บทที่ 81 หยุดว่าร้าย

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 81

หยุดว่าร้าย

ประโยคนี้ช่างออกมาได้ในจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะมาก ราวกับว่าถ้าไม่รู้ว่ามาก่อนว่านี่ไม่ใช่การแสดงละคร หลินซีเหยียนคงคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังฝึกซ้อมบทกับนางเป็นแน่

แต่ทว่าคำพูดเช่นนี้นั้นหลินซีเหยียนนั้นได้ยินมาตลอดตั้งแต่นางกลับมา ดังนั้นนางจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจหรืออับอายอะไรกับคำคำนี้

ถึงนางจะทนได้แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทนได้เช่นเดียวกัน เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่เฉิงซินหรุ่ยด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างสุดๆ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและห่างเหิน “แม่นางเฉิงระวังคำพูดของตัวเองด้วย เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นคู่ควรกับเปิ่นหวางแล้ว”

“องค์ชาย ข้ารู้ว่าท่านรักแม่นางหลินมาก แต่นางนั้นจะทำให้ท่านต้องแปดเปื้อนไปตลอดชีวิตของท่านนะเพคะ” เฉิงซินหรุ่ยได้กล่าวเกลี้ยกล่อมจากใจของนาง

ในเวลานี้นางหารู้ไม่ว่ากำลังมีพายุก่อตัวขึ้นมาอยู่ในดวงตาสีหมึกของเจียงหวายเย่

เฉิงซินหรุ่ยก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติขององค์ชายเย่ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาและตาของนางก็ได้มองตรงไปที่ดวงตาของเจียงหวายเย่นั้น ก็พบความว้าวุ่นอย่างมากในดวงตาของเขาซึ่งได้ทำให้นางรู้สึกกลัวขึ้นมา และชั่วขณะนั้นเองเฉิงซินหรุ่ยจึงรู้สึกได้ว่าพายุนั้นกำลังจะมาและรุนแรงมากพอที่จะทำให้ต้นไผ่หักได้ จึงทำให้นางรู้สึกกลัวอย่างมาก

“ข้าจะพูดซ้ำอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้าย เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นคือคู่ชีวิตของเป็นหวางและจะไม่ถูกแปดเปื้อนโดยผู้อื่น” เจียงหวายเย่พูดด้วยท่าทีที่หนักแน่นมาก ซึ่งด้วยท่าทีเช่นนี้ทำให้หัวใจหลินซีเหยียนรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา

“องค์ชาย ทำไมท่านไม่เห็นถึงความรักของซินหรุ่ยที่มีต่อท่านบ้างเพคะ?” เฉิงซินหรุ่ยกล่าวอย่างโมโหเมื่อเห็นองค์ชายหลงใหลหลินซีเหยียนเช่นนั้น จึงได้โต้เถียงเสียงดัง “ตัวข้านั้นเทียบกับนางไม่ได้เหรอเพคะ?”

เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หญิงสาวที่มีดวงตาสีแดงแล้ว ก็ได้เผยรอยยิ้มประชดประชันออกมา ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะเต็มไปด้วยความเย็นชาแต่ก็ยังงดงาม

เขาจึงได้เลิกจ้องมองเฉิงซินหรุ่ยแล้วกล่าว “เจ้าทั้งสองคนนั้นเทียบกันไม่ได้เลย”

แล้วแววตาในดวงตาของเฉิงซินหรุ่ยก็ได้มีแสงออกมา และยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม “ซินหรุ่ยรู้ดีว่าองค์ชายนั้นยังคงมีสติอยู่ ไม่ว่าจะพิณ, หมากรุก, แต่งกลอนและศิลปะ หลินซีเหยียนนั้นเทียบกับซินหรุ่ยไม่ติดเลยเพคะ”

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เฉิงซินหรุ่ยด้วยสีหน้ายินดีและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวของนาง นางรู้นั้นรู้ว่าผู้คนที่ลุ่มหลงในความรักนั้นมักโง่ แต่นางก็ไม่คิดว่าเฉิงซินหรุ่ยนั้นจะเป็นคนโง่ได้ขนาดนี้ ที่เจียงหวายเย่บอกว่าเทียบไม่ติดนั้นหมายถึงตัวเฉิงซินหรุ่ยเองต่างหาก

เจียงหวายเย่นั้นก็คิดเช่นเดียวกับหลินซีเหยียน เขาคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้จะต้องมีปัญหาที่หัวแน่ๆ เขาจึงได้ไม่อยากที่จะพูดอะไรอีก

หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ถึงความหมดความอดทนของ เจียงหวายเย่ นางจึงได้ประคองเขานั่งบนรถเข็นแล้วจากนั้นทั้งสองคนก็ได้เตรียมที่จะออกไป แต่ก็ไม่คิดว่าเฉิงซินหรุ่ยนั้นจะเกาะติดพวกเขาเป็นผู้ติดตามเลย

“แม่นางเฉิงทำเช่นนี้หมายความเช่นไร?” หลินซีเหยียนก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเฉิงซินหรุ่ย แล้วบังนางไม่ให้มองไปที่ เจียงหวายเย่

“ข้ากำลังคุยกับองค์ชายอยู่ หากเจ้ารู้แล้วก็หลบออกไปด้วย” คำพูดของเฉิงซินหรุ่ยนั้นมันมากเกินไปเรื่อยๆ แม้แต่ หลินซีเหยียนเองก็เริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว

“แม่นางเฉิงคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลินซีเหยียนนั้นพยายามที่จะอดกลั้นความโกรธของนางแล้วกล่าว

เฉิงซินหรุ่ยนั้นเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของหลินซีเหยียน ซึ่งดวงตาที่มั่นใจของนางนั้นอธิบายเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

หลินซีเหยียนจึงได้สูดลมหายใจเข้าลึกและต่อว่า เฉิงซินหรุ่นอย่างต่อเนื่องในใจของนาง แล้วนางก็ได้มองไปที่ เฉิงซินหรุ่ยแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ากับเจ้ามาแข่งกันดีกว่า หากเจ้าชนะข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ แต่หากข้าชนะเจ้าก็อย่าได้โผล่มาให้ข้าเห็นอีก เพราะเจ้านั้นช่างน่ารำคาญจริงๆ”

“เจ้า….” เมื่อเผชิญกับคำยั่วยุของหลินซีเหยียน เดิมที เฉิงซินหรุ่ยนั้นคิดที่จะปฏิเสธ แต่นางก็นึกขึ้นได้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะแสดงให้เห็นถึงความต่างกันระหว่างนางกับหลินซีเหยียน และทำให้องค์ชายเย่ได้เห็นว่าถึงความไร้ค่าของหลินซีเหยียนจึงได้ตอบตกลง

เจียงหวายเย่ก็ได้จับจ้องไปที่หลินซีเหยียน จากที่เขารู้มาหลินซีเหยียนนั้นไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆมาก่อน เขาจึงได้คิดที่จะห้ามหลินซีเหยียนที่กำลังโกรธ แต่ในใจลึกๆของเขามีเสียงที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่องว่าให้เชื่อใจหลินซีเหยียนเขาจึงได้ยอมตกลง……

แล้วท่านแม่ทัพเฒ่ากับหญิงชรานั้นพอทราบเรื่องนี้เข้าก็ไม่เห็นด้วย แต่พวกเขาเองก็ไม่อาจทนต่อการถูกรังแกของ หลินซีเหยียนได้จึงได้ยอมตกลงด้วยเช่นกัน

“เจ้ากับข้าจะแข่งกันสามรอบ รอบแรกจะเป็นการประดิษฐ์ตัวอักษร มีคำกล่าวไว้ว่าตัวหนังสือนั้นออกมาจากจิตใจ และจะสามารถรับรู้จิตใจของคนคนนั้นได้โดยผ่านทางตัวหนังสือ” เฉิงซินหรุ่ยกล่าว และที่มุมปากของนางก็ได้เผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างช้าๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่าผู้หญิงต่างก็รู้สึกได้ว่าเฉิงซินหรุ่ยนั้นไร้ยางอายยิ่งนัก ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินซีเหยียนนั้นจะสามารถเอาชนะได้อย่างไร?

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปรอบๆและมองสีหน้าของผู้คนได้อย่างชัดเจน แล้วนางก็ได้เดินไปหาเจียงหวายเย่แล้วกระซิบกับเขาเบาๆ จากนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มด้วยริมฝีปากซีดๆของเขาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง

ในขณะที่ผู้คนกำลังสงสัยว่าพูดคุยอะไรกันอยู่นั้น พวกเขาก็พบชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของเจียงหวายเย่ คนผู้นี้แต่งตัวด้วยชุดสีดำและสีหน้าของเขาก็ดูไร้อารมณ์มากจนไม่อาจรู้สึกได้ถึงตัวตนของเขาเลย

“องค์ชายนั้นอาสาจะเป็นเจ้ามือและวางเดิมพันการแข่งครั้งนี้ ไม่ทราบว่าพวกท่านสนใจจะร่วมหรือไม่?” อันอี้กล่าวด้วยใบหน้านิ่งๆโดยไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย

เหล่าผู้ร่วมงานต่างก็พากันตกใจ ไม่ใช่ว่าการเดิมพันครั้งนี้เฉิงซินหรุ่ยนั้นชนะแหงๆอยู่แล้วเหรอ? หรือเป็นเพราะว่าองค์ชายนั้นจะหาเรื่องจ่ายเงินเล่นๆอย่างนั้นเหรอ?

“อย่าได้กังวลไป ต่อให้พวกท่านวางเดิมพันมากเท่าไรก็ตาม พระราชวังรัตติกาลนั้นมีเงินพอจ่ายอยู่แล้ว” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยเสียงเบาๆ แต่ก็เพียงพอที่ทุกคนจะได้ยิน

ช่างเป็นการเดิมพันที่เห็นเงินชัดเจนยิ่งนัก ผู้คนจึงได้เริ่มพากันวางเดิมพัน ซึ่งพอมีคนแรกเปิดคนอื่นๆก็พากันวางเดิมพันตาม สักพักหนึ่งก็มีคนวางเดิมพันข้างเฉิงซินหรุ่ยเป็นจำนวน 5,000 ตำลึงทอง

แต่ไม่มีใครที่กล้าลงข้างของหลินซีเหยียนชนะเลย….

หลังจากที่วางเดิมพันกันเรียบร้อยแล้ว ผลการเดิมพันก็ได้ถูกส่งให้กับเจียงหวายเย่ ซึ่งหลังจากที่เห็นแล้วเจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลงอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่าแม่ของซางกวนจิ่นนั้นได้วางเดิมพันข้างหลินซีเหยียนชนะ ถึงแม้ว่าจำนวนเงินนั้นจะไม่มาก แต่เจียงหวายเย่ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“เปิ่นหวางขอลงเดิมพันทั้งหมด 100,000 ตำลึงทอง ลงข้างเสี่ยวเหยียