เล่มที่ 3 บทที่ 70 ทอดปลาตากแห้งเป็นของทานเล่น

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวเก็บแห

ย่อตัวอยู่ริมแม่น้ำทำความสะอาดปลา

ปลาตัวไม่ใหญ่ แต่ตอนทำความสะอาดกลับลำบากมาก เซี่ยยวี่หลัวขอดเกล็ดปลาออกทีละตัว ทำความสะอาดเหงือกปลา หลังจากผ่าท้องปลา นำไข่ปลาออกมา แล้วจึงทิ้งส่วนอื่นๆทั้งหมด

ทำอยู่นานกว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็จัดการปลาทั้งหมดจนสะอาด สองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนเก็บผักป่ากลับมาหนึ่งตะกร้าเต็ม ทั้งสามคนกลับบ้านด้วยความรู้สึกยินดียิ่ง

เมื่อถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวเปิดฝาบนโอ่งน้ำ ตักน้ำสะอาดมาหนึ่งอ่าง ล้างปลาอีกครั้ง นำปลาที่จะกินในมื้อเที่ยงและมื้อเย็นออกมา ตัวที่เหลือ หลังจากกรองน้ำออกแล้ว จึงทาเกลือให้ทั่วหนึ่งชั้น

เที่ยงนี้เซี่ยยวี่หลัวต้มซุปปลาหนึ่งหม้อ และผัดไข่ปลาหนึ่งจาน ผักป่าก็ผัดไว้หนึ่งจาน ทั้งสามคนดื่มซุปปลาไปคนละสองถึงสามถ้วย ส่วนไข่ปลา เด็กสองคนกินไปคนละครึ่งจาน ต่างก็พึงพอใจมาก เมื่อกินกับข้าวเยอะขึ้น จึงกินข้าวได้น้อยลง

ข้าวในบ้านเหลืออยู่ไม่มาก จะได้กินอย่างประหยัดพอดี

หลังจากหมักปลาไว้หนึ่งวัน เซี่ยยวี่หลัวนำปลาที่หมักเสร็จแล้วไปตากแดด

หลังตากปลาแห้งไว้บนกระด้งสองวัน ก็แห้งระดับหนึ่งแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวมองปลาแห้งในกระด้ง นางตัดใจคิดจะนำปลาแห้งมาทอดในน้ำมันให้เด็กๆกินเป็นของทานเล่น

ปกตินางใช้น้ำมันอย่างประหยัด มีน้ำมันก็พอแล้ว ถึงอย่างไรอาหารที่กินในแต่ละวันก็ไม่เลว มีทั้งเนื้อและผัก อาหารการกินถือว่าใช้ได้!

แต่การทอดปลาแห้งต้องใช้น้ำมันไม่น้อย

น้ำมันในขวดเหลืออีกครึ่งหนึ่ง นางตัดใจเทน้ำมันลงไปเกือบครึ่งขวด รอจนน้ำมันเดือด ใส่ปลาแห้งตัวเล็กที่แห้งระดับหนึ่งแล้วลงไป น้ำมันในกระทะดัง “ซ่าซ่า” เซี่ยยวี่หลัวใช้ตะเกียบพลิกกลับด้าน จากนั้นจึงวางปลาแห้งตัวเล็กที่ทอดจนเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้านไว้บนจาน

ปลาแห้งตัวเล็กที่ทอดด้วยน้ำมันหอมเสียยิ่งกว่าอะไร เซี่ยยวี่หลัวยังกลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างอดไม่ได้

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งถอนหญ้าอยู่ในสวนหลังบ้าน

ตั้งแต่มือของเซี่ยยวี่หลัวบาดเจ็บ เซียวจื่อเซวียนก็ให้เซี่ยยวี่หลัวจับจอบวันเว้นวัน วันนี้เป็นวันพักผ่อนของเซี่ยยวี่หลัวพอดี

