ตอนที่ 127 อยู่ให้ห่างจากผม ยิ่งไกลเท่าไรก็ยิ่งดี + ตอนที่ 128 ยังไม่เกาะผมอีก

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 127 อยู่ให้ห่างจากผม ยิ่งไกลเท่าไรก็ยิ่งดี

“ฉันไม่เป็นไรหรอก พวกคุณไปทำงานต่อเถอะ” เธอพูดจบก็ค่อย ๆ เดินถอยห่างออกไป พลางมองไปที่สตูดิโอใหม่อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้เช่นเคย โดยไม่สนใจว่าลูซี่จะเดินตามมาหรือไม่ ก่อนจะลงมือกินข้าวต่อ

ลูซี่เหลือบมองไปที่ตัวเธออย่างระมัดระวัง เพราะรู้ดีว่าผู้หญิงแก่คนนี้แย่งจิ่งเป่ยเฉินและเอาหัวใจของเขาไป

หึ ทำไมสายตาของผู้ชายถึงได้ตกต่ำขนาดนี้ ไม่มีสายตามองดูเลยหรือยังไงกัน ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์อะไรตรงไหนถึงได้ดึงดูดเขาได้มากขนาดนี้?

แม้ท่าทางการกินของเธอจะดูสง่าผ่าเผย ราวกับกุลสตรีที่หลุดออกมาจากนิยาย ซึ่งค่อนข้างจะขัดกับหน้าตาของเธอ แต่ก็สอดคล้องกับเสียงเมื่อครู่ที่เธอได้ยินค่อนข้างมาก

หรือว่าเธอจะเป็นสายของ TE อะไรนั่นจริง ๆ ?

หรือว่าจิ่งเป่ยจงใจปล่อยให้เป็นแบบนี้ ปล่อยให้ตัวเธอสบาย ๆ ก่อนที่ท้ายที่สุดจะกำจัดเธอออกไปด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นจิ่งเป่ยเฉินจะปล่อยให้เธออยู่ใกล้เขาแบบนี้ทำไมกัน!

เมื่อลูซี่คิดได้แบบนี้ก็เริ่มด่าทอว่าตัวเองโง่เง่าจนไม่เข้าใจ ไม่เคยแบ่งปันความกังวลให้เขาเลย ทั้งยังเอาแต่โกรธเขาอีก เธอไม่ควรทำแบบนี้เลย

รอให้เขามา เธอคงต้องหาโอกาสขอโทษเขาบ้างแล้ว ต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง

เมื่ออันโหรวกินข้าวเสร็จ ลูซี่ก็ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ พลางเหลือบมองเห็นเธอเช็ดปากอย่างลวก ๆ “ไม่ใช่ว่าคุณบอกกับฉันว่าถ่ายงานที่สตูดิโอข้าง ๆ นี้เหรอคะ หรือคิดจะย้ายมาถ่ายงานที่นี่แล้ว?”

“หยิ่งยโสให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ เธอจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากในภายหลัง” ลูซี่กอดอกก่อนจะมองไปที่เธอด้วยท่าทีที่ค่อนข้างระวัง

“คุณปกป้องฉันงั้นเหรอ?” มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเยาะพลางเอ่ยว่า “คุณลูซี่ คุณดูเหมือนว่าจะลืมไปนะว่าฉันเป็นพนักงานของบริษัทจิ่ง อีกทั้งคุณเองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับสกุลจิ่งเลยแม้แต่น้อย”

“ฉันเป็น…….”

“คุณเป็นแค่แฟนสาวที่เขาลือกันของประธานจิ่ง แฟนสาวซุบซิบ แต่วันนั้นประธานจิ่งก็ได้บอกไปแล้วนะ ดูท่าน่าจะชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอคะ คุณลูซี่ความจำของคุณดูท่าน่าจะมีปัญหา จดจำได้แค่เจ็ดวินาทีเองเหรอคะ?” อันโหรวพูดจบก็เริ่มเก็บของและทำความสะอาดโต๊ะ

ในเมื่อเป็นพนักงานของบริษัทจิ่งก็ต้องช่วยประธานจัดการผู้หญิงที่เขาไม่ชอบซะหน่อย!

