กู้ชูหน่วนโล่งอก

คำพูดของเย่จิ่งหาน เท่ากับว่ายังพูดคุยต่อรองกันได้

“เวลาล่ะ”

“ข้าต้องรักษาโดยรวมก่อน ตอนนี้ยังบอกเวลาไม่ได้”

“หนึ่งปี มากสุดหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีถ้าเจ้ารักษาให้ข้าไม่ได้ ข้าเชื่อว่า เจ้าจะต้องตายทั้งเป็น โดยต้องร้องขอความตายเลยล่ะ”

กู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด “ได้ หนึ่งปีก็หนึ่งปี แต่ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ข้ายังต้องไปเรียน ตอนเย็นกลับมารักษาได้ไหม?”

ไม่รอเย่จิ่งหานตอบ กู้ชูหน่วนก็ดึงชิวเอ๋อร์ที่ยังอึ้งอยู่กับที่ออกไป “นิ่งอยู่ไย ไปเรียนก่อนเถอะ”

“คุณหนู ท่านอ๋องยังไม่ให้พวกเราไปนะเจ้าคะ”

“ท่านอ๋องมีงานต้องทำเยอะแยะ เรื่องเล็กแค่นี้จะรบกวนเขาทำไม”

“แต่ว่า…ฟ้ายังไม่สว่างเลยนะเจ้าคะ……”

“เจ้าจะเข้าใจอะไร วันนี้มีการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น พวกเราต้องรีบไปเตรียมตัวก่อน”

ชิวเอ๋อร์ยังอยากพูดอะไร แต่ก็ถูกลากไปก่อนแล้ว

ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียต่างก็มองตาโต

ผู้หญิงคนนี้ใจกล้ามาก กล้ามองข้ามท่านอ๋องได้ยังไงกัน

ชิงเฟิงพูดรายงานว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปจับตัวพวกนางไว้เดี๋ยวนี้”

เจี่ยงเสวียลากเขากลับมา มองบนเขาหนึ่งที

ถ้าท่านอ๋องอยากให้นางตาย นางจะเดินออกจากประตูบานนี้ได้เหรอ

ชิงเฟิงทำหน้าสงสัย

ผู้หญิงคนนี้โอหังขนาดนี้ ท่านอ๋องกลับปล่อยให้นางทำอะไรตามใจชอบ นี่ไม่เหมือนนิสัยของท่านอ๋องเลย

เย่จิ่งหานจับแก้วหยกในมือเล่นอย่างเกียจคร้าน

หรี่ตามองดูทางที่กู้ชูหน่วนออกไป แต่กลับดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หน้าประตูราชวิทยาลัย

กู้ชูหน่วนง่วงหาว

เป็นอีกคืนที่ไม่ได้นอน

นางจะกลายเป็นนกฮูกอยู่แล้ว

“คุณหนู ทำไมคุณหนูถึงไร้มารยาทกับท่านอ๋องเช่นนี้เจ้าคะ ถ้าท่านอ๋องโกรธขึ้นมาจะทำยังไง?”

“วางใจเถอะน่า เขาไม่ฆ่าข้าหรอก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ฆ่าข้า”

ผู้ชายคนนั้นมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะรอดชีวิต หลังจากการช่วยชีวิตสองครั้งที่ผ่านมา เย่จิ่งหานก็รู้ว่านางอาจจะมีวิธีรักษาเขา แล้วจะฆ่านางง่ายๆได้ยังไง

“คุณหนู เมื่อก่อนคุณหนูรู้จักกับท่านอ๋องเหรอเจ้าคะ? ทำไมข้าน้อยถึงรู้สึกว่าพวกท่านรู้จักกันเลย”

และ……นางยังรู้สึกว่าคุณหนูกับท่านอ๋องต้องมีเรื่องอะไรกันแน่

“ข้าไปเรียนก่อนนะ เจ้าไปหาที่ดีๆงีบเถอะ”

กู้ชูหน่วนคิดว่านางมาเช้าแล้ว ไม่คิดว่าหน้าราชวิทยาลัยจะมีคนออกันเต็มไปหมด ขนาดหลิวเยว่อวี่ฮุยยังมาเช้าเลย

ตลอดทางที่เดินมา คนในราชวิทยาลัยต่างก็จับกลุ่มซุบซิบกัน

“พวกเจ้ารู้หรือยัง? คุณหนูห้ากู้ชูหลันแห่งจวนเฉิงเซี่ยงแอบคบกับบ่าวไพร่ในเรือน และยังทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายห้าหกคนพร้อมกันด้วย”

“ข้าก็ได้ยินมาบ้าง จิ๊ๆๆ ภายนอกนางดูเป็นคนใสๆบริสุทธิ์ ไม่คิดว่าภายในจะร่านขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีหลักฐานครบทั้งหมด จะพูดยังไงข้าก็ไม่เชื่ออยู่ดี”

“หลักฐานอะไร? คุณหนูห้ากู้ทำไม?”

“โอ๊ะ……เจ้ายังไม่รู้เหรอ? คุณหนูกู้ห้ามีชีวิตส่วนตัวที่เสเพลมั่วกาม ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือเด็กก็ไม่ปฏิเสธเลย ว่ากันว่าหลายวันก่อนยังแอบมีอะไรกับพวกนักเลงในวัดร้าง โดนพวกฮูหยินของท่านกู้เฉิงเซี่ยงจับได้”

“ที่น่ากลัวคือ คุณหนูห้ากู้ยังไม่พอใจ นางจึงซื้อยาเสน่ห์เชียนรื่อจุ้ย เพื่อเพิ่มอรรถรส”

“ไม่ใช่หรอกมั้ง นักเลงนางยังเอาเหรอ?”

“นั่นน่ะสิ”

“กู้ชูหลันหน้าไม่อายเลยจริงๆ งั้นกู้เฉิงเซี่ยงรู้แล้ว ไม่โกรธจนบ้าคลั่งเลยล่ะ?”

“โกรธสิ จะไม่โกรธได้ยังไง แต่ว่ากันว่ากู้เฉิงเซี่ยงรักกู้ชูหลันมาก แค่ด่าไม่กี่คำ ไม่ได้ลงโทษอะไรมาก แต่กู้เฉิงเซี่ยงก็สั่งทุกคนให้เก็บเป็นความลับ แถมยังลอบฆ่าพวกนักเลงด้วย”

“คนถูกฆ่าไปแล้ว เจ้ารู้ได้ยังไง?”

“ตอนนั้นไม่ได้มีแค่พวกนักเลงห้าหกคน ยังมีคนหนึ่งที่มาช้า แล้วเห็นภาพนี้พอดี ยังมีบ่าวไพร่ในจวนเฉิงเซี่ยงที่แอบแพร่ออกมา บอกว่าในห้องคุณหนูห้ากู้มีเสียงครางของชายหญิงดังออกมาเป็นระยะ”

“หน้าไม่อายจริงๆ คนแบบนี้ไม่คู่ควรอยู่กับการเรียนราชวิทยาลัยกับพวกเรา เรียนกับนาง ข้ารู้สึกรังเกียจ”

“ข้าก็เหมือนกัน”

กู้ชูหน่วนกับหลิวเยว่และอวี่ฮุยยกนิวโป้งขึ้น

“พวกเจ้าสองคนโหดจริงนะ ยังไงคนอื่นเขาก็เป็นผู้หญิง ทำลายชื่อเสียงนางแบบนี้ เดี๋ยวชีวิตคู่ต่อจากนี้ของนางได้ลำบากกันพอดี”

หลิวเยว่อวี่ฮุยแทบสะดุดล้มหน้าทิ่ม

“พี่ใหญ่ให้พวกเราไปกระจายข่าวนี้เองไม่ใช่เหรอ?”

“เพี๊ยะ……”

กู้ชูหน่วนตบพวกเขาไปแรงๆ

“ข้าไร้เดียงสาและมีเมตตาขนาดนี้ จะสั่งให้พวกเจ้าไปทำเรื่องไร้มนุษยธรรมแบบนี้ได้ยังไงกัน”

ไร้เดียงสาและมีเมตตา?

นางไม่รู้สึกผิดบ้างเลยเหรอ?

