บทที่ 80 ไม่คู่ควร

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 80

ไม่คู่ควร

งานเลี้ยงที่จวนท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อนั้นก็ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้ว ซึ่งในขณะที่ในงานกำลังจะมาถึงจุดสุดท้ายนั้นเอง ก็มีเด็กรับใช้ที่รีบวิ่งแจ้นเข้ามารายงานและตะโกน “องค์ชายเย่กับบุตรีคนที่สองจวนมหาเสนาบดีมาที่นี่ขอรับ”

ทันทีที่เด็กรับใช้พูดจบ ทั้งงานเลี้ยงก็ได้เงียบลงทันทีแล้วผู้คนต่างก็พากันจ้องมองไปที่ประตูของตำหนัก

จากนั้นพวกเขาก็พบกับคู่หนุ่มสาวที่งดงาม หลินซีเหยียนได้เข็นรถพาเจียงหวายเย่เข้ามา เมื่อนางรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาที่นางแล้ว นางก็ได้เผยรอยยิ้มที่งดงามตอบกลับไป

“เหยียนเอ๋อมาอย่างนั้นเหรอ?” เมื่อหญิงชราได้ยินมาว่าหลานสาวเพียงคนเดียวของนางมาหา นางก็ได้รีบลุกขึ้นยืนและมองหา

แต่แววตาของแม่ทัพเฒ่านั้นมีความเป็นกังวลขึ้นมา ตัวตนขององค์ชายเย่นั้นบอบบางมาก ซึ่งยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่เขาจะปรากฏตัวในเวลานี้ ถึงแม้ว่าการที่เขาได้สติขึ้นมานั้นเป็นเรื่องดี แต่เขาก็กลัวว่าข่าวนี้จะแพร่กระจายออกไปไว

ในขณะที่แม่ทัพเฒ่ากำลังเป็นกังวลอยู่นั้น หลินซีเหยียนก็ได้เข็นรถพาเจียงหวายเย่มาหาพวกเขา

แม่ทัพเฒ่าที่กำลังจะทำความเคารพองค์ชายเย่นั้นก็ได้ถูกห้ามโดยองค์ชายเสียก่อน “ท่านแม่ทัพเป็นท่านตาของ ซีเหยียน ดังนั้นท่านก็จะเป็นท่านตาของเปิ่นหวางในอนาคตด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองมากนักก็ได้”

เสียงของเจียงหวายเย่ที่แผ่วเบามาก ราวกับว่าถ้าคนฟังไม่กลั้นหายใจและตั้งใจฟัง ก็เกรงว่าอาจจะฟังได้ไม่ชัด

ท่านแม่ทัพเฒ่าจึงได้ไม่สุภาพต่อองค์ชายเย่อีก เขาก็ได้เชิญทั้งสองคนนั่งลงอย่างยินดีแล้วจากนั้นก็ถาม “องค์ชายเย่อาการดีขึ้นแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“ขอบคุณท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อที่เป็นห่วง ร่างกายของเปิ่นหวางนั้นสามารถฟื้นขึ้นมาได้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น” เจียงหวายเย่นั้นสวมหน้ากากหยกขาวซึ่งทำให้ผู้คนมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ แต่หากดูจากริมฝีปากที่ซีดเซียวของเขาแล้วก็พอจะยืนยันถึงสิ่งที่เจียงหวายเย่กล่าวแล้ว

“ขอองค์ชายอย่าได้สิ้นหวัง ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องโชคดีสักวันแน่นอน” สีหน้าของท่านแม่ทัพเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เจียงหวายเย่นั้นเดิมที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเขาก็ได้ไอออกมาอย่างแรง

หลินซีเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ได้มีแววตาชิงชังปรากฏขึ้นมา ไม่มีใครรู้ดีเรื่องของร่างกายเจียงหวายเย่ดีมากไปกว่านางอีกแล้ว อาการที่ทำเป็นอายุขัยสั้นนั้นเขาจะต้องแกล้งทำอย่างแน่นอน

“ซีเหยียน องค์ชายอ่อนแอมากคงจะไม่ดีที่จะให้ท่านอยู่ที่นี่นานๆ เจ้ารีบพาท่านไปที่ห้องรับแขกเพื่อไปพักผ่อนก่อน” เมื่อเห็นอาการของเจียงหวายเย่แล้ว ท่านแม่ทัพเฒ่าก็ได้รีบกล่าวอย่างเป็นกังวล

ถึงแม้ว่าหลินซีเหยียนนั้นจะรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนัก แต่นางก็ยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้วกำลังจะเข็นพา เจียงหวายเย่ไป แต่เจียงหวายเย่ได้ให้หยุดก่อน

แล้วเขาก็ได้มองไปที่แม่ทัพเฒ่าแล้วไออย่างหนัก “เปิ่นหวางจะไปได้อย่างไรถ้าเปิ่นหวางยังไม่ได้มอบของขวัญให้ก่อน?”