เมื่อได้กลิ่นหอมที่โชยมาจากห้องครัว เด็กสองคนวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่? ” เซียวจื่อเมิ่งเกาะตรงเตาปรุงอาหาร อยากกินจนน้ำลายแทบไหลออกมา

“ทอดปลาตากแห้ง” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “เร็ว รีบไปล้างมือให้สะอาด กินปลาตากแห้งทอดคนละห้าตัว”

ปลาตากแห้งตัวเล็กผ่านการหมักด้วยเกลือ ทั้งยังตากแดดอยู่หลายวัน สุดท้ายจึงทอดด้วยน้ำมัน ล้วนแต่เป็นวิธีกินที่ทำให้ร้อนในง่ายที่สุด เด็กสองคนกินมากเกินไปไม่ได้ กินมากไปจะร้อนใน

เซียวจื่อเซวียนพาน้องสาวไปล้างมือจนสะอาดอย่างรวดเร็ว หลังจากล้างเสร็จ ไม่ได้ไปจับปลาตากแห้งทอดทันที แต่ยื่นมือให้เซี่ยยวี่หลัวตรวจดู

เซี่ยยวี่หลัวจะตรวจดูก่อนว่าพวกเขาล้างมือจนสะอาดหรือยัง

มองดูนิ้วมือยี่สิบนิ้ว เล็บถูกตัดจนสั้นทั้งหมด ตะไบจนโค้งมน ใต้เล็บไม่มีเศษดินแม้แต่น้อย เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ล้างสะอาดมาก หยิบไปกินได้”

ในจานมีปลาตากแห้งตัวเล็กที่ทอดไว้เจ็ดถึงแปดตัว เซียวจื่อเมิ่งหยิบมาสองตัว ตัวเองยังไม่ได้กิน ใส่เข้าไปในปากเซี่ยยวี่หลัวก่อน “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกินก่อน”

เซี่ยยวี่หลัวลองกิน เมื่อเคี้ยวแล้วทั้งหอมและกรอบอร่อย แม้แต่ก้างยังกลืนลงไป

แม้กระนั้น เซี่ยยวี่หลัวก็เอ่ยเตือนเซียวจื่อเมิ่ง “จื่อเมิ่ง หากเคี้ยวก้างปลาไม่ไหว ก็ต้องคายออกมา อย่ากลืนลงท้องไป”

เซียวจื่อเมิ่งขานตอบว่า “อืม” ก่อนหยิบปลาตากแห้งทอดตัวเล็กขึ้นมากิน

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเคยกินอาหารที่หอมอร่อยถึงเพียงนี้ที่ไหนกัน ทั้งสองคนล้อมอยู่ตรงเตาปรุงอาหาร กินไปพลางมองดูพี่สะใภ้ใหญ่ทอดไปพลาง

แม้ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไม่ได้หยิบ แต่ในปากก็มีอาหารเต็มอยู่ตลอด ก่อนเด็กสองคนจะกิน ต่างก็ป้อนใส่ปากนางก่อน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้กิน!

 “จื่อเซวียน จื่อเซวียน…”

 “พี่สะใภ้ใหญ่ เซียวซานมา” เซียวจื่อเซวียนฟังออกว่าเป็นเสียงของเซียวซาน

เซียวจื่อเซวียนมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า เซียวจื่อเซวียนรีบพุ่งพรวดออกไป

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่เซียวซานเป็นเพื่อนรักของพี่รอง พวกเรามักจะออกไปเก็บผักป่าด้วยกัน! ”

ผ่านไปครู่หนึ่งเซียวจื่อเซวียนก็กลับเข้ามา ในมือถือของไว้สองชิ้น

เปลือกเป็นสีเขียว รูปทรงรี ขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่ทั่วไปเล็กน้อย

เซี่ยยวี่หลัว “นี่คือไข่เป็ด? ”

