ส่วนที่ 4 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน ตอนที่ 7 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของซูรุ่ย ทำให้ช่องสนทนาของกิลด์หย่งเย่เงียบไปสองสามวินาที ได้ยินแต่ซูรุ่ยที่ยังคงถามไถ่ถึงซูเฉิงหว่านเย่ว์อยู่ตลอด โยวอวี้เตอะเหม่ยหยางหยางจึงรีบคัดลอกข้อความที่เธอเห็นบนกระทู้เว็บบอร์ดมาให้ดู หลังจากนั้นทุกคนในกิลด์กลับได้เห็นข้อความนี้…

 

[หัวหน้ากิลด์เย่อวี่ออฟไลน์แล้ว]

 

ออฟไลน์แล้ว…ออฟไลน์…แล้ว!

 

เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น]

 

ชิงซิ่วจยาเหริน : [ใต้เท้าหัวหน้ากิลด์ล่ะ ใต้เท้าหัวหน้ากิลด์หายไปไหนแล้ว คนเขายังไม่ทันได้ไปคารวะเลยนะ!]

 

ชูอวิ๋นซือเหริน : […]

 

โยวอวี้เตอะเหม่ยหยางหยาง : [ฉันรู้สึกว่าได้ค้นพบความลึกลับอะไรบางอย่างเข้าแล้ว!]

 

เสียชี่หลิ่นหราน : [เหม่ยหยางหยาง มาที่โหลวหลาน ฉันจะพาเธอไปเก็บระดับ!]

 

โยวอวี้เตอะเหม่ยหยางหยาง : [ดีเลย!]

 

เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในกิลด์อะไรพวกนี้ ไม่เอาแล้วจริงๆ!]

 

……

 

ทันทีที่ซูรุ่ยออกจากเกมก็เปิดคอมฯ ที่อยู่ตรงหน้า แล้วเข้าเว็บบอร์ดทางการของ ‘หลิงเสิน’ อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าไปยังพื้นที่สนทนาของเซิร์ฟสี่ และได้เห็นกระทู้ที่เขียนประกาศไว้ ดวงตาของซูรุ่ยเปล่งประกายวาบหนึ่ง และหลังจากที่เขาได้อ่านเนื้อหาและความคิดเห็นทั้งหมด ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มราวกับฝนกำลังจะตกลงมา

 

“คุณลุงหลี่!”

 

น้ำเสียงซูรุ่ยร้องเรียกอย่างขึงขัง เงาของพ่อบ้านวัยกลางคนก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของซูรุ่ยทันที “คุณชาย ต้องการรับสั่งอะไรหรือครับ”

 

“ช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองหลีเจียงให้ผมหน่อย ยิ่งเร็วยิ่งดี และช่วยติดต่อบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ดีๆ ให้ด้วย ผมต้องการให้พวกเขาช่วยล็อก IP[1] ของคนคนหนึ่ง”

 

“เข้าใจแล้วครับคุณชาย!”

 

เมื่อได้ยินคำสั่งของซูรุ่ย คุณลุงหลี่ก็จดจำจนขึ้นใจและจัดการในทันที

 

เมื่อปิดคอมพิวเตอร์ ซูรุ่ยก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย แล้วยิ้มอย่างสบายใจ

 

ตัวเขาเองไม่สามารถรอได้นานถึงขนาดนั้นจริงๆ ด้วย…

 

ในขณะเดียวกัน เนื่องจากคลิปวิดีโอสุดดุเดือดเผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง ตัวละครหลักเกือบทั้งหมดในเซิร์ฟสี่ต่างก็รู้ข่าวการกลับมาของซูเฉิงหว่านเย่ว์

 

ตี้ซื่อเทียนที่กำลังนำคนเข้าไปบุกโจมตีในดันเจี้ยน อดไม่ได้ที่จะแสดงใบหน้าที่เย็นชา “เสี่ยวเฟิง นายมีอะไรจะพูดไหม”

 

เสี่ยวเฟิงฉานเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างกำลังเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์อยู่นั้นก็พูดสวนกลับไปว่า “หัวหน้า คุณก็ฆ่าเธอไปแล้วหลายครั้งขนาดนั้นแล้ว ผมว่าเธอคงจะไม่กล้ามายุ่งกับน้องอีเซี่ยวอีกแล้ว เห็นแก่ความรู้สึกของพวกเราที่รู้จักกับเธอมานานหลายปีเถอะ ปล่อยซูหว่านไปสักครั้ง!”