หลังจากที่กล่าวจบ เจียงหวายเย่ก็ได้ปรบมือแล้วก็มีคนที่เข้ามาด้านในพร้อมกับกล่องไม้ ซึ่งข้างในกล่องนั้นมีรูปปั้นหยกพระพุทธรูปอยู่ “ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินเฒ่านั้น นิยมสวดมนต์อยู่เป็นเนืองนิตย์ ข้าจึงได้นำของที่ท่านน่าจะชอบมาให้”

เมื่อเห็นพระพุทธรูปหยกขาวแล้ว หญิงชราก็ได้รีบพนมมือและสวดมนต์ขอพรทันที แล้วจากนั้นก็มองไปที่เจียงหวายเย่ อย่างขอบคุณ “ของขวัญขององค์ชายเย่นั้นช่างมากเกินไปจริงๆ”

เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มและกล่าว “นี่คือของขวัญจากเปิ่นหวางและเหยียนเอ๋อ ข้าขอให้พวกท่านอย่าได้ปฏิเสธ”

หลังจากที่กล่าวจบหลินซีเหยียนก็ได้เข็นพาเจียงหวายเย่ไปที่ตำหนักรับรองด้านหลัง แล้วเมื่อพบว่าไม่มีใครแล้ว หลินซีเหยียนก็รู้สึกขี้เกียจที่จะเข็นรถให้เจียงหวายเย่ต่อ แล้วนางก็ได้ไปนั่งที่ม้านั่งที่อยู่ที่ชานระเบียงโดยไม่สนใจที่จะดูแลเขาต่อ

“อย่าโกรธน่า เสี่ยวเหยียนเอ๋อ” เจียงหวายเย่ก็ได้ลุกขึ้นยืนจากรถเข็นแล้วเดินไปหาหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ได้บิดปากของนางแล้วขยับหนี จากนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมายังอีกด้านหนึ่งของนาง หลินซีเหยียนจึงได้เอาเข็มเงินปักเข้าไปที่เจียงหวายเย่อย่างไม่พอใจ

เจียงหวายเย่ก็ได้ร้องออกมา สีหน้าของเขาก็ได้ซีดลงทันทีแล้วที่มุมปากของเขาก็ได้ขยับเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับ หลินซีเหยียนด้วยเสียงที่แผ่วเบาและหดหู่ “เสี่ยวเหยียนเอ๋อคิดจะสังหารว่าที่สามีอย่างนั้นเหรอ?”

แม้วรยุทธ์ของหลินซีเหยียนนั้นจะเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แต่ก็มีเพียงแค่เตะกับต่อยเท่านั้น หากเจอกับคนที่มีกำลังภายในแล้วก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นแล้วอย่างเจียงหวายเย่นั้นเขาสามารถที่จะหลบหลินซีเหยียนได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ถูกแตะแม้แต่ปลายเส้นผม แต่เขากลับเลือกที่จะไม่หลบ

เจียงหวายเย่นั้นชอบที่จะทำเป็นเล่นกับนางเช่นนี้

หลินซีเหยียนนั้นก็คิดเอาไว้แล้วและมองไปที่ เจียงหวายเย่ซึ่งในเวลานี้ใบหน้ากำลังซีดเผือด แม้ว่าสีหน้าของเขาจะปกติดีและไม่มีอาการใดๆก็ตาม

เจียงหวายเย่ที่รู้สึกได้ถึงสายตาของหลินซีเหยียน ก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปากแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อพอใจแล้วหรือยัง? ถ้ายังจะปักเข็มใส่องค์ชายอีกเข็มก็ได้นะ”

หลินซีเหยียนมองไปที่ใบหน้าที่ทำเป็นขี้เล่นของ เจียงหวายเย่แล้ว นางก็ได้ปักเข็มลงไปที่หลังคอเจียงหวายเย่อีกสองเข็ม

ในเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นไม่แม้แต่จะร้องออกมา และสีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย และในขณะที่หลินซีเหยียนรู้สึกท้อใจและคิดที่จะดึงเข็มเงินออกมานั้น เฉิงซินหรุ่ยก็ได้เข้ามาในตำหนักรับรอง

เฉิงซินหรุ่ยนั้นชื่นชอบเจียงหวายเย่มาโดยตลอด แม้พ่อของนางท่านแม่ทัพเฉินนั้นจะไม่เห็นด้วยก็ตามที แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“องค์ชายเพคะ” หลังจากที่พบเจียงหวายเย่ เฉิงซินหรุ่ยก็ได้วิ่งไปหาเขาอย่างยินดี

เจียงหวายเย่นั้นหาได้หันกลับไปมองไม่ราวกับไม่มีใครอยู่ แล้วจ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาที่เร่าร้อน ราวกับว่าไม่มีใครอื่นในสายตาของเขานอกจากหลินซีเหยียน

ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปเมื่อเห็นภาพเช่นนี้แล้วก็คงจะยอมแพ้กันไปแล้ว แต่เฉิงซินหรุ่ยนั้นหาได้ยอมง่ายๆไม่ นางนั้นเป็นคนที่ชอบการแข่งขันอยู่แล้ว ในสายตาของนางนั้นหลินซีเหยียนนั้นเทียบไม่ได้กับนางแม้เพียงปลายนิ้วก้อย และไม่คู่ควรที่จะเคียงคู่กับเทพสงครามไร้พ่าย

“ก็เห็นอยู่ว่าองค์ชายเย่นั้นกำลังป่วยหนัก ทำไมเจ้าไม่กลับไปที่ห้องของเจ้าเสียแทนที่จะมานั่งเฉยๆอยู่ที่นี่?” เฉิงซินหรุ่ยกล่าวแล้วมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างตำหนิ

นางนั้นเดินเข้าไปใกล้เจียงหวายเย่ แต่พอนางอยู่ห่างกับเจียงหวายเย่อีกแค่สามก้าวนางก็รู้สึกได้ถึงความหนาวสั่นของสายตาของเจียงหวายเย่

เฉิงซินหรุ่ยก็ได้กัดริมฝีปากของนางอย่างไม่ยอมแพ้แล้วกล่าว “องค์ชายเย่ไม่อยากให้ซินหรุ่ยเข้าใกล้อย่างนั้นเหรอ เพคะ?”

ปกตินั้นเจียงหวายเย่ไม่ค่อยพูดอะไร และส่งสายตาที่เย็นชาไปทั่ว จนแทบจะเป็นสีหน้าที่ปกติของเขา จึงทำให้ เฉิงซินหรุ่ยนั้นเข้าใจไปว่าองค์ชายเย่นั้นไม่ได้รังเกียจนาง เพียงแต่คนอื่นๆไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้

ดังนั้นหากเฉิงซินหรุ่ยต้องการที่จะอยู่กับองค์ชายในอนาคตแล้วนางจะต้องคุ้นเคยกับมันให้ได้

หลินซีเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวของนางขณะที่มองดูอยู่ ถึงแม้ว่านางนั้นไม่ได้คิดอะไรกับเจียงหวายเย่ แต่นางก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเวลาที่มีคนโผล่มายั่วยวนเขา

นางจึงได้มายืนขวางเฉิงซินหรุ่ยแล้วกล่าว “องค์ชายนั้นมีข้าอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้ว ขอแม่นางเฉิงอย่าได้เป็นกังวล”

เจียงหวายเย่ที่ได้ยินเข้าดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา

“แค่เจ้างั้นเหรอ? ช่างน่าขันเสียจริง” เฉิงซินหรุ่ยนั้นชักสีหน้าดูถูกต่อหน้าเจียงหวายเย่ และพูดอย่างเหยียดหยามใส่หลินซีเหยียน “อย่างเจ้าน่ะก็มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น นอกจากนี้เจ้าเองก็ไม่มีอะไรที่น่าภูมิใจสักอย่าง”

หลินซีเหยียนก็ได้บิดริมฝีปากของนางแล้วแอบโต้เถียงเฉิงซินหรุ่ยในใจของนาง

เฉิงซินหรุ่ยที่เห็นว่าหลินซีเหยียนนั้นนิ่งคิดไปนานนางจึงได้กล่าวต่อ “เจ้าน่ะไปท้องกับผู้ชายโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วยังหนีตามไปกับผู้ชายอีก เจ้าน่ะทั้งฉาวโฉ่แล้วยังเป็นที่รังเกียจอีก อย่างเจ้าน่ะจะไปคู่ควรกับองค์ชายเย่ได้อย่างไร?”