สกิลดีจริง ๆ ”  หวังเย่าเองก็ใจสั่น อินทรีย์ 2 ตัวนี้มีจิตใจที่สื่อถึงกัน ถ้าหากเขากับโจวอวิ๋นทำสัญญากันคนละตัว เกรงว่าคงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตามโจวอวิ๋นในตอนนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับเขานัก อีกทั้งการที่ผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันตลอดมันก็คงดูแปลก

“ถ้าเป็นเมิ่งก็ว่าไปอย่าง”  หวังเย่าคิดแบบนั้นก็ใจสั่น แค่คิดว่าหากพวกเขาพัฒนาเป็นคู่รัก เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว

แต่หวังเย่าก็ทำได้แค่คิด แม้จะใช้ห้องด้วยกันแต่ก็แบ่งพื้นที่กันอย่างชัดเจน เขาไม่อาจจะผิดข้อตกลงนี้ได้ ไม่งั้นแล้วมันก็มีแต่จะสร้างปัญหาขึ้นมา

“ช่างเถอะ มีระบบอยู่ด้วย ในอนาคตฉันจะต้องดีขึ้นกว่านี้แน่”

ระบบไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรให้กับเขา  การกระทำต่าง ๆ ของเขาไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้  เขาอาจจะโชคดีได้วิวัฒนาการสัตว์อสูรขึ้นเป็นระดับสวรรค์รึระดับศักดิ์สิทธิ์เลยก็ได้

“ระดับทองแดงไปเงินใช้ค่าประสบการณ์ 10,000 หน่วย ระดับเงินเป็นทองใช้ค่าประสบการณ์ 100,000 หน่วย ระดับทองขึ้นเป็นระดับสวรรค์ใช้ค่าประสบการณ์ 1,000,000 หน่วย ระดับสวรรค์ขึ้นเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้ค่าประสบการณ์ 10ล้านหน่วย ระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเป็นระดับพระเจ้าต้องใช้ค่าประสบการณ์ 100 ล้านหน่วย”

“การเลื่อนขั้นย่อยอย่างทองแดงขั้นต้นเป็นกลางใช้ค่าประสบการณ์ 2,000 หน่วย จากขั้นกลางเป็นสูงใช้ 3,000 หน่วย  ทองแดงขั้นสูงไปเงินขั้นต่ำใช้ค่าประสบการณ์ 5,000 หน่วย ส่วนที่เหลือก็คล้าย ๆ กัน”

หวังเย่าได้ข้อสรุปมา เขารู้สึกว่าเส้นทางยังอีกยาวไกล แม้เขาจะพอมีเงินอยู่บ้าง แต่การที่จะหาค่าประสบการณ์ให้กับ หงอคงและการ์ฟิลด์ด์กว่าล้านหน่วยนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก

“มหาวิทยาลัยหัวเซี่ย…ถ้าฉันอยากจะโดดเด่นในหมู่ผู้คน ก็ต้องพึ่งระบบ”

ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา

“นายมารับฉันที่ห้องสมุดไปกินข้าวที”  เสียงของจ้าวเมิ่งซีนั้นนุ่มนวลราวกับเสียงธารน้ำไหล

“ได้ เดี๋ยวฉันไป”  หวังเย่ารีบออกจากโรงแรมและมุ่งหน้าไปที่มหาวิทยาลัยที่อยู่ห่างออกไป 1 กิโลเมตรทันที เขาถึงกับคิดว่าจะซื้อรถมาใช้ดีรึไม่

ตอนนั้นเขาก็ได้โทรหาโจวอวิ๋นเพื่อบอกรายละเอียด

“นายสบายใจได้ ฉันจะไปหานายพรุ่งนี้เช้า”  โจวอวิ๋นพูดขึ้น

เขาใช้สกิลเร่งความเร็วของการ์ฟิลด์แล้ววิ่งไปราวกับสายลม เขาเร็วยิ่งกว่ารถที่แล่นอยู่ตามถนนเสียอีก แต่เขาก็วิ่งเร็วแบบนี้ได้ไม่นานนัก

เมื่อมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย เขาก็ได้เอาบัตรให้กับยามก่อนจะถามทางไปห้องสมุดจากคนอื่นๆ  5 นาทีต่อมาเขาก็มาถึงห้องสมุด

“โชคดีที่เดือนที่แล้วฉันฝึกร่างกายมา ร่างกายฉันจึงแข็งแรงกว่าเดิมอย่างมาก ไม่งั้นแล้วถ้าต้องเดินทางมาถึงที่นี่คงเหนื่อยตายกันพอดี”

หวังเย่าหอบหายใจ เขาดีใจกับความก้าวหน้าจากความพยายามของเขา

ระหว่างทางนั้นมีเด็กที่มาเตรียบสัมภาษณ์และพวกรุ่นพี่คนอื่น ๆ พากันชี้มาที่เขา

ตอนที่หวังเย่าวิ่งผ่านไปราวกับสายลม ทุกสายตาก็จ้องมองมาที่เขา มันถึงกับมีคนอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ  “เขาเร็วจริง ๆ ”

