กู้ชูหลันได้ยินเสียงดูถูกของทุกคนในราชวิทยาลัย ก็อยากหาปิ๊บมาคลุมหัวเสียจริง

“ข้าไม่ได้ทำนะ ข้าไม่ได้เรื่องพวกนั้นจริงๆ”

“ถ้าเจ้าบริสุทธิ์ใจจริง งั้นก็พิสูจน์ด้วยจุดแดงพรหมจรรย์ของเจ้าสิ”

กู้ชูหลันเม้มริมฝีปาก และตอบคำถามไม่ได้

จุดแดงพรหมจรรย์ของนางหายไปตั้งนานแล้ว ถ้าเปิดแขนให้ทุกคนดู ก็เท่ากับว่าข่าวลือพวกนั้นของนางก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ

คนอื่นๆในราชวิทยาลัยต่างพากันหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้าบอกแล้ว นางไม่กล้าเผยจุดแดงพรหมจรรย์หรอก เพราะนางเป็นแค่นังโสเภณีชั้นต่ำ”

“เมื่อกี้ข้ายังคิดว่านั่นเป็นแค่ข่าวลือหรือเปล่า ตอนนี้คุณหนูห้ากู้ไม่ยอมเผยจุดแดงพรหมจรรย์สักที พิสูจน์ได้ว่าในใจเจ้ามีสิ่งซ่อนเร้น ถุ้ย! อย่างเจ้าน่ะเหรอ ยังมีหน้ามาเรียนที่ราชวิทยาลัยอีก ยังไม่รีบไสหัวกลับจวนเฉิงเซี่ยงของเจ้าไปอีก มาทำตัวอับอายขายขี้หน้าที่นี่ทำไมอีก”

“ข้าไม่ได้ทำนะ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ”

กู้ชูหลันกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว

ทำไมกัน……

ทำไมแค่เวลาคืนเดียว เหมือนทุกคนในพระนครต่างก็รู้เรื่องของนางทั้งหมด?

ใครพูดออกไปกันนะ?

ใครมันพูดออกไปกัน

นางเงยหน้าแล้วเห็นกู้ชูหน่วนกำลังแสยะยิ้มอยู่

ทันใดนั้นเอง ไฟแค้นในใจของกู้ชูหลันก็ถูกจุดประกายขึ้น นางเดินพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วตะคอกด่าว่า

“กู้ชูหน่วน เจ้าพูดออกไปใช่ไหม? เจ้าตั้งใจป่าวประกาศข่าวลือออกไป ว่าข้า……ว่าข้าทำเรื่องอย่างว่า……ใช่หรือไม่……”

กู้ชูหน่วนแบมือออก แล้วพูดอย่างผู้บริสุทธิ์ใจว่า “น้องห้า เจ้าอย่าใส่ร้ายข้าเชียวนะ เจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆของข้า ทำไมข้าต้องใส่ร้ายเจ้าด้วย ใส่ร้ายเจ้า มีประโยชน์กับข้าตรงไหน?”

“เจ้าโกหก จะต้องเป็นเจ้าแน่ๆ เจ้าโกรธข้าที่ข้าทำให้เจ้าถูกยกเลิกการหมั้นหมายกับอ๋องเจ๋อ เจ้าชอบอ๋องเจ๋อ แต่ข้ากลับขัดขวางไม่ให้พวกเจ้าพบหน้ากันหลายหน”

กู้ชูหลันเพิ่งพูดถึงอ๋องเจ๋อ อ๋องเจ๋อก็บังเอิญมาถึงพอดี และได้ยินสิ่งที่นางพูดทั้งหมดด้วย

มองดูสายตาแปลกใจของทุกคน อ๋องเจ๋อก็โมโหเล็กน้อย

คุณหนูในจวนเฉิงเซี่ยง ต่างก็ทำให้เขารังเกียจทั้งหมด

กู้ชูหลันเหลือบไปเห็นอ๋องเจ๋อ แววตาที่ร้ายกาจนั้นก็หายไปทันที นางรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรนใจว่า “ท่านอ๋อง ฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน หม่อมฉันบริสุทธิ์นะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำเรื่องสกปรกกับพวกข้าบริวารเลย ท่านจะต้องเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ”

“เจ้าได้ทำเรื่องสกปรกกับพวกข้าบริวารหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย”

“ท่านอ๋อง หม่อมฉัน……”

“คุณหนูกู้ห้า ข้าขอเตือนเจ้า ถ้าเจ้ากล้าเข้าใกล้ข้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าล่ะ”

