ตอนที่ 125 ดึงผ้าคลุมลง! + ตอนที่ 126 โกรธเกรี้ยวและทุกข์ใจ!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 125 ดึงผ้าคลุมลง! + ตอนที่ 126 โกรธเกรี้ยวและทุกข์ใจ! Ink Stone_Romance

ตอนที่ 125 ดึงผ้าคลุมลง!

เนิ่นนานกว่านางจะเช็ดน้ำตาที่หางตาไป ในดวงตาค่อยๆ กลับคืนมีชีวิตชีวา แต่สายตากลับมีแววเกลียดชังและดุร้ายฉายตามมา

“มู่หรงอี้เซวียน เพื่อเจ้า ข้าถึงทำอะไรมากมายขนาดนี้ เพียงบอกจะทำร้าย ก็ทำร้ายข้าได้อย่างงั้นรึ? ข้าจะไม่ให้เจ้าสมใจ พรหมลิขิตของเจ้าต้องเป็นข้าเท่านั้น!”

แตกต่างกับตระกูลเฟิ่งด้านนี้ อีกด้านหนึ่ง ภายในเรือนเฟิ่งจิ่ว ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งที่ถูกพาตัวกลับมามองเรือนแห่งนี้อย่างแปลกใหม่ราวกับเด็กน้อยเดินเล่นในเรือนใหญ่ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ เรือนนี่เป็นของใครกัน? ยังมีหลานอีก ไยจึงคลุมผ้าปิดหน้าไว้ตลอดเล่า?”

แม้เขาจะขี้ลืมไปบ้าง แต่กลับไม่ได้โง่เขลา ถนนเส้นนี้ที่เดินมาดูรางๆ แล้วแตกต่างจากปกติอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะหลานสาวตัวเอง พอถึงด้านในเรือนก็ยังผูกผ้าคลุมหน้าไว้ตลอด ช่างไม่ชอบมาพากลเอาซะเลย

ดังนั้น แววตาจึงฉายแววเป็นประกาย ใบหน้าผุดรอยยิ้มออก พลันเอี้ยวตัวยกมือขึ้นดึงผ้าคลุมหน้านางลง

“เรือนแห่งนี้…”

เฟิ่งจิ่วตกตะลึง ยังพูดไม่ทันจบ ผ้าคลุมบนหน้าก็ถูกดึงลงมา เผยให้ใบหน้าที่ถูกทำลายเสียจนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น

“ซี๊ด! นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งสูดลมหายใจ เอ่ยถามด้วยความโกรธเกรี้ยว

เดิมเขาแค่คิดจะหยอกหลานสาวเล่น จึงดึงผ้าคลุมหน้า อยากเห็นว่านางผูกผ้าคลุมไว้ตลอดเพื่ออะไร? แต่นึกไม่ถึงว่าภายใต้ผ้าคลุมกลับเป็นใบหน้าที่เสียโฉมเช่นนี้

“ใครกัน? บอกปู่มา ใครทำร้ายใบหน้าหลานจนเป็นเช่นนี้?”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งรอบตาแดงก่ำน้อยๆ เพราะความเจ็บใจ แม้แต่เสียงพูดยังสะอื้นขึ้นมา เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลมีดกรีดแต่ละรอย ไม่อาจจินตนาการได้เลยจริงๆ ความเจ็บปวดเช่นนั้น นางทนรับไหวได้อย่างไรกัน?

เป็นใครกัน? ที่โหดร้ายเลือดเย็นขนาดทำให้ใบหน้าสาวน้อยคนหนึ่งเสียโฉมเช่นนี้?

หัวใจเฟิ่งจิ่วสั่นไหวน้อยๆ เห็นท่านผู้เฒ่ารอบตาแดงๆ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น ก็หลับตาลง ถามว่า “เช่นนี้ ยังคิดว่าข้าเป็นหลานสาวท่านอยู่หรือไม่เจ้าคะ? แบบนี้แล้ว ท่านยังมองออกหรือไม่เจ้าคะ ว่าข้าเป็นหลานสาวท่าน?”

