บทที่ 88 หมู่บ้านโกวจือ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 88 หมู่บ้านโกวจือ

เห็นปกติจางชุนเถาขี้งกแบบนั้น แต่ถึงเวลาต้องใช้เงินกลับไม่คิดมากเลยสักนิด

เพียงแค่เรื่องซื้อเนื้อ พวกนางก็ซื้อมาถึง 10 ชั่งด้วยกัน แล้วยังซื้อกระดูกหมูมาครึ่งชั่ง

พ่อค้าซุนถือเป็นสหายเก่าแก่ของพวกนางไปแล้ว จึงยกหัวใจหมู ปอดหมู รวมถึงไตหมูให้พวกนางทั้งหมด

จางซิ่วเอ๋อนั้นชอบกินลำไส้หมูมาก แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้เอาไปด้วย ถ้าหิ้วของแบบนี้ไปบ้านท่านยายคงไม่มีใครยอมให้เกลือและแป้งมาล้างไส้แน่

หลังซื้อเนื้อเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็ฝากเนื้อไว้ที่พ่อค้าซุนก่อน แล้วตรงไปที่แผงขายหมั่นโถว ห่อหมั่วโถวอีก 100 ลูก

ถ้าไม่ใช่เพราะจางซิ่วเอ๋อซื้อหมั่นโถวหมดแผงแล้ว นางคงซื้อเยอะกว่านี้อีก

จางชุนเถาซื้อไข่ไก่อีก 50 ฟอง บวกแม่ไก่ 2 ตัว

ของพวกนี้รวม ๆ กันใช้ไป 4 ตำลึงเงิน

แม่โจวเห็นแล้วก็ปวดฟัน

สุดท้ายจางซิ่วเอ๋อจ้างรถลากในราคา 20 เหรียญ ลากทุกอย่างที่ตัวเองซื้อไปด้วย และบอกให้รถลากพาพวกเธอไปส่งที่หมูบ้านโกวจือ(คูน้ำ) ที่อยู่นอกตัวเมือง

ที่หมูบ้านนี้ชื่อโกวจือ เพราะว่ามันมีคูน้ำร่องลึกอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ต้องผ่านเนินลาดชันที่ลงแล้วขึ้น

ทันทีที่รถของพวกจางซิ่วเอ๋อเข้ามาในหมู่บ้าน มันก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งหมู่บ้าน

น้อยครั้งนักที่หมู่บ้านตามป่าตามเขาในยุคโบราณจะมีคนนอกเข้ามา และทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้จักกันหมด เมื่อมีคนไม่คุ้นหน้าเข้ามา ย่อมเป็นที่สนใจของทุกคนอยู่แล้ว

“เอ๊ะ พวกเขามาหาใครกันน่ะ?”

“ไม่รู้สิ ข้าว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไรหรอก บนรถนอกจากคนท้องก็เป็นแม่นางน้อยสามคน แถมคนหนึ่งผอมโซกว่าทุกคน ไม่แน่อาจจะชีวิตลำบากจนอยู่ไม่ได้ถึงกลับมาหาครอบครัว” คนผู้หนึ่งเดาขึ้น

จางซิ่วเอ๋อกลัวว่าการที่ตัวเองเอาของดีมามากขนาดนี้จะเป็นที่หมายตาของทุกคน จึงเด็ดหญ้าตามข้างทางมาปูกลบของที่ซื้อมา

คนเห็นเข้าก็ไม่คิดว่าในนั้นมีอะไร คิดแค่ว่าเอาหญ้ามาให้วัวกิน

“เอ๊ะ! ทำไมข้าดูแล้วคนที่ท้องอยู่หน้าเหมือนลูกสาวคนรองตระกูลโจวล่ะ!” มีคนอุทาน จำแม่โจวได้

คนที่จำแม่โจวได้เข้าไปใกล้ ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “เหมยจื่อ?”

แม่โจวมีนิสัยอ่อนโยน เห็นมีคนจำตัวเองได้ก็ยิ้มให้และตอบ “ข้าเองเจ้าค่ะ ท่านป้าหยวน”

“นี่เจ้า…..” ป้าหยวนกวาดตามองคนทั้งรถและถาม

“ข้าไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ก็เลยพาลูก ๆ กลับมาเยี่ยม” แม่โจวบอกยิ้ม ๆ

ครั้งก่อนที่กลับบ้านนางยังไม่ได้เข้าหมู่บ้านด้วยซ้ำ คนพวกนี้จึงไม่เห็นแม่โจว

ในตอนนี้เองจางซิ่วเอ๋อได้กระโดดลงจากรถลากอย่างคล่องแคล่ว และพยุงแม่โจวลงจากรถ

คนลากรถก็ลงจากรถ ลากวัวเดินตามหลังทุกคนมา

“นี่ลูกสาวคนโตเจ้าใช่ไหม? โตขนาดนี้แล้วเหรอ! แต่งงานหรือยังล่ะ?” ป้าหยวนถามยิ้ม ๆ

แม่โจวนึกถึงเรื่องที่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อเป็นแม่ม่ายแล้วก็นึกปวดใจ ไม่อยากตอบคำถาม จึงเลี่ยงไปถามเรื่องอื่น “ตอนนี้พวกท่านพ่อข้าอยู่บ้านไหมเจ้าคะ?”

“พ่อแม่เจ้ากับพี่ชายเจ้าอยู่ที่ไร่ เวลานี้น้องสาวเจ้าน่าจะหาผักอยู่บนเขา ส่วนน้องชายเจ้าเดี๋ยวนี้เป็นนักเรียนที่แคว้น ไม่ค่อยกลับมา พี่สะใภ้เจ้าน่าจะอยู่บ้าน” ป้าหยวนพูดเหมือนเป็นบ้านตัวเอง

บ้านป้าหยวนอยู่ติดกับบ้านตระกูลโจว แต่ความสัมพันธ์ของสองบ้านนี้ไม่อยู่ในระดับดี ตอนนี้ป้าหยวนเห็นแม่โจวพาคนกลับมาเยอะขนาดนี้ แล้วนึกถึงนิสัยของหยางชุ่ยฮวาแล้วก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้ ที่แสดงท่าทางสนิทสนมอยู่แบบนี้ก็เพราะอยากรอดูความบันเทิงเท่านั้น

พอมาถึงหน้าบ้านตัวเอง แม่โจวก็แสบจมูก น้ำตาไหลพราก

ลองนับดูก็พบว่านางไม่ได้กลับบ้านมา 5 ปีแล้ว ที่จริงจากหมู่บ้านชิงสือมายังหมู่บ้านโกวจือนับว่าไม่ไกลเท่าไรนัก ต่อให้เดินเท้าอย่างเดียวก็มาถึงภายในวันเดียว

แต่นางอยู่บ้านตระกูลจางจึงทำอะไรตามใจไม่ได้ อีกอย่าง ต่อให้ตระกูลจางยอมให้นางกลับบ้าน นางก็ไม่สามารถเอาอะไรมาให้ที่บ้านได้ แล้วยังต้องกินต้องใช้ของที่บ้านอีก ซึ่งนางทำไม่ได้

แถมตอนที่นางกลับมาในคราวก่อน หยางชุ่ยฮวาก็เป็นคนไล่นางกับลูกสาวสองคนออกมา นางจึงไม่กล้ามาอีก

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจางชุนเถาถึงเกลียดหยางชุ่ยฮวา คราวก่อนพวกนางแค่ทำตามที่ท่านยายบอกโดยอยู่กินข้าวที่บ้านอีกมื้อ หยางชุ่ยฮวาก็ไล่โดยไม่ไว้หน้า

แม่โจวนึกเวทนาในชีวิต ถ้าไม่ใช่ลูกสาวตัวเองมีความสามารถได้ดีขึ้นมา นางก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกล้ากลับมาอีก

แม่โจวสูดหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าผลักประตูเข้าไป

เวลานี้เอง สตรีใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มได้ชะโงกหัวออกมาจากบ้าน คงเพราะได้ยินเสียงด้านนอก

พอนางเห็นแม่โจวก็ชะงักไป จากนั้นนางก็เห็นลูกสาวสามคนด้านหลังแม่โจว สีหน้านางเย็นเยียบลงทันใด

จางซิ่วเอ๋อมองสตรีผู้นี้อย่างพิจารณา ได้ข่าวว่านางเพิ่งจะอายุ 30 ปี แต่ดูแก่ไม่น้อย ผิวหน้าหยาบกร้านหม่นหมอง ผมถูกรวบไปด้านหลังด้วยผ้าสีน้ำเงินอย่างเป็นระเบียบ หน้ายาวคางแหลม คิ้วตาเฉี่ยวขึ้น ให้ความรู้สึกใจคอคับแคบ

จางซิ่วเอ๋ออดบ่นในใจไม่ได้ โหงวเฮ้งเกิดจากความคิดและอุปนิสัยจริง ๆ ด้วย

นางก้าวออกมาข้างหน้าขวางแม่โจวที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน สองมือเท้าเอวพูดด้วยสีหน้ารำคาญใจ “เจ้ากลับมาอีกทำไม?”

จางซิ่วเอ๋อหมดคำพูด ทำไมนางเป็นคนแบบนี้ล่ะ? ต่อให้ไม่ชอบแม่โจวขนาดไหนก็ไม่ควรแสดงออกโต้ง ๆ เช่นนี้เลยนะ!

แม่โจวเห็นหยางชุ่ยฮวาแล้วนึกกลัวขึ้นมา ได้แต่พูดเสียงแผ่ว “ครั้งก่อนข้ายังไม่ทันได้เข้าประตูบ้านเลย ครั้งนี้จึงกลับมาเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่หน่อยเจ้าค่ะ”

“พอเถอะ พ่อแม่สบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” หยางชุ่ยฮวาพูดอย่างไม่พอใจ

นางชะงักไปก่อนจะพูดเสียงเย็น “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเจ้าก็รีบไปเถอะ บ้านเราไม่มีข้าวให้เจ้ากับพวกตัวขาดทุนกินหรอกนะ!”

จางซิ่วเอ๋อเริ่มโมโห ตอนอยู่ตระกูลจางก็โดนเรียกว่าตัวขาดทุน มาถึงตระกูลโจวแล้วยังจะมีคนเรียกแบบนี้อีก

แต่สุดท้ายจางซิ่วเอ๋อก็อดทนไว้ แม่โจวอุตส่าห์กลับมา ยังไม่ทันได้เจอท่านตาท่านยายเลย จะมีเรื่องกันทั้งแบบนี้ไม่ได้

หยางชุ่ยฮวาขวางประตูไว้ แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าไม่ให้ทุกคนเข้าไป

จางชุนเถากลอกตา เดินไปที่รถลากอย่างนึกอะไรขึ้นได้ นางหยิบพวกไตหมูหัวใจหมูที่มัดด้วยเชือกออกจากกองหญ้า

พวกนางซื้อเนื้อมาเป็นจำนวนมาก หากหยิบออกมาต่อหน้าเพื่อนบ้านต้องมีคนหมายตาแน่ แต่ถ้าเป็นพวกหัวใจหมูคงไม่มีใครคิดไม่ดีหรอก

ป้าหยวนที่อยู่ตรงนี้ก็กำลังมองของในมือจางชุนเถาอย่างดูแคลน ลูกสาวแบบนี้ช่างไม่ได้ความเอาเสียเลย ไม่ได้กลับมาตั้งหลายปีกลับเอาของไร้ราคาแบบนี้กลับมา

แต่ของแบบนี้ต่อให้ไม่มีราคาก็เป็นเนื้ออยู่ดี สายตาหยางชุ่ยฮวาไปบรรจบอยู่บนของพวกนี้ จึงเอื้อมมือจะไปหยิบ

ไม่ใช่ว่านางตาต่ำ แต่นางไม่เห็นเนื้อมานานแล้วจริง ๆ

………………………………