บทที่ 87 ซื้อของกลับบ้านแม่

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 87 ซื้อของกลับบ้านแม่

แม่โจวพยักหน้าและกอดสามพี่น้องไว้ “ข้านี่โชคดีจริง ๆ ที่มีลูกสาวอย่างพวกเจ้าสามคน”

เช้าวันรุ่งขึ้น จางซิ่วเอ๋อก็จัดเก็บของมีค่าในบ้าน อันไหนที่พกได้ก็พกติดตัวไปด้วย ที่พกไม่ได้ก็เก็บไว้ด้วยกัน รวมถึงพวกหม้อพวกกระทะ

จากนั้นนางจึงไปที่บ้านบัณฑิตจ้าว บอกเขาว่ามีของจำนวนหนึ่งจะนำมาฝาก

บัณฑิตจ้าวไม่ปฏิเสธยู่แล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณจางซิ่วเอ๋อมาตลอด เวลานี้จึงอยากตอบแทนจางซิ่วเอ๋อ โดยการรับฝากของไว้ที่บ้านของเขา

ถ้าฝากไว้บ้านคนอื่นจางซิ่วเอ๋อยังไม่ไว้ใจนัก แต่ถ้าฝากไว้บ้านบัณฑิตจ้าว จางซิ่วเอ๋อสบายใจสุด ๆ

บัณฑิตจ้าวเป็นคนมีการศึกษา จึงเป็นคนมีคุณธรรมและทระนงในศักดิ์ศรี ไม่เกิดความละโมบต่อของของนาง

จางซิ่วเอ๋อเอาเนื้อ 2 ชั่งที่ตัวเองซื้อขึ้นจากบ่อน้ำลึก รวมถึงแป้งข้าวโพดถุงเล็ก และเอาไปให้ที่บ้านบัณฑิตเจ้า

“ท่านอาจ้าว พวกเราจะออกไปข้างนอกกันน่ะเจ้าค่ะ อีกหลายวันกว่าจะกลับมา ถ้าเก็บเนื้อนี่ไว้ที่บ้านมันต้องเสียแน่ เลยเอามาให้พวกท่านกิน แล้วก็แป้งข้าวโพดนี่ด้วย ถือเป็นค่าตอบแทนที่พวกท่านช่วยดูแลของให้ข้า” จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ

บัณฑิตจ้าวรีบปฏิเสธ “เรื่องเล็กแค่นี้ ข้าจะรับของของเจ้าได้อย่างไร”

จางซิ่วเอ๋อกล่าว “ถ้าท่านไม่รับก็แปลว่าไม่อยากดูแลของให้ข้า งั้นข้าจะเก็บของไว้ที่บ้าน อย่างไรเสียบ้านข้าก็ไม่มีกำแพงรั้วดี ๆ ถึงเวลาใคร ๆ ก็ไปขโมยของที่บ้านข้าได้”

ว่ากันว่าเวลาบัณฑิตเจอทหาร ต่อให้มีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้

บัณฑิตจ้าวมาเจอจางซิ่วเอ๋อก็ได้แต่ยอมแพ้ สุดท้ายก็ยอมรับ

จางซิ่วเอ๋อตั้งใจจะช่วยเหลือบ้านบัณฑิตจ้าวอยู่แล้ว คนในหมู่บ้านที่เข้ากับนางได้นั้นมีไม่มาก นางช่วยได้ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว

ก่อนจะไป จางซิ่วเอ๋อก็แขวนเสื้อเก่าที่เคยหลอกแม่เถาไว้บนต้นไม้คอเบี้ยวอีกครั้ง

ต่อให้คนพวกนั้นมาแล้วไม่กลัว ก็เอาอะไรไปจากบ้านไม่ได้

นางเล่าเรื่องนี้ให้จ้าวเอ้อร์หลางฟัง เพราะกลัวว่าเขาจะตกใจ หากเป็นเช่นนั้นก็เหมือนทำร้ายคนกันเอง

พอเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงออกจากบ้าน

จางซิ่วเอ๋อกลัวว่าคนอื่นจะเห็นนางขนของไปบ้านบัณฑิตจ้าวจึงตื่นเช้ากว่าปกติ เวลานี้จึงเพิ่งจะเป็นเวลาอาหารเช้า