 

ดวงตาของตี้ซื่อเทียนดูฉายแววเคร่งขรึม จ้องมองไปยังด้านหลังของหุยโหมวอีเซี่ยวที่อยู่ห่างไม่ไกลโดยไม่ได้ตั้งใจ ในเวลานี้หุยโหมวอีเซี่ยวสวมชุดอุปกรณ์สวมใส่ระดับ 55 และเสื้อคลุมนักบวชสีเขียวมรกตตลอดทั้งร่างขับเน้นให้ความอ่อนเยาว์และความมีชีวิตชีวาดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

 

“พี่เทียน เป็นอะไรรึเปล่าคะ”

 

ดูเหมือนว่าเธอรับรู้ได้ถึงสายตาของตี้ซื่อเทียน หุยโหมวอีเซี่ยวใช้เส้นทางที่สมาชิกในกิลด์จัดการไว้ให้ ค่อยๆ เดินเข้ามาด้านข้างของตี้ซื่อเทียน

 

“ซูเฉิงหว่านเย่ว์กลับมาแล้ว”

 

ตี้ซื่อเทียนกระซิบว่า “อีเซี่ยว ถ้ายังไม่วางใจเรื่องนั้น พี่จะส่งคนไล่ฆ่าเธอต่อ!”

 

“ช่างมันเถอะค่ะพี่เทียน! ฉันถูกเธอฆ่าแค่สองครั้งเท่านั้นเอง”

 

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าหุยโหมวอีเซี่ยวจะนึกถึงเรื่องที่ไม่รับความเป็นธรรมขึ้นมา ดวงตาเริ่มแดง จากนั้นก็ยิ้มระรื่นและมองไปที่ตี้ซื่อเทียน “ถึงจะยังไงเมื่อก่อนพวกพี่ก็เคยเป็น…เพื่อนกัน พี่ก็ไม่ต้องไปสนใจเธอแล้วล่ะ!”

 

“ถ้าเธอพูดขนาดนี้แล้ว พี่ก็จะปล่อยเธอไป!”

 

ตี้ซื่อเทียนเลิกคิ้ว ทั้งใบหน้าแสดงออกว่าอีเซี่ยวของฉันช่างมีจิตใจดีไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น และฉันก็เป็นคนสูงส่งไม่ใช่คนต่ำช้าที่คิดเล็กคิดน้อยแบบซูหว่าน

 

เสี่ยวเฟิงฉานเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ กลับแสดงท่าทีว่า ใต้เท้าหัวหน้าวางถุงกาวลงก่อนได้ไหม! ตั้งแต่ได้พบกับหุยโหมวอีเซี่ยวไอคิวก็ลดไปเกือบครึ่ง! เคยคิดบ้างไหม!  

 

ยังมี หุยโหมวอีเซี่ยวคนนั้นน่ะ มีใครคนไหนเล่นเกมออนไลน์แล้วไม่เคยถูกฆ่าบ้าง! เธอถูกฆ่าไปแค่สองครั้งเองนี่ นั่นมันนับเป็นอะไรที่ไหน อุปกรณ์สวมใส่ไอเทมอะไรก็ไม่เคยเสีย คนที่ค่าประสบการณ์ลดลงแค่นิดเดียวยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก

 

หว่านเย่ว์ถูกคนทั้งเซิร์ฟไล่ฆ่าจากระดับ 60 จนต้องกลับไปที่หมู่บ้านมือใหม่ตั้งห้าครั้ง! เธอเคยหลั่งน้ำตาสักหยดไหม!