พวกเด็กที่มาสัมภาษณ์ต่างพากันทึ่ง  “มหาวิทยาลัยหัวเซี่ยนี่สมกับเป็นที่สั่งสอนผู้มีพรสวรรค์ คนแกร่ง ๆ แบบนี้มีอยู่เยอะจริง ๆ ”

ในชั้นที่ 5 เมื่อเดินเข้ามาก็พบจ้าวเมิ่งซีนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง ตรงกันข้ามกับเธอนั้นมีพวกผู้ชายที่ทำท่าอ่านหนังสือและแอบมองมาที่เธออยู่ตลอด

หวังเย่าเดินผ่านพวกนั้นก่อนจะไปยืนค้ำโต๊ะข้าง ๆ จ้าวเมิ่งซี โดยที่ใช้มือซ้ายวางไว้ที่ไหล่ของเธอแล้วหัวเราะออกมา  “พี่ชายมาแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

จ้าวเมิ่งซีกรอกตาใส่ แต่ไม่นานก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มแสนหวาน  “พี่หรือ ? นายไม่ใช่พี่ฉัน”

เธอหยิบหนังสือและลุกขึ้นยืน ก่อนจะจับมือของหวังเย่าเอาไว้

บรรดาผู้ชายที่แอบมองมาที่เธอก่อนหน้านี้พากันมองหน้ากัน ทุกคนต่างก็พากันผิดหวัง บางคนถึงกับสีหน้าบิดเบี้ยวไป

“ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องมีเจ้าของ”

“เด็กนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้แฟนสวยแบบนี้”

“ฉันอยู่ที่นี่มาเป็นปีแล้วแต่กลับไม่เคยเห็นสาวสวยแบบนี้มาก่อน เธอสวยจริง ๆ ”

 “เธอสวยจริง ๆ นั่นแหละ แต่ฟ่านฉิงเหมยจากมหาลัยเราก็เทียบกับเธอได้  ทว่าฟ่านฉิงเหมยเลือกลงสาขาผู้ตรวจสอบ ตอนปีหนึ่งยังพอเห็นหน้าเธออยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอออกลาดตระเวนอยู่ที่ด้านนอก การที่เด็กปีสองไม่ค่อยเห็นหน้าเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“ฟ่านฉิงเหมยหรือ ? ฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ในเว็บของโรงเรียนก็มีรูปเธออยู่ เธอน่ะสวยราวกับดอกไม้จริง ๆ น่าเสียดายที่เธอหยิ่งและแข็งแกร่งอย่างมาก ในสาขาผู้ตรวจสอบ มีแค่เย่ฉิวเกาที่พอรับมือกับเธอได้”

“ผู้หญิงประหลาดแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะได้มาครองง่าย ๆ พวกคนรวย ๆ บางคนอยากจะจีบเธอ แต่ทุกคนก็โดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย”

“จริงสิ เรายังไม่ได้ถามชื่อผู้หญิงคนนั้นเลย”  อยู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นตบโต๊ะและอุทานออกมา

“ฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร”  ชายตัวอ้วนสวมแว่นเปิดปากพูดขึ้นมา  “ตอนนี้ฝ่ายศึกษากำลังรับเด็กใหม่ ตามรายงานแล้ว มี 10 คนที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ผู้หญิงเมื่อตะกี้ที่พวกนายเห็นคือคนที่ได้อันดับหนึ่งไป”

เขายื่นโทรศัพท์ให้ทุกคนดู อยู่ ๆ ตอนนั้นสายตาของทุกคนก็พากันเบิกกว้าง

“คนที่สวยที่สุดอันดับ 1  จ้าวเมิ่งซี อายุ 16 ปีจากเมืองอรุณ  พ่อเธอคือจ้าวเฮยหลง หัวหน้ากองทัพมังกรดำ ตระกูลของเธอน่ะมีอำนาจ”

“ภูมิหลังของเธอยิ่งใหญ่จริง ๆ ตามหลักแล้วเธอคงจะหาแฟนที่ทัดเทียมกับเธอ รีบหาข้อมูลเด็กนั่นเร็วเข้า เขาน่าจะมาจากเมืองอรุณเหมือนกัน”

ไม่กี่นาทีต่อมาด้วยการเข้าเว็บของเมืองอรุณพวกเขาก็พบข้อมูลของหวังเย่า

“อันดับหนึ่งในการแข่งขันของเมือง”  ชายคนหนึ่งอุทานออกมา

“แต่เรื่องที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือเขามาจากตระกูลธรรมดา พ่อแม่ของเขาเป็นคนธรรมดาและตายไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เป็นที่รู้จักและเพิ่งมาโด่งดังเมื่อสองเดือนมานี้”

“ฉันสงสัยว่าเทพธิดาอย่างจ้าวเมิ่งซี ไปสนใจลูกคนธรรมดาแบบนี้ได้ยังไง ? มันคงไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งหรอกนะ”

สักพักหลายคนต่างก็พากันเงียบพร้อมกับความสงสัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

แต่พวกเขาก็ไม่ได้คำตอบใด ๆ กับคำถามนี้ นอกซะจากว่าจ้าวเมิ่งซีจะตอบออกมาเอง