ไม่ถูกสิ เธอจะช่วยจิ่งเป่ยเฉินจัดการไปทำไมกัน ที่เธอจัดการก็เพราะว่าลูซี่ชอบมารบกวนเขาอยู่เรื่อย ๆ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดมาถึงตัวเธอด้วยก็เท่านั้นเอง

“เอาแบบนั้นก็ได้! คุณลูซี่ ฉันรู้สึกว่าคุณน่าจะชอบประธานจิ่งจริง ๆ ฉันก็ขออวยพรให้พวกคุณเลยละกัน” เธอถือถุงขยะไว้ในมือและเดินออกไปด้านนอก

ลูซี่ที่เดินตามหลังเธอมาติด ๆ เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่งว่า “ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันกับจิ่งเป่ยเฉินเป็นคู่รักที่ดีที่สุด ส่วนเธอจะเป็นอะไรนั้นก็ว่ากันไป แต่น้ำเสียงกับใบหน้าของเธอมันดูไม่เข้ากันเลยสักนิด”

“ไม่เข้าแล้วมันยังไงคะ”

“ถ้าเธอยอมพูดมันมาตั้งแต่แรก ฉันอาจจะช่วยเธอก็ได้นะ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว!” เพราะว่าฉิวซีได้บอกให้จิ่งเป่ยเฉินรู้เรื่องนี้แล้ว

แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าเขาจะทำยังไง

อันโหรวโยนถุงขยะใส่ถังขยะ ก่อนที่จะตบมือไปมาและหันหน้าไปมองทางบันไดที่จิ่งเป่ยเฉินกำลังเดินเข้ามา

ชุดสูทสีฟ้าอ่อนที่ไม่ค่อยพบเห็นผู้คนสวมใส่กำลังสวมอยู่บนตัวของเขา พร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาและดูคมคาย รูปขาเรียวยาว ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายปรัมปรา ดูแล้วเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าชายค่อนข้างมาก

“เป่ยเฉิน…..” ลูซี่รีบเดินเข้าไปหาเขา

เมื่อได้ยินเสียงนี้ อันโหรวก็พยักหน้าก่อนจะเอ่ยทักทายเขา “ประธานจิ่ง สวัสดีค่ะ”

หัวหน้าใหญ่ที่กำลังวุ่นวายอยู่แล้ว ไหนเลยจะเพิกเฉยต่อเธอกัน

“คุณฟังคำพูดคนไม่เข้าใจอีกเหรอ หรือต้องให้แปลภาษาคนกัน?” จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปที่ลูซี่เล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาอันโหรวด้วยท่าทีนิ่ง ๆ จากนั้นจึงหันไปพูดกับลูซี่ว่า “อยู่ให้ห่างจากผม ยิ่งไกลเท่าไรก็ยิ่งดี”

“เป่ยเฉิน ฉันเข้าใจแล้ว!” ลูซี่มองเขาด้วยท่าทีเก้อเขิน ก่อนจะพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณมีธุระ คุณไปจัดการก่อนได้เลย ไว้คืนนี้พวกเราค่อยเจอกัน”

“ใครนัดกับคุณไม่ทราบ?” จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วยุ่ง “ดูท่าจะกินยาผิดสินะ?”

“ฉันไม่ได้กินยาซะหน่อย!”

“ที่แท้ก็ลืมกินยานี่เอง หลังจากนี้ก็ไปกินยาซะ”

“เป่ยเฉิน……..” ลูซี่ยืนอยู่กับที่พลางมองดูเขาที่เดินเข้าไปใกล้อันโหรวมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทำไมเขาถึงได้พูดกับเธอแบบนี้!

อะไรคือหลังจากนี้ให้ไปกินยา เธอไม่ได้บ้าซะหน่อย!

“ประธานจิ่ง อันอีหานต้องมีอะไรผิดปกติอยู่แน่ ๆ ค่ะ ตอนที่เธอคุยโทรศัพท์กับคนอื่น ๆ เสียงของเธอไม่ได้แหบแห้งเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจจะเป็นสายลับของพวก TE ที่ส่งมาก็ได้ค่ะ!” ฉิวซีที่ยืนอยู่ด้านหลังของจิ่งเป่ยเฉินพูดด้วยท่าทีกระตือรือร้น ก่อนจะชี้นิ้วไปยังอันโหรว

“หัวหน้าฉิว ดูเหมือนว่าคุณคงดูหนังสายลับมากเกินไปสินะ” อันโหรวหัวเราะด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ตัวเธอและพูดเสริมไปอีกว่า “หรือหัวหน้าฉิวคิดว่าประธานจิ่งจะไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเลย ถึงได้รับสายลับเข้ามา?”