 

เอ๋ ในฐานะคนนอกคนหนึ่ง ทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดได้ขนาดนี้นะ!

 

……

 

‘หลิงเสิน’ เกาะเผิงไหล หน้าทางเข้าดันเจี้ยนดินแดนพันปี

 

ไป๋หลังยังคงนั่งอยู่ตรงข้ามประตูดันเจี้ยนคอยเฝ้าดูผู้คนที่เข้ามาและออกไป ในเวลานี้หน้ากระดานช่องสนทนาของเขาเต็มไปด้วยข้อความต่างๆ แม้แต่ตู๋หลังหัวหน้ากิลด์ก็ยังส่งข้อความเสียงไปหาเขา

 

ตู๋หลัง : [นายยังอยู่ที่ดันเจี้ยนประตูแห่งดินแดนพันปีอยู่ไหม]

 

เสียงของตู๋หลังนั้นแหบแห้งเช่นเดียวกับคนของเขา เสียงที่แหบแห้งและทุ้มต่ำแบบนี้ทำให้คนรู้สึกถึงอันตรายชนิดหนึ่ง

 

ไป๋หลังถอนใจเบาๆ แล้วตอบกลับไปว่า : [ฉันจะรอให้ซูเฉิงหว่านเย่ว์ออกมา แล้วสู้กับเธออีกครั้ง] 

 

หลังจากที่พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรมและถูกคนทั้งเซิร์ฟหัวเราะเยาะ ไป๋หลังรู้สึกว่าถ้าเขาไม่กำชัยชนะกลับมาในครั้งนี้ ตนจะไม่มีหน้าไปพบใครได้อีก

 

ทางด้านตู๋หลังเงียบไปชั่วขณะ สุดท้ายก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาอีกครั้งว่า : [ช่างมันเถอะ ไป๋หลัง พวกเราจะมัวแต่มาจัดการกับผู้หญิงแค่คนเดียวแบบนี้มันไร้ศักดิ์ศรี]

 

สองสามวันมานี้ตู๋หลังอดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนตัวเองว่า ในตอนนั้นที่เขาได้ตั้งรางวัลนำจับและออกคำสั่งไล่ล่า มันเป็นเพราะความแค้นที่มีต่อซูเฉิงหว่านเย่ว์หรือเป็นเพราะความแคลงใจของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้

 

เมื่อได้เห็นซูหว่านและตี้ซื่อเทียนจากคนรักกลายเป็นศัตรูกัน คนที่มีความสุขที่สุดควรจะเป็นตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอถูกฆ่าจนกลับไปที่หมู่บ้านมือใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เวลานั้นในหัวใจของตู๋หลังถึงกับเกิดความรู้สึกมีความสุขอันบิดเบี้ยวขึ้นมา แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ซูเฉิงหว่านเย่ว์หายตัวไป ตู๋หลังก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก…

 

แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะถูกฆ่าหลายครั้ง ถูกฆ่าจนถึงขั้นต้องลบบัญชีและไม่ได้เล่นต่อ แต่เธอก็ไม่เคยขอร้องให้ใครช่วยเลย

 

ความรู้สึกดังกล่าว ทำให้ตู๋หลังหวนคิดถึงตอนที่เขาเพิ่งพบกับซูเฉิงหว่านเย่ว์เมื่อไม่กี่ปีก่อนโดยไม่รู้ตัว

 

ตอนนั้น ฉันหลงเสน่ห์เธอเข้าแล้วใช่ไหม

 

ดั่งคำกล่าวที่ว่าที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

 

ตอนนี้ตัวเขาละทิ้งความหลงใหลในอดีตไปแล้ว แต่ทำไมถึงยังคงบีบบังคับให้ซูเชิงหว่านเย่ว์ลำบากอยู่อีกล่ะ

 

ต่อจากนี้ทุกคนก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แค่นั้นก็พอ

 

เมื่อได้ยินคำพูดของตู๋หลัง ไป๋หลังพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ

 

ไป๋หลัง : [พี่ใหญ่ หรือว่าพี่ยัง…]

 