อ๋องเจ๋อเดินผ่านนางไป ขนาดมองยังขี้เกียจมองเลย ตอนที่เดินไปใกล้กู้ชูหน่วน เขาหยุดชะงัก แล้วพูดเตือนทีละคำอย่างชัดเจนว่า

“กู้ชูหน่วน ข้ายกเลิกการหมั้นหมายกับเจ้าแล้ว เจ้ากับข้าไม่เกี่ยวข้องกันอีก ชีวิตนี้ของเย่มู่เจ๋อ ไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าแน่นอน เจ้าตัดใจไปเสียเถอะ”

เซียวหยู่เซวียนโมโหขึ้นมาทันที

กู้ชูหน่วนยื่นมือไปขวางเขาไว้ แววตาเฉียบคมคู่นั้นมองเขาอย่างประชดประชัน

“ท่านอ๋องเจ๋อ ท่านเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าข้าจะแต่งงานกับท่าน?”

แววตาดูถูกคู่นั้นชัดเจนมาก ทำเอาเย่มู่เจ๋อโมโหจัด

เมื่อก่อนกู้ชูหน่วนเห็นเขา ก็ชอบเข้ามาใกล้ตลอด ตอนนี้กำลังแก้แค้นเขาอยู่หรือไง?

“เจ้าวางใจได้ ข้ากู้ชูหน่วนถึงแม้จะแต่งกับหมู่หมากาไก่ ก็ไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าแน่นอน แต่เจ้าน่ะสิ ต่อไปอย่ามาเสียใจทีหลัง แล้วมาอ้อนวอนขอร้องข้าทีหลัง”

“น่าขำสิ้นดี ข้าต้องการผู้หญิงแบบไหนแล้วไม่มีบ้าง เจ้าอย่าคิดเอาเองฝ่ายเดียวไปหน่อยเลย”

เย่มู่เจ๋อสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป เกลียดกู้ชูหน่วนมากขึ้นไปอีกหลายเท่า

หลังจากที่เย่มู่เจ๋อไปแล้ว กู้ชูหลันเอาความแค้นทั้งหมดไปลงที่กู้ชูหน่วน

“กู้ชูหน่วน ทำไมเจ้าต้องใส่ร้ายข้าด้วย”

“น้องห้า เราเป็นคนต้องมีจิตใต้สำนึกนะ ข้าไปใส่ร้ายเจ้าตอนไหนกัน? เจ้ามีหลักฐานไหมล่ะ?”

หลิวเยว่อวี่ฮุยกลอกตาขึ้นบน

นางยังกล้าพูดถึงจิตใต้สำนึกอีกเหรอ?

“นอกจากเจ้าแล้ว ใครจะใส่ร้ายข้าแบบนี้อีก”

“เจ้าเอาแต่พูดว่าข้าใส่ร้ายเจ้า เจ้าก็เอาหลักฐานออกมาสิ เจ้าเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ งั้นเจ้าก็เลิกแขนเสื้อเจ้าขึ้นสิ ขอแค่เจ้าเผยว่าจุดแดงพรหมจรรย์ของเจ้ายังอยู่ งั้นก็คิดเสียว่าข้าใส่ร้ายเจ้าแล้วกัน”

ทุกคนต่างมองไปที่กู้ชูหลันอีกครั้ง

กู้ชูหลันโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก็ไม่กล้าเลิกแขนเสื้อขึ้น

กู้ชูหน่วนแสยะยิ้ม เรียกพวกเซียวหยู่เซวียน “นิ่งอยู่ไย รีบทำงานสิ”

“ทำงาน?”

พวกเซียวหยู่เซวียนอึ้ง

ทำงานอะไร?

“ไปเดิมพันสิ”

พวกเซียวหยู่เซวียนตาเป็นประกาย “ครั้งนี้พวกเราเดิมพันว่าใครชนะดี”

“ก็ต้อง……เดิมพันให้ข้าสิ”

“โครม……”

เซียวหยู่เซวียนสะดุด หลิวเยว่กับอวี่ฮุยแทบล้มหน้าทิ่ม

ทุกคนต่างมองกู้ชูหน่วนอย่างตะลึงงัน ขนาดหลิวเยว่ยังมองด้วยแววตาที่อึ้งทึ่ง

“พี่ใหญ่ เดิมพันให้พี่ใหญ่แพ้เหรอ?”

“ป๊าบ……”

กู้ชูหน่วนตบเขาอีกป๊าบ “พูดอะไรกัน ก็ต้องเดิมพันให้ข้าชนะสิ”

“เดิมพันให้เจ้าชนะ?”

