เล่มที่ 3 บทที่ 71 เซี่ยยวี่หลัวใช้เงินมือเติบ

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ยกจานกลับเข้าไปในห้องครัว เซี่ยยวี่หลัวยังได้ยินเสียงร้องเสมือนภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น? “

“ไม่มีอะไร แค่มีคนอยากฟังนิทานของวานร! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว

เซี่ยยวี่หลัว “ซุนวู่คง? นิทานเรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบมากถึงเพียงนี้เชียว? “

เซียวจื่อเซวียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม พี่สะใภ้ใหญ่ หลังจากซุนวู่คงอาละวาดตำหนักสวรรค์แล้วเป็นอย่างไรต่อ ทหารและขุนพลสวรรค์จับตัวเขาได้หรือไม่? เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า? “

เซี่ยยวี่หลัวทอดไปพลาง เล่าเรื่องราวหลังจากนั้นไปพลาง

เด็กสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก มือทั้งคู่แนบกับแก้ม นั่งเท้าคาง ฟังเซี่ยยวี่หลัวเล่านิทานต่อด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจเสียยิ่งกว่าอะไร

พวกเขาพบว่า พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเขาเล่านิทานเก่งเกินไปแล้วกระมัง? ทั้งเสียงทั้งสีหน้าท่าทาง ราวกับพาพวกเขาเข้าไปอยู่ในเรื่อง ไปอาละวาดตำหนักสวรรค์พร้อมกับซุนวู่คงอย่างไรอย่างนั้น

เซียวซานถูกกันไว้ด้านนอก กลับบ้านไปด้วยท่าทางไม่มีความสุข โจวซื่อเห็นว่าเขาไม่มีแก่ใจจะทำอะไร ห่อเหี่ยวเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก จึงเอ่ยถามว่าเขาเป็นอะไรไป

เซียวซานเพียงอ้าปาก โจวซื่อก็ได้กลิ่นที่ไม่ธรรมดา

“เจ้ากินอะไรมา? กินปลางั้นหรือ? “

“อืม” เซียวซานพยักหน้า

เรื่องอะไรก็ปิดบังท่านแม่ที่มีจมูกไวเหมือนสุนัขไม่ได้

“เจ้ากินปลาที่บ้านใครมา ทำไมถึงไม่มีกลิ่นคาว? ” โจวซื่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“กินที่บ้านจื่อเซวียน”

“ที่บ้านเขากินปลางั้นหรือ? ทำไมถึงหอมนัก ปรุงอย่างไรกัน? ” โจวซื่อนำปลามาทำอาหารมีกลิ่นคาวแรงมาก

เซียวซานกล่าว “ข้าฟังจากจื่อเซวียน เหมือนว่าจะทอดด้วยน้ำมัน เมื่อเคี้ยวในปาก ทั้งกรุบทั้งกรอบและหอมอร่อย ไม่คาวสักนิด ท่านแม่ พี่สะใภ้ใหญ่ของจื่อเซวียนยังทำของทานเล่นให้เขากิน เมื่อไหร่ท่านจะทำให้ข้ากินบ้าง ข้าได้กินแค่หกตัว ยังไม่หนำใจเลย! “

“ทอดด้วยน้ำมัน? ” โจวซื่อได้ยินก็ถึงกับอุทานว่าแม่เจ้า “เจ้ายังอยากกินให้หนำใจ? เขาให้เจ้ากินหกตัวก็ถือว่าดีต่อเจ้ามากแล้ว! “

ยังอยากกินให้หนำใจ ไปกินในฝันเถอะ!

ปลาตากแห้งไม่ต้องเสียเงิน ไปจับในแม่น้ำก็พอ แต่น้ำมันนั่นเป็นเงินทั้งนั้น ใช้น้ำมันทอดปลาตากแห้งกินเป็นของทานเล่น เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้หากไม่ใช่หกล้มจนสมองมีปัญหา ก็คงเสียสติไปแล้ว

“เซี่ยยวี่หลัวนั่นเข้าใจยากจริง เมื่อก่อนทั้งตีทั้งด่าเด็กสองคน ไม่ให้กินข้าวไม่ให้พักผ่อน ตอนนี้นางกลับทอดปลาตากแห้งให้เด็กสองคนกิน ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ! ” โจวซื่อไม่เข้าใจ

ทว่า ใช้เงินมือเติบเกินไปแล้ว

ทอดปลาตากแห้งด้วยน้ำมัน แพงมากทีเดียว!