ตู๋หลัง : [ฉันปล่อยวางไปแล้ว ปราศจากการคุ้มครองจากตี้ซื่อเทียน ซูเฉิงหว่านเย่ว์ก็ต้องดิ้นรนในเซิร์ฟสี่เพียงลำพัง หรือฉัน ตู๋หลัง หัวหน้ากิลด์ผู้ยิ่งใหญ่ จะรับมือผู้หญิงแค่คนเดียวไม่ได้กัน]

 

ไม่พูดไม่ได้ว่า ในบางด้าน ตู๋หลังเป็นคนที่ยึดติดง่ายแต่ปล่อยวางเป็น ต่างกับตี้ซื่อเทียนอย่างลิบลับ…

 

ในตอนที่วิดีโอของเธอเป็นกระแสดังข้างนอก ซูหว่านก็กำลังตั้งใจตะลุยดันเจี้ยนไปเพียงลำพัง

 

ลึกลงไปใต้มหาสมุทรอันงดงาม มีมอนสเตอร์แมงกะพรุนที่ส่องแสงสีฟ้าลอยอยู่รอบๆ นี่คือดินแดนพันปีที่ถูกปิดผนึกไว้

 

เรื่องราวเบื้องหลังของดันเจี้ยนดินแดนพันปีนี่เป็นเพียงตำนานรักสั้นๆ เรื่องหนึ่ง ตามตำนานเล่าว่านี่คือปราสาทใต้ทะเลที่ถูกปิดตายมาเป็นหลายพันปี ในปราสาทมีราชินีเงือกผู้สูงส่งและงดงามพระองค์หนึ่ง

 

เมื่อหลายพันปีก่อน ราชินีเงือกใช้เวทมนตร์ต้องห้ามในการกลายร่างเป็นมนุษย์เพื่อเสด็จชมความงามดอกซากุระของเมืองชูอวิ๋น ภายใต้แสงจันทร์ที่เมื่องชูอวิ๋นเฉิง พระองค์ได้พบกับเจ้าชายผู้หล่อเหลาของเมืองชูอวิ๋นโดยบังเอิญ ทั้งสองตกหลุมรักกันในไม่ช้า แต่เวทมนตร์ต้องห้ามไม่สามารถรักษาร่างมนุษย์เอาไว้ได้เป็นเวลานาน และราชีนีเงือกจะต้องกลับไปที่ปราสาทของตัวเองที่ใต้ทะเลก่อนที่เวทมนตร์จะหมดลง

 

เมื่อรู้ว่าหญิงสาวอันเป็นที่รักกำลังจะจากไปในไม่ช้า เจ้าชายแห่งเมืองชูอวิ๋นก็เสียพระทัยเป็นอย่างมาก พระองค์ได้ใช้สารพัดวิธีเพื่อรั้งคนรักของพระองค์เอาไว้ บางทีดอกซากุระในเมืองชูอวิ๋นในปีนั้นอาจงดงามมากเกินไป หรือในวันนั้นพระจันทร์ที่เมืองชูอวิ๋นงดงามเป็นพิเศษ ราชีนีเงือกจึงไม่สามารถต้านทานความรักของคนรักได้ พระองค์ยังไม่มีใจที่จะจากไปในวันสุดท้ายที่เวทมนตร์กำลังจะหมดฤทธิ์ลง จนถึงในตอนเช้าของวันต่อมา พระองค์ได้กลับคืนร่างกลายเป็นเงือก!

 

ราชินีเงือกทรงคืนร่างกลายเป็นนางเงือก พระองค์ไม่ได้รับความรักและเสน่หาจากคนรักของพระองค์อย่างที่จินตนาการไว้ แต่กลับถูกกักขังไว้เพื่อถวายเป็นเครื่องบรรณาการให้อิ๋งโจว

 

ราชินีเงือกผู้โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดได้ใช้เวทมนตร์น้ำแข็งแช่แแข็งเมืองชูอวิ๋นทั้งเมือง และได้นำตัวคนรักที่ทรยศของพระองค์ไปคุมขังไว้ที่ปราสาทใต้ทะเล