พวกเซียวหยู่เซวียนต่างก็หวั่นใจมาก ตอนแรกพวกเขายังจะพึ่งนางเพื่อหาเงินอีกก้อน

เมื่อวานชนะเงินเยอะขนาดนั้น เพราะโชคช่วยทั้งนั้น

“ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้ไหมว่าการชนะรอบชิงชนะเลิศยากแค่ไหน? คู่มือของเจ้าไม่เพียงแต่เป็นพวกเก่งๆในแคว้นเย่เท่านั้น ยังมีเทพหมากกระดาน เซียนกวีและเหล่าปรมาจารย์จากทั่วพระนคร เจ้ายังไม่ตื่นใช่ไหม?”

“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าไม่มั่นใจในตัวข้าเหรอ?”

ไร้สาระ

จะมั่นใจได้ยังไงล่ะ?

เดิมพันให้นางชนะสู้เดิมพันให้ตัวเขาชนะเองไม่ดีกว่าเหรอ

“ข้าว่า……วันนี้ข้าจะต้องได้ที่หนึ่ง กลายเป็นหญิงผู้มีความรู้สูงทั่วพระนครแน่นอน”

“พูดจาเหลวไหล” กู้ชูหลันหัวเราะ

กู้ชูหน่วนยิ้มหน้าบาน เผยให้เห็นลักยิ้มบนแก้มสองข้าง

“น้องห้า เจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะได้ที่หนึ่งเหรอ? งั้นพวกเรามาเดิมพันกันไหม? ถ้าข้าไม่ได้ที่หนึ่ง ข้าจะคืนสองแสนตำลึงให้กับเจ้า และให้เจ้าอีกสองแสนตำลึง และให้เจ้าจัดการกับข้ายังไงก็ได้ เป็นยังไง?”

กู้ชูหลันตาเป็นประกาย

ใครจะรู้ล่ะว่านางเจ็บปวดหัวใจแค่ไหน เมื่อเสียเงินสองแสนตำลึงนั้นไป

นางตอบตกลงโดยไม่คิดอะไร หรืออาจจะพูดได้อีกอย่างว่า นางไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะได้ที่หนึ่ง ความจริงแล้ว ทุกคนในที่นี้ไม่เชื่อว่านางจะได้ที่หนึ่งด้วยซ้ำ

“ได้ ข้าตกลงเจ้า”

“ข้าเดิมพันแล้ว แล้วเจ้าล่ะ”

“ถ้าเจ้าชนะได้ที่หนึ่ง ข้าจะให้เจ้าสามแสนตำลึง” กู้ชูหลันจับของที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อไว้แน่น

สามแสนตำลึงนี้ เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของนางแล้ว และเป็นมรดกก้อนสุดท้ายที่ท่านตาเหลือไว้ให้นางด้วย

ถ้าปกติ นางไม่มีทางเอาออกมาแน่นอน

แต่ครั้งนี้ ให้ตายนางก็ไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะชนะพวกเทพหมากกระดานเซียนกวีและพวกปรมาจารย์คนอื่นๆได้

ทุกคนต่างตะลึงกันหมด

กู้ชูหน่วนเป็นแค่บุตรอนุภรรยาจริงเหรอ?

เมื่อวานแพ้ไปสองแสน วันนี้ยังกล้าเดิมพันสามแสนอีก นางเอาเงินมากมายพวกนั้นมาจากไหนกัน?

กู้ชูหน่วนส่ายหน้าอย่างรังเกียจ “สี่แสนตำลึง เดิมพันสามแสนตำลึงของเจ้า เหมือนข้าจะเสียเปรียบเลยนะ แต่เห็นแก่ที่เจ้าเป็นบุตรอนุภรรยา ข้าก็จะไม่รังแกเจ้า สามแสนก็สามแสน”

กู้ชูหลันโกรธจนใบหน้างามบูดเบี้ยวหมด

นางเป็นบุตรภรรยาเอกแล้วยังไง? จำเป็นต้องพูดเตือนให้ชัดเจนขนาดนี้ไหม?

เซียวหยู่เซวียนรู้สึกหมดคำจะพูด “ยัยขี้เหร่ เจ้าเอาจริงเหรอ?”

สี่แสนไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆเลยนะ และการจะได้เป็นหญิงผู้มีความรู้สูงสุดไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย นางบ้าไปแล้วหรือไง?

ยิ่งไปกว่านั้น สี่แสนตำลึงเดิมพันให้นางสามแสนตำลึง การเดิมพันที่เสียเปรียบแบบนี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่นิสัยนางเลย