 “ไข่เป็ดป่า” เซียวจื่อเซวียนยิ้มพร้อมกล่าว “ตอนเซียวซานจูงวัวไปกินหญ้า เก็บได้ในพงหญ้า มีทั้งหมดเจ็ดถึงแปดฟอง เขาจึงนำมามอบให้ข้าสองฟอง”

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “พอดีเลย ตรงนี้มีปลาตากแห้งทอด เอาจานนี้ไปให้เขา”

เซียวจื่อเซวียนขานตอบ เขาลองนับดู ในจานมีปลาตัวเล็กหกตัว เขายกออกไป

ปลาเล็กหกตัวแลกไข่เป็ดป่าสองฟอง ถือว่าคุ้มกันแล้ว

 “อะไรกัน? หอมเหลือเกิน! ” เซียวซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 “ปลาตากแห้งที่พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าทอดไว้ เจ้ามอบไข่เป็ดให้ นางจึงให้ข้านำปลาเหล่านี้มาให้เจ้าลองชิม! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

เซียวซานมองดูปลาตากแห้งที่ทอดจนเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน ไม่ได้ยื่นมือไปรับ กล่าวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “สตรีผู้นั้นเป็นคนทอด? ”

ทุกวันนี้เซียวจื่อเซวียนได้ยินคนอื่นเรียก สตรีผู้นั้น ภายในใจก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “พี่สะใภ้ใหญ่ของข้า! เจ้าจะกินหรือไม่? ไม่กินข้ากินเอง”

พี่สะใภ้ใหญ่ให้กินแค่คนละห้าตัว เซียวซานกลับได้หกตัว มากกว่าเขาหนึ่งตัว

เขายังไม่ได้กินอย่างจุใจเลย

 “กินกินกิน! ทำไมข้าจะไม่กิน” เซียวซานดึงจานมาราวกับหมาป่าร้ายที่กำลังล่าเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น โอบจานไว้ในอ้อมอก ลองชิมหนึ่งตัว ทั้งหอมทั้งกรอบ เขาจับใส่ปากอีกหนึ่งตัว กล่าวด้วยเสียงอู้อี้ “ใช้น้ำมันทอดงั้นหรือ? ”

เซียวจื่อเซวียนแสดงสีหน้าได้ใจ “อืม หอมอร่อยใช่ไหม? ”

 “อร่อย อร่อย อร่อยจนข้าแทบกลืนลิ้นเข้าไปเลย! นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว! ” เซียวซานถือจานไว้ ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ กินทั้งหกตัวเข้าไปรวดเดียว เมื่อเห็นว่าจานว่างเปล่าแล้ว บนนั้นยังมีน้ำมันอยู่หลายหยด เซียวซานอดใจไว้ไม่เลียจาน เอ่ยถามด้วยท่าทางน่าสงสาร “ยังมีอีกไหม? ”

เซียวจื่อเซวียนแย่งจานกลับมา กล่าวเป็นเชิงดุ “ไม่มีแล้ว ข้าได้กินแค่ห้าตัว เจ้ากินไปตั้งหกตัว พี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้ว ของนี่กินมากเกินไปไม่ได้ กินมากแล้วจะร้อนในได้ง่าย! ”

เซียวซานเลียริมฝีปาก ก็ได้ เขาไม่กินแล้ว

เพียงแต่…

 “จื่อเซวียน ตอนนี้เจ้าเรียกพี่สะใภ้ใหญ่ เรียกเสียสนิทสนมเชียว แต่ก่อนเจ้าไม่เคยเรียกเลย! ” เซียวซานกล่าวพลางเผยรอยยิ้มเย้าหยอก

เซียวจื่อเซวียนทำคิ้วเข้ม “ทำไม? ”

 “ไม่ทำไม ก็แค่แปลกใจ เหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าถึงดีขนาดนี้” เซียวซานกล่าวอย่างมีความสุข “นางรู้จักทอดปลาตากแห้งให้เจ้ากินด้วย ท่านแม่ของข้ายังไม่ดีขนาดนี้เลย! ”