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้อิ๋งโจวเจ้าเมืองหลงเฉิงโกรธเคืองเป็นอย่างมาก เขาจึงส่งสองกองพลม้าเหล็กชั้นยอดไปช่วยเหลือเมืองชูอวิ๋น และบุกตะลุยเข้าไปจนถึงส่วนลึกของทะเล กองทัพจอมเวทได้ทำลายม่านพลังใต้ทะเล และในที่สุดกองพลม้าเหล็กแห่งเมืองหลงเฉิงก็ได้ทำลายปราสาทของราชีนีเงือกจนราบคาบ เมื่อเหล่าทหารได้เจอองค์ชายก็พบว่าพระองค์อาการไม่สู้ดีนัก ด้วยความโกรธแค้นเจ้าเมืองชูอวิ๋นจึงใช้เวทมนตร์ลึกลับปิดผนึกราชีนีเงือกไว้ในปราสาท นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ราชีนีเงือกก็ได้แต่อยู่ในปราสาทร้างหลังนี้รอคอยเพื่อที่จะได้แก้แค้นเรื่อยมา…

 

ในโลกของ ‘หลิงเสิน’ ผู้เล่นทุกคนที่เข้ามาในดันเจี้ยนนี้จะถือว่าเป็นผู้กล้าที่บุกตะลุยเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม พวกเขาจะต้องเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดให้ได้ และหลังจากที่ได้เก็บกวาดพวกมอนสเตอร์จนหมดแล้ว ราชีนีเงือกผู้เปี่ยมด้วยความเคียดแค้น บอสระดับสูงสุดของดันเจี้ยนแห่งนี้ก็จะปรากฏตัวออกมา!

 

ราชีนีเงือกเป็นบอสสายเวทที่มีพลังเทียบเท่ากับจอมเวทสายน้ำแข็งของเผ่ามนุษย์ ในสภาวะที่ยังไม่บ้าคลั่ง ถึงแม้การโจมตีของเธอจะรุนแรงมาก แต่เนื่องจากคาถาทั้งหมดต้องใช้เวลาในการร่าย ในตอนที่ผู้เล่นกำลังทำการโจมตีใส่เธอ ขอเพียงแค่ควบคุมสติของตัวเองได้และโจมตีอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถจัดการกับบอสตัวนี้ได้

 

ในดันเจี้ยนแห่งนี้ ซูหว่านใช้เพียงแค่ไหวพริบอันยอดเยี่ยมของเธอ ยาเพิ่มเลือด ยาเพิ่มพลังเวท อาวุธของนักบวช พร้อมกับทักษะเฉพาะตัวเท่านั้น!

 

ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็เก็บกวาดพวกมอนสเตอร์ตัวเล็กตัวน้อยได้หมดแล้ว เวลานี้ซูหว่านยืนอยู่บนซากปราสาทเก่าแก่ แสงสีแดงสายพนึ่งพลันสว่างวาบออกมา ราชีนีเงือกผู้งดงามและน่าหลงใหลปรากฏตัวขึ้น!

 

ซูหว่านรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความโกรธแค้นในตัวของราชินีเงือก พลันนึกในใจว่าทีมงานของ ‘หลิงเสิน’ สร้างสรรค์มันออกมาอย่างตั้งใจจริง ซูหว่านร่ายเวทลดกำลังใส่ราชีนีเงือกอย่างไม่ลังเล…

 

ยี่สิบห้านาทีต่อมา ราชีนีเงือกผู้สวมใส่แพรพรรณอันงดงามก็ล้มลงกับพื้น กลายเป็นอุปกรณ์สวมใส่และวัตถุดิบสำหรับหลอมกองเต็มพื้น หนึ่งในนั้นยังรวมไปถึงของสะสมหายากในดินแดนพันปีเม็ดหนึ่ง นั่นก็คือ…น้ำตาราชีนีเงือก

 

 

——

 

[1] IP Address (internet Protocal Address) คือ หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลแบบ TCP/IP สามารถบอกได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ที่ไหน