หลิวเยว่หัวเราะทั้งน้ำตา “ครับๆ พี่ใหญ่ใจดีที่สุดแล้ว เรื่องชั่วร้ายขนาดนั้น พี่ใหญ่จะทำได้ยังไง นั่นเป็นเพราะกู้ชูหลันรนหาที่เอง กรรมตามสนองก็เท่านั้น”

กู้ชูหน่วนกระตุกยิ้ม ได้ยินเสียงซุบซิบพวกนั้น ความกลัดกลุ้มในใจก็หายไปไม่น้อย

“ไม่เพียงเท่านี้ กู้ชูหลันยังคิดจะแต่งงานกับอ๋องเจ๋ออีก ได้ยินมาว่าในห้องนางมีรูปอ๋องเจ๋อติดเต็มไปหมดเลย ขนาดเสื้อผ้าบนตัวที่นางใส่ ยังเป็นสีฟ้าที่อ๋องเจ๋อชอบอีกด้วย”

“พวกเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็เหมือนจะนึกขึ้นได้บ้าง ทุกครั้งตอนที่กู้ชูหลันมาเรียน ก็ชอบมองอ๋องเจ๋อไม่ละสายตา ถุ้ย! อย่างนางน่ะเหรอ กล้าคิดที่จะแต่งงานกับอ๋องเจ๋ออีก ไม่รู้ว่านางเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน”

“พอเทียบกันแล้ว คุณหนูสามกู้แม้จะหน้าตาขี้เหร่ไปหน่อย และไก่อ่อนไปหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ได้ไร้ยางอายขนาดนั้น”

เซียวหยู่เซวียนก็มาก่อนเหมือนกัน พอเห็นกู้ชูหน่วนในหมู่ผู้คน ก็เดินไปหานางแล้วพูดอย่างแปลกใจว่า “แปลกจัง วันนี้ทำไมมีแต่เสียงนินทาเกี่ยวกับคุณหนูห้ากู้ล่ะ? ยัยขี้เหร่ นางทำเรื่องนี้ใช่ไหม?”

“ฟ้าสวรรค์โปรดเป็นใจ ข้าไร้เดียงสาขนาดนี้ จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”

“ไร้เดียงสา? ถุ้ย! ข้าคงจะเชื่อเจ้าหรอก”

กู้ชูหน่วนยกเท้าขึ้น แล้วเตะออกไปอย่างแรง “พูดอะไรของเจ้ากัน”

“ข้าผิดแล้วได้ไหมล่ะ แต่เจ้ามาราชวิทยาลัยเช้าขนาดนี้ ไม่เหมือนเจ้าเลยนะ”

กู้ชูหน่วนเบะปาก

ไม่มาราชวิทยาลัย หรือจะให้นั่งดูใบหน้าไร้เย็นชาไร้ความรู้สึกของตาหมอนั่นเหรอ?

ไม่ไกลมาก องค์หญิงตังตังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโมโหจัด

ด้านหลังมีกู้ชูหน่วนที่เดินตามมาด้วยสีหน้าซีดเซียวและร้อนรนใจ รวมไปถึงกู้ชูหยุนที่มีสีหน้าบึ้งตึง

กู้ชูหน่วยรีบอธิบายว่า “องค์หญิง เชื่อหม่อมฉันเถอะนะ หม่อมฉันไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ คนอื่นเอาไปแพร่กระจายโดยใส่นมใส่ไข่ จะต้องมีคนตั้งใจใส่ร้ายหม่อมฉันแน่”

“ราชวิทยาลัยมีคนตั้งเยอะแยะมากมาย ทำไมถึงไม่ไปพูดคนอื่น แล้วพูดเจ้าล่ะ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ ยังไงต่อไปก็อย่าเข้าใกล้ข้าให้มาก อยู่ไกลๆข้ายิ่งดี ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ”

“องค์หญิง……”

“เพี๊ยะ……”

องค์หญิงตังตังยกมือขึ้น สะบัดไปที่หน้านางอย่างแรง แล้วตะคอกว่า “ไสหัวออกไป อยู่กับเจ้าแล้ว ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียน”

กู้ชูหลันกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว ขอบตาแดงก่ำ มองกู้ชูหยุนด้วยแววตาน้อยใจ

กู้ชูหยุนทำหน้าเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใย “เจ้าได้ทำหรือไม่ ตัวเจ้ารู้ดีกว่าใคร เจ้าถามข้า ข้าจะรู้ได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนคนเดียวก็ทำให้นางเสียหน้าแล้ว

ตอนนี้ยังมีกู้ชูหลันอีก จะให้คนทั่วราชอาณาจักรมองจวนเฉิงเซี่ยงและนางยังไง

เพราะกู้ชูหลัน ตอนเช้านางก็โดนคนอื่นๆมองด้วยแววตาไม่เป็นมิตร และยังพลอยโดนด่าไปด้วยหลายครั้ง