 “นางก็คือท่านแม่ของข้า! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่เปรียบเสมือนมารดา นางก็คือท่านแม่ของข้ากับจื่อเมิ่ง”

ดังนั้น ข้าก็มีแม่ ข้าก็มีคนคอยเอ็นดู

ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กอายุแปดขวบ มีของดีก็ชอบโอ้อวด โดยเฉพาะเซี่ยยวี่หลัว ที่ตอนนี้ดูแลพวกเขาเหมือนลูก อย่าให้พูดเลยว่าภายในใจเซียวจื่อเซวียนรู้สึกได้ใจและชอบใจเพียงใด

เซียวซานยังรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย “ใครเคยเห็นแม่ที่อายุน้อยขนาดนี้กัน แม่อายุน้อยขนาดนี้ นางจะเลี้ยงลูกเป็นหรือ? จื่อเซวียน เจ้าแน่ใจหรือ ว่านางจะไม่เปลี่ยนกลับไปเป็นเซี่ยยวี่หลัวที่ดุร้ายคนเดิมอีก? ”

เซียวจื่อเซวียนไหวคิ้ว “ปลาตากแห้งทอดเจ้าก็กินแล้ว ทำไม ไม่เชื่องั้นหรือ? ” ตอนนี้เขาไม่ยอมให้คนอื่นกล่าววาจาว่าร้ายพี่สะใภ้ใหญ่แม้เพียงน้อยนิด พี่สะใภ้ใหญ่ดีต่อพวกเขาแบบไม่มีที่ติ

ใครก็ห้ามว่าร้ายนาง!

 “ไม่ใช่ไม่เชื่อ แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ดูไม่ค่อยสมจริงนัก! นางเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปแล้ว” เซียวซานยังคงไม่เชื่อ อย่างไรเสีย ชื่อเสียงของเซี่ยยวี่หลัวในอดีต เลวร้ายจนไม่อาจร้ายกว่านั้นได้อีกแล้ว

 “ดูไม่สมจริงงั้นหรือ? ถ้าอย่างไรเจ้าก็คายปลาตากแห้งทอดที่เจ้ากินออกมาเสียดีหรือไม่? ”

 “ของที่กินลงไปแล้ว มีเหตุผลอะไรต้องคายออกมาด้วย”

 “ในเมื่อไม่คายออกมา เช่นนั้นก็ได้ อย่างไรต่อไปเจ้าก็อย่าหวังจะได้ฟังนิทานอีก” เซียวจื่อเซวียนกล่าวอย่างเย็นชา

 “ไม่ฟังนิทาน? ทำแบบนั้นได้อย่างไร อย่า…”

เซียวจื่อเซวียนไหวคิ้วด้วยท่าทางได้ใจ “ไม่เล่าให้เจ้าฟังแล้ว” กล่าวจบ ก็เข้าไปข้างในพร้อมปิดประตู

เซียวซานตะโกนอยู่ด้านนอก “จื่อเซวียน จื่อเซวียน ข้าเรียกเจ้าว่าพี่ชาย ข้าเรียกเจ้าว่าท่านบรรพชน เจ้าอย่าทำแบบนี้ เจ้าบอกข้ามาเร็ว ในภายหลังวานรตัวนั้นเป็นอย่างไร เขาได้ร่ำเรียนวิชาอมตะหรือไม่? จื่อเซวียน จื่อเซวียน…”

เซียวจื่อเซวียนเบ้ปาก เขาฟังถึงตอนที่ซุนวู่คง [1] อาละวาดตำหนักสวรรค์แล้ว!

กล้ากล่าววาจาว่าร้ายพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา ยังคิดจะฟังนิทาน ไม่มีทาง

อย่างไรก็ไม่มีทาง!

เชิงอรรถ

[1] ซุนวู่คง หรือ เห้งเจียที่คนไทยคุ้นเคยกัน