เซียวซานยังทำสีหน้าห่อเหี่ยว

โจวซื่อนึกว่าเขายังรู้สึกไม่ดีเพราะเรื่องปลาตากแห้งทอด จึงกล่าว “เจ้ายังจะทำหน้าซังกะตายทำไม? เซียวซาน ข้าจะบอกให้ เจ้าอย่าได้คิด ข้าไม่มีทางทอดปลาตากแห้งให้เจ้า! “

เว้นแต่นางจะเสียสติถึงจะเป็นไปได้

เซียวซานขานตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ไม่กินก็ไม่กิน! “

เขาไม่เสียดายเลย ตอนนี้เขาเสียดายนิทานที่เซียวจื่อเซวียนเล่า

วานรตัวนั้นได้ฝึกวิชาอมตะหรือไม่?

เซียวจื่อเซวียนเป็นคนหัวรั้น วันนี้ปิดประตูกันเขาไว้ข้างนอก เกรงว่าคงไม่สนใจเขาไปอีกหลายวัน

“แล้วเจ้าจะยังทำหน้าแบบนี้ทำไม? แม่เจ้ายังไม่ตายเสียหน่อย! ” วิธีสั่งสอนบุตรของโจวซื่อแตกต่างจากเถียนเอ๋อ นางทั้งดุทั้งแข็งกร้าว ภายใต้การใช้กำลังของโจวซื่อ เซียวซานจึงกลายเป็นเด็กหนังหนา แข็งแรงทนทานไม่น้อย

“ข้าก็แค่อยากฟังนิทาน” เซียวซานกล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้

โจวซื่อคิดว่าเป็นเพียงนิทานธรรมดา ตบศีรษะเซียวซานทีหนึ่ง “ดูเจ้าสิมีความคิดเพียงแค่นี้ รอให้พี่เซียวยิงกลับมา เจ้าไปหาพี่เซียวยิงให้เขาเล่าให้เจ้าฟังก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ นิทานที่จื่อเซวียนรู้ คาดว่าพี่ชายของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง พี่เซียวยิงของเจ้าเป็นซิ่วไฉ เขาจะไม่รู้เชียวหรือ? “

เซียวยิงและเซียวซานเป็นญาติกัน จึงสนิทสนมคุ้นเคยกันกว่าบ้านเซียวจื่อเซวียนมากนัก

เซียวซานเบ้ปาก เหมือนจะเป็นเช่นนี้จริง

ถึงเวลาไปอ้อนให้พี่เซียวยิงช่วยเล่าให้ฟัง ให้เซียวยิงเล่าให้ฟังทีเดียวทั้งหมด ให้เซียวจื่อเซวียนอิจฉาตายไปเลย

เมื่อเซียวซานคิดได้ดังนี้ ความรู้สึกไม่สบายใจเพียงน้อยนิดนั่นพลันมลายหายไปจนสิ้น เมื่อโจวซื่อเห็นเขาอารมณ์ดีแล้ว จึงโยนมีดตัดฟืนหนึ่งเล่มและเชือกหนึ่งเส้นให้เขา “ไป ไปตัดฟืนกับแม่”

เซียวซานเดินต้อยๆตามแม่ของเขาขึ้นเขาไป

เซี่ยยวี่หลัวทอดปลาตากแห้งกว่าครึ่งกระด้ง หลังจากกินคนละห้าตัว จึงเก็บที่เหลือไว้ในกล่องทั้งหมด ปิดให้สนิท เก็บไว้ให้เด็กๆกินเป็นอาหารว่าง

เมื่อเห็นว่าขุดดินในสวนหลังบ้านเสร็จเจ็ดถึงแปดร่องแล้ว อุณหภูมิสูงขึ้น เป็นช่วงเวลาอันดีที่เหมาะแก่การปลูกผัก

เซี่ยยวี่หลัวได้ยินว่าบ้านท่านป้าสี่จะเพาะต้นกล้าพืชผักทุกปี จึงไปหาท่านป้าสี่เพื่อซื้อต้นกล้าผัก เป็นดั่งที่เซียวจื่อเซวียนกล่าวไว้ ท่านป้าสี่ขายต้นกล้าผักอยู่หน้าหมู่บ้านเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

ท่านป้าสี่เห็นแต่ไกล ว่าเซี่ยยวี่หลัวกำลังมา เซียวจื่อเมิ่งตามอยู่ข้างกาย

คนแรกที่นางเห็นคือเซี่ยยวี่หลัว ถึงอย่างไรใบหน้าและรูปร่างของเซี่ยยวี่หลัว ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยเห็นครั้งหนึ่งต่างก็ไม่มีทางลืมเลือน

ส่วนเซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ท่านป้าสี่ไม่ได้พบเด็กคนนี้มากว่าครึ่งเดือนแล้ว แวบแรกที่เห็น ก็ถึงกับผงะไป

เซียวจื่อเมิ่งเมื่อครึ่งเดือนกว่าที่แล้ว ดูมีน้ำมีนวลเหมือนตอนนี้ที่ไหนกัน สีหน้าดูดีเสียยิ่งกว่าอะไร!