………………………

ตอนที่ 128 ยังไม่เกาะผมอีก

ทันทีที่จิ่งเป่ยเฉินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้ ฉิวซีก็ยิ่งหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ เธอเกือบจะลืมไปแล้วว่าอันอีหานนั้นถูกประธานจิ่งรับเข้ามาด้วยตัวเอง โดยได้รับการแนะนำจากเลขาหลินอีกทีหนึ่ง

แต่มันก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนตัวตนของเธอได้ เพราะเดิมทีเธอเคยทำงานอยู่กับพวกบริษัท TE ในประเทศอังกฤษ!

“ประธานจิ่ง ฉันไม่ได้ตั้งแง่กับคุณหรอกนะคะ แต่อันอีหานคนนี้ดูน่าสงสัยจริง ๆ!” ฉิวซีรีบอธิบายเสริมอย่างรวดเร็ว

“อืม ฉันเองก็เคยคิดรู้สึกสงสัยเหมือนกัน เพราะงั้นที่นี่คุณเป็นรับผิดชอบไป ส่วนอันอีหานตามมาผม ผมต้องการสอบสวนคุณ” จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปที่อันโหรวและเอ่ยขึ้นว่า “ตามผมมา”

“ประธานจิ่ง ไม่ใช่ว่าเคยตรวจสอบไปแล้วเหรอคะ? ทั้งยังตรวจสอบเรื่องความสัมพันธ์ของฉันอีก” เธอกล่าวอย่างเป็นนัยว่าเบา ๆ หน่อย

บนโต๊ะทำงานของเขามีข้อมูลของเธออยู่เต็มไปหมด ทุกอย่างในนั้นล้วนแล้วแต่ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน แค่เปลี่ยนจากชื่ออันโหรวเป็นอันอีหานเท่านั้น

“การสอบสวนครั้งล่าสุดยังไม่ละเอียดดี วันนี้เราต้องตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด” หลังจากที่จิ่งเป่ยเฉินพูดจบ เขาก็หันหลังเดินลงไปข้างล่าง แต่ไม่ได้เข้าไปภายในสตูดิโอแต่อย่างใด

พนักงานที่คิดว่าพวกเขาจะได้เห็นจิ่งเป่ยเฉินก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง

อันโหรวถูกสายตาของพวกเขาจับจ้อง ก่อนจะเดินห่างจากพวกเขาไป เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เธอก็เริ่มกัดฟันแน่นขึ้น

เมื่อมองไปยังแผ่นหลังกว้างก็แทบอดใจไว้ไม่ไหว อยากจะเตะไปที่คนตรงหน้าสักสองสามครั้ง

แม้ว่าเธอจะเคยเริ่มลงมือก่อน แต่ตอนนั้นถูกวางยาจึงยากจะควบคุมตัวเองได้

แต่วันนี้มันไม่ได้เป็นเพราะผลของยา เธอมีสติและเห็นมันอย่างชัดเจน

ใบหน้าของอันโหรวตอนนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ เธอเดินตามเขาเข้าไปในรถ ไม่ช้าประตูรถก็ถูกปิดลงอย่างแรง

“จะไปไหนคะ?” เธอไม่คิดเลยว่าจิ่งเป่ยเฉินจะซักไซ้ถามเธอขนาดนั้น

จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่ทำท่าทางฟึดฟัดราวกับโกรธเคืองอย่างหนัก ก่อนจะขับรถออกไป

“ประธานจิ่ง คุณจะพาฉันไปสถานีตำรวจเพื่อตรวจสอบเหรอคะ?” ถ้าหากเป็นแบบนั้นโอกาสคงน้อยมากขึ้น แต่พอเขาไม่พูดอะไร เธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขาเอนหลังและเอ่ยด้วยท่าทีเกียจคร้านว่า “คืนนี้มีงานประมูลที่โรงแรมฮวาเหม่ย คุณน่าจะสนใจไม่น้อย”

โรงแรมฮวาเหม่ยล้วนแล้วแต่นำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพระดับสูงมาประมูล เรียกว่าชนิดตำนานเลยทีเดียว

เธอจะรู้สึกสนใจยังงั้นเหรอ?