ตอนเดินผ่านบ้านตระกูลจาง ก็ได้ยินแม่เฒ่าจางกำลังด่ายกใหญ่

“นังแม่โจวไม่รักดี! เช้าแบบนี้บังอาจไม่กลับมาทำกับข้าว! จะให้ข้าอดตายรึไง?” แม่เฒ่าจางกำลังเดือดจัด

หลังจากตื่นนอนตอนเช้าวันนี้ นางก็ล้างหน้าล้างตาเหมือนปกติและจะกินข้าว แต่ใครจะรู้ว่าพอเข้ามาในครัวก็เห็นว่าข้างในมีแต่เตาเย็นชืด ไม่เพียงแค่นั้น จานชามที่ใช้กินข้าวเมื่อคืนก็ไม่มีใครล้าง ยังกองสุมอยู่ด้วยกัน

ทันทีที่แม่เฒ่าจางเห็นภาพนี้ก็เดือดดาลขึ้นมา

เมื่อวานนางก็มีเมตตาอนุญาตให้แม่โจวค้างกับตัวขาดทุนสองตัวนั้นที่บ้านผีสิงคืนหนึ่งแล้วนะ แต่แม่โจวกลับได้คืบจะเอาศอก ถึงไม่ยอมกลับมาทำกับข้าวในตอนเช้า

แม่เฒ่าจางด่าอยู่ในลานบ้าน แม่โจวได้ยินแล้วชะงักฝีเท้าเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ก้าวไปด้านหน้าต่อ ครั้งนี้แม่โจวเองก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน

เฒ่าหลี่กำลังจะเข้าเมืองเหมือนทุกครั้ง จางซิ่วเอ๋อจึงหยิบเงินเพื่อจะนั่งรถลาก

แต่ให้ตายอย่างไรแม่โจวก็ไม่ยอม นางยอมเดินดีกว่าเสียเงินนั่งรถ

จางซิ่วเอ๋อมองซานหยาและชุนเถาแล้วกล่าว “ท่านแม่ ซานหยายังเด็กเดินไกลขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ไหนจะชุนเถาอีก ครั้งก่อนที่ท่านหมอเมิ่งมา เขาบอกว่าห้ามทำให้นางต้องเหนื่อย”

แม่โจวลังเลครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้น…..”

“ท่านเลิกคิดจะให้เราสามพี่น้องนั่งรถแล้วตัวท่านเดินเองไปได้เลยเจ้าค่ะ ไม่ต้องพูดเรื่องที่เราถึงแล้วต้องรอท่านเลย ท่านคิดแค่ว่าในท้องยังมีลูกอีกคน! ถ้าเดินไปตลอดทางแล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

แม่โจวนึกกลัวสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อพูด สุดท้ายจึงพยักหน้ายอมตกลง

เฒ่าหลี่พูดกับจางซิ่วเอ๋อยิ้ม ๆ “พวกเจ้ามากันสี่คน แต่ข้าคิดเงินแค่สามคนพอ ซานหยาอายุน้อยแถมผอมแห้งขนาดนี้ข้าไม่นับหรอก”

จางซิ่วเอ๋อรีบบอก “ขอบคุณนะเจ้าคะท่านปู่หลี่”

บนรถลากนอกจากครอบครัวจางซิ่วเอ๋อแล้วยังมีคนนอกอีกสามคน คนพวกนี้ไม่ได้สนิทกับพวกนางนัก บางทีอาจจะยังคำนึงถึงชื่อเสียงแย่ ๆ ของจางซิ่วเอ๋อ จึงไม่อยากคุยกับพวกนาง

เพียงแค่แสดงความเป็นห่วงจางชุนเถาเรียบ ๆ ถามว่าชุนเถาเป็นอย่างไรบ้าง

จางชุนเถาแสดงท่าทางอ่อนแอออกมาอย่างถูกจังหวะ นางน่ะหลักแหลมสุด ๆ รู้ว่าถ้าตัวเองหายสนิทแล้ว แม่หลินอาจจะหาว่าพี่ใหญ่ขอตำลึงเกิน

นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่จางชุนเถาออกจากบ้านตั้งแต่ที่ไปอยู่บ้านผีสิง

รอจนถึงเมืองและไม่ต้องกลัวใครจะเห็นว่านางหายดีแล้ว จางชุนเถาก็ปลดปล่อยตัวเองเต็มที่

จางซิ่วเอ๋อก็เริ่มรู้เรื่องของบ้านแม่โจวบ้างแล้ว พ่อแม่ของแม่โจวยังมีชีวิตอยู่ทั้งคู่ ที่บ้านมีพี่ชายคนหนึ่ง น้องสาวคนหนึ่ง และน้องชายคนหนึ่ง

ท่านป้าใหญ่ที่จางชุนเถาพูดถึงก็คือภรรยาของโจวอู่ พี่ชายแม่โจว ชื่อหยางชุ่ยฮวา หยางชุ่ยฮวาเป็นคนขี้งกสุด ๆ และเป็นพวกประจบคนมั่งมีเหยียดหยามคนไม่มี

แต่ได้ข่าวว่านางมีลูกแฝดมังกรหงส์ (แฝดชายหญิง)

บ้านตระกูลโจวยากจน ตอนโจวอู่แต่งงานกับหยางชุ่ยฮวานั้นเขามีอายุไม่น้อยแล้ว หยางชุ่ยฮวาอ่อนวัยกว่าโจวอู่มาก แถมตอนนี้มีลูกแฝดมังกรหงส์อีก โจวอู่จึงค่อนข้างรักหยางชุ่ยฮวา

จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมา ถึงแม้ชุนเถาเคยพูดหลายครั้งว่าหยางชุ่ยฮวาเป็นคนใช้ไม่ได้ แต่แม่โจวอุตส่าห์กลับบ้านทั้งที ก็ต้องอยากให้ทุกคนรักกันอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

จางซิ่วเอ๋อจึงพาแม่โจวไปที่ร้านขายเครื่องประดับ เลือกกุญแจเงินคู่หนึ่งให้แม่โจว ถือเป็นของรับขวัญลูกของหยางชุ่ยฮวา ใช้ไปร่วมสองตำลึงเลยทีเดียว

แม่โจวทำหน้าตาเสียดาย แต่จางซิ่วเอ๋อคิดว่าเงินนี่ได้ใช้ไปอย่างคุ้มค่า หยางชุ่ยฮวาเห็นแก่ของพวกนี้คงไม่ร้ายกาจกับพวกนางมากหรอก

ในเมื่อซื้อของให้เด็ก ๆ ตระกูลโจวแล้ว จะไม่ซื้อของให้คนตระกูลโจวคงไม่ได้

ทุกคนไปที่ร้านขายผ้า เลือกผ้าลายดอกให้พี่สะใภ้และน้องสาวของแม่โจว นอกจากนั้นยังซื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนไปอีกหลายผืน เอาให้พ่อแม่และพี่ชายของแม่โจว

ผ้าพวกนี้พอตัดชุดให้ทุกคนได้คนละชุดเลยล่ะ

หลังจากซื้อผ้าเสร็จ แม่โจวก็เอ่ย “ของน่าจะพอแล้ว เราไปกันเถอะ”

จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าแม่โจวเสียดายเงิน จึงดึงมือแม่โจวมาและบอก “ท่านแม่ เราซื้อของกินไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าอยู่บ้านท่านยายนาน ข้าได้ยินว่าของกินที่บ้านท่านยายมีไม่มาก ส่วนของที่เราซื้อมาตอนนี้ก็กินไม่ได้”

แม่โจวฟังแล้วรู้สึกมีเหตุผล ตนเองพาลูกไปตั้งสามคน แถมในท้องยังมีอีกคน ถ้าพาคนมากขนาดนี้กลับไปกินข้าวที่บ้าน มื้อหนึ่งคงกินกันไม่น้อย

พอหว่านล้อมแม่โจวสำเร็จ จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาก็เริ่มซื้อของ

………………………………