เด็กคนนี้ ตัวสูงขึ้นแล้ว สีหน้าดูดีขึ้น ร่างกายก็มีเนื้อมีหนังแล้ว เท่าที่ดู เซี่ยยวี่หลัวเลี้ยงดูได้ไม่เลว!

ท่านป้าสี่รู้สึกประหลาดใจมาก แต่ไม่นานก็รู้สึกโล่งใจ

หากเซี่ยยวี่หลัวสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเซียวยวี่ดีๆ บุตรสาวของตนเองก็จะไม่มีความคิดเหลวไหลอีก

“จื่อเมิ่ง…” ท่านป้าสี่กล่าวทักทายเซียวจื่อเมิ่งอย่างสนิทสนม กลับทำราวกับมองไม่เห็นเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างๆ

เซี่ยยวี่หลัวคุ้นชินกับการที่คนอื่นไม่เห็นนางอยู่ในสายตาแล้ว

คนที่ทำเป็นมองไม่เห็นนางนั้นมีมาก คนที่จ้องมองนางก็มีมาก เซี่ยยวี่หลัวสามารถสงบจิตสงบใจกับเรื่องพวกนี้แล้ว

“ท่านป้าสี่ เราจะซื้อต้นกล้า ต้นกล้าของท่านขายอย่างไรหรือ? ” เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยเรียกพร้อมถามอย่างอ่อนหวาน นางจับมือเซี่ยยวี่หลัวไว้ ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางน่ารักสดใส

“หนึ่งอิแปะ ต้นกล้าสามสิบต้น ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ราคาเท่ากัน”

หลังจากพืชผลเจริญเติบโตแล้ว คนจำนวนมากก็จะดูออกว่าเป็นพืชชนิดใด แต่เมื่อเห็นต้นกล้าที่เพิ่งเพาะปลูก รูปลักษณ์ล้วนไม่ต่างกันมากนัก ล้วนมีเพียงหนึ่งก้าน ใบไม้ไม่กี่ใบ บางคนจะแยกไม่ออก

แต่เซี่ยยวี่หลัวกลับแยกแยะได้อย่างชัดเจน

นางกวาดตามอง ก่อนกล่าว “ท่านป้าสี่ เอาต้นกล้าแตงกวายี่สิบต้น ต้นกล้าพริกสี่สิบต้น ต้นกล้ามะเขือยาวยี่สิบต้น ถั่วลันเตาและถั่วปากอ้าอย่างละสามสิบต้น”

นางชี้พลางบอกชื่อต้นกล้าแต่ละชนิดที่อยู่บนแผงด้านหน้า เรื่องนี้ทำให้ท่านป้าสี่ถึงกับผงะไป

นาง… รู้จักต้นกล้าเหล่านี้?

ท่านป้าสี่รู้สึกประหลาดใจมาก เตรียมต้นกล้าแต่ละชนิดให้ตามที่เซี่ยยวี่หลัวต้องการ

เซี่ยยวี่หลัวนำเงินออกมาสี่อิแปะ ซื้อต้นกล้าหนึ่งร้อยยี่สิบต้น จากนั้นจึงจัดวางอย่างระมัดระวัง หิ้วถังน้ำขึ้น จูงมือเซียวจื่อเมิ่งเดินจากไป

ท่านป้าสี่มองดูเหรียญอิแปะในมือตนเอง รู้สึกผิดคาดนัก

จากนั้นจึงมองดูต้นกล้าตรงหน้าตัวเอง นางปลูกพืชผลมาหลายสิบปี จึงสามารถแยกแยะต้นกล้าที่เพิ่งแตกใบอ่อนเหล่านี้ได้ทั้งหมด ต้องรู้ว่า เซียวหมิงจูยังไม่รู้จักแม้แต่ชนิดเดียว!

แต่เซี่ยยวี่หลัวนั่น…

ไม่ได้ดูผิดแม้แต่ชนิดเดียว!