ฟังคำพูดนี้ ในที่สุดท่านผู้เฒ่าเฟิ่งก็หลั่งน้ำตาออกอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ออกหน้ากอดเฟิ่งจิ่วไว้ ใช้มือหนึ่งลูบศีรษะเบาๆ พลางปลอบโยนอย่างสะอื้นไห้ “แม่หนูเฟิ่ง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ! ปู่มองออกสิ ไม่ว่าหลานจะเปลี่ยนไปเช่นไร ปู่ก็มองออกหมดแหละ”

“ท่านปู่”

สุดท้ายเฟิ่งจิ่วก็ร้องเรียกออกมาอย่างทนไม่ไหว หนึ่งคำเรียกท่านปู่นี้ เปล่งมาจากหัวใจ มันมีทั้งความรู้สึกของเฟิ่งชิงเกอ และความรู้สึกของเฟิ่งจิ่วแฝงอยู่ภายใน

อาจเพราะ ยามที่เขามองเธอออกในแวบเดียว หัวใจก็ตอบรับ ว่าเขาเป็นคุณปู่ของเฟิ่งจิ่ว

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งถอยออกก้าวหนึ่ง สองมือจับไหล่นางไว้ กล่าวว่า “แม่หนูเฟิ่ง หลานบอกปูสิ ช่วงที่ปู่เก็บตัวอยู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่? ใครกันที่ทำหน้าหลานเสียโฉม?”

เฟิ่งจิ่วเงียบลงเนิ่นนาน เอ่ยว่า “ในบ้านตระกูลเฟิ่งมีเฟิ่งชิงเกออีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ?”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งชะงัก “เจ้าจะบอกว่า ในบ้านมีตัวปลอมอยู่รึ? นี่ นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง? พ่อหลาน ลูกชายปู่ไม่ใช่คนโง่เขลา จะมองลูกสาวตัวเองไม่ออกได้อย่างไรเล่า?”

เห็นนางมองมาทางเขา ผู้เฒ่าเฟิ่งจึงร้อนรนโบกบ่ายมือ บอกว่า “ไม่ใช่ว่าปู่ไม่เชื่อหลาน แต่รู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย เจ้าตัวปลอมนี่ คนอื่นมองไม่ออกไม่เท่าไหร่ แม้แต่คนในบ้านก็ยังดูไม่ออกเลยเลยรึ?”

…………………………

ตอนที่ 126 โกรธเกรี้ยวและทุกข์ใจ!

เธอไม่พูดอะไรมาก แค่บอกว่า “ท่านปู่ ท่านลองกลับไปดูที่บ้านได้ แต่ว่า เรื่องที่หลานอยู่นี่ หวังว่าท่านจะไม่เอ่ยถึงนะเจ้าคะ”

ผู้เฒ่าเฟิ่งได้ยินคำพูดนี้ก็ชะงัก “หลานไม่คิดจะกลับไปกับปู่รึ? หลานกังวลว่าพ่อจะไม่เชื่อ? หรือไม่เชื่อใจปู่?”

เธอส่ายหน้า “หากหลังจากท่านเห็นเฟิ่งชิงเกอคนนั้นในบ้านตระกูลเฟิ่ง และยังคงคิดว่าข้าเป็นหลานสาวท่าน ข้าก็จะกลับไปกับท่านเจ้าค่ะ”

เห็นเช่นนี้ ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งก็ลูบเครา นิ่งเงียบอยู่นาน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปู่จะลองกลับไปดูก่อน ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ หลานวางใจเถอะ ปู่จะมาแน่”

ใบหน้าเขาเวลานี้เคร่งขรึมเป็นที่สุด บนร่างมีท่าทางเช่นผู้นำตระกูล แอบคิดในใจว่า ‘ถ้าในบ้านมีเฟิ่งชิงเกอตัวปลอมอยู่จริง งั้นใครคนนั้นต้องเป็นผู้ที่ทำลายใบหน้าหลานสาวเขาแน่ๆ!’

หากเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่ปล่อยคนผู้นั้นไปแน่นอน!

ในดวงตาเฉียบแหลมฉายแววดุเดือด เมื่อมองไปทางเฟิ่งจิ่ว ก็ผุดเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่หนูเฟิ่ง หลานอย่าได้หวั่นใจ รออยู่ที่นี่นะ ปู่จะลองกลับไปดูที่บ้านก่อน ไม่ต้องกังวล ปู่จะรีบมารับหลานโดยเร็ว”

ได้ยินเช่นนี้ เธอก็อบอุ่นใจ จึงเผยรอยยิ้มอิ่มเอมพร้อมทั้งพยักหน้า “อื้ม” แม้เดิมทีเธอไม่คิดจะรีบกลับไปเพียงนั้น แต่ในเมื่อเขารู้เรื่องหมดแล้ว งั้นก็ลองดูก่อนเถอะ!

หลังท่านผู้เฒ่าเฟิ่งเอ่ยกำชับ ก็ออกจากเรือนไปยังบ้านตระกูลเฟิ่ง ระหว่างทางกลับจวน พบเฟิ่งเซียวที่กำลังพาคนออกตามหา เมื่อเห็นเขา ก็ร้อนรนก้าวเข้ามาด้วยท่าทางเป็นกังวล

“ท่านพ่อ! ท่านไปไหนมาขอรับ? จะออกมาทำไมไม่คนพาไปด้วย? ข้าออกหาตามร้านเหล้าละแวกนี้รอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่พบท่านเลย”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งเอามือไพล่หลังกวาดมองเขาแวบหนึ่ง ส่งเสียงหึหนักๆ สีหน้าหมองคล้ำ กำลังเก็บกดความโกรธเคืองอยู่อย่างเห็นได้ชัด กล่าวว่า “เจ้าต้องตั้งสติได้แล้ว! กลับไปข้าค่อยจัดการเจ้า!”

 เฟิ่งเซียวสีหน้างุนงง ไม่รู้ท่านพ่อโมโหจากไหนมา กำลังจะเอ่ยถาม กลับเห็นเขาก้าวยาวเดินเข้าจวนไป จึงเร่งออกคำสั่งว่า “ไปซะ เรียกทุกคนกลับไป บอกว่าหาท่านผู้เฒ่าเจอแล้ว”

“ขอรับ” องครักษ์ด้านหลังขานรับ ก่อนจะหันตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งเซียวก้าวยาวตามเข้าไป พลางเอ่ยถาม “ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไป? ใครยุให้ท่านโกรธรึขอรับ?”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งไม่ตอบเขา เพียงก้าวยาวเดินไปด้วยสีหน้ามืดมน สายตาเคร่งขรึมและกลิ่นอายทั่วร่างช่างกดดันเสียจนน่าสะพรึงเล็กน้อย ทำให้เฟิ่งเซียวที่ตามอยู่ข้างกายอกสั่นขวัญแขวนอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

พอเข้าจวนมา ผู้เฒ่าเฟิ่งก็นั่งลงบนตำแหน่งที่อาวุโส มือหนึ่งตบหน้าโต๊ะรุนแรง น้ำเสียงแหบแห้งกลับโกรธเกรี้ยวเต็มประดา ตะคอกออกมาด้วยความขุ่นเคือง “ไปตามคนมาให้ข้า!”

เฟิ่งเซียวที่ตามหลังเข้ามารีบร้อนออกหน้า กล่าวถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านพ่อ ให้เรียกใครมารึขอรับ?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นหลานสาวคนโปรดของข้า!” เขากัดฟันพูดไม่กี่ประโยคนั้นอย่างหนักหน่วง แววตาแหลมคมราวใบมีด ราวกับกำลังพยายามข่มไฟโกรธไว้

“ชิงเกอรึขอรับ?”

เฟิ่งเซียวประหลาดใจ เห็นท่านผู้เฒ่าสีหน้าเดือดดาล จึงเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “ท่านพ่อ ท่านถามหาชิงเกอทำไมรึ? หรือนางทำให้ท่านโกรธ? คงไม่ใช่แน่! ท่านเก็บตัวออกมาก็วิ่งไปข้างนอก นางไม่พบท่านหลายเดือน ไม่น่าจะทำให้ท่านโกรธได้หรอก!”

“ปัง!”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งใช้มือหนึ่งตบลงบนหน้าโต๊ะรุนแรงเสียงดังลั่นสนั่น ทั้งร่างยืนขึ้นมาด้วยความโมโหโกรธา แล้วมองเขาอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าบอกว่าไปตามคนมาให้ข้า!”

……………………………