ในสายตาของจิ่งเป่ยเฉินเข้าใจว่าเธอคืออันโหรว เพราะงั้นเธอจะต้องสนใจข้าวของของตระกูลอันแน่ ๆ

เพราะปีนั้นเธอถูกบีบบังคับให้ออกจากเมือง A ตระกูลตัวเองล่มสลายอย่างกะทันหัน ตัวเธอไม่รู้จะไปไหน จึงทำได้แค่ทำตามแผนเดิมที่แม่วางแผนเอาไว้ ก่อนจะหายตัวไป

ในปีนั้นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมากมาย ตระกูลอันซึ่งเป็นตระกูลขายสินค้าเกี่ยวกับหยก ข้าวของต่าง ๆ ล้วนเป็นหยกทั้งสิ้น หนำซ้ำหยกต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นของมีระดับและคุณภาพสูง

เป็นไปได้ไหมที่หยกของตระกูลอันจะถูกนำมาขายในค่ำคืนนี้

จู่ ๆ มือของเธอก็จับไปที่ต้นขาตัวเองแน่น เนื่องจากตอนนี้เธอไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อพวกมันเลยสักชิ้น

แต่เธอก็อยากจะไปดูซะหน่อยว่าใครได้เป็นเจ้าของพวกมัน เพราะหลังจากนี้เธอจะได้กลับไปซื้อมันคืนมา

งานซื้อขายประมูลพวกนี้นับว่าเป็นงานเลี้ยงงานหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ได้จะไปได้ง่าย ๆ เธอโชคดีตรงที่เธอเผยใบหน้าที่แท้จริงให้ควีนเห็นไปแล้ว โดยไม่มีแม้แต่จะเอ่ยความลับให้รั่วไหล ทั้งยังช่วยปกปิดด้วยมือวิเศษของเขาอีกด้วย

เมื่อพวกเขามาถึงโรงแรมฮวาเหม่ยก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม แสงไฟสลัว ๆ ในยามค่ำคืนแบบนี้ดูสวยงามไม่น้อย

ว่าแต่ทำไมชุดสูทสีฟ้าอ่อนของจิ่งเป่ยเฉินถึงได้ดูเข้ากับที่แห่งนี้มากขนาดนี้ หรือแม้กระทั่งตัวเธอเองที่สวมชุดลายลูกไม้สีน้ำเงินเข้มก็ดูสง่างามและสวยเซ็กซี่ไม่แพ้กัน

ถ้าหากใบหน้าไม่ได้ซีดเซียวละก็ คงเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบอย่างมาก

ทั้งสองคนลงจากรถ จิ่งเป่ยเฉินตบแขนตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะงอให้เธอเห็น “ยังไม่เกาะอีก!”

“ประธานจิ่ง จำเป็นด้วยเหรอคะ?” เขานี่หน้าไม่อาย คิดอยากจะให้เธอเกาะติดหรือยังไง

จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย โดยท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด “หือ?”

เธอมองเขานิ่ง ก็แค่ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ?

ในสายตาของเขานั้น เธอก็เปรียบเสมือนดอกซิ่งแดงออกกำแพง[1] เธอจึงค่อย ๆ ย่อตัวก่อนจะทำให้เขาเห็นเป็นเรื่องตลกและหัวเราะออกมา

เธอเกาะแขนของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนที่ด้านหลังของพวกเขาจะมีรถเข้ามาจอด แสงไฟรถกะพริบเปิดขึ้น เธอหันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฝีเท้าของเธอจะหยุดลงทันที

จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกว่าคนข้าง ๆ ไม่ได้ขยับเขยื้อน เขาจึงหันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง

[1] ดอกซิ่งแดงออกกำแพง หมายถึง สาววัยแรกรุ่นอยากมีคู่ เสนอตัวเองให้ดูโดดเด่น เรียกร้องความสนใจ ยังสื่ออีกว่า หญิงมีสามีแล้วแต่ไม่สำรวมตน คบชู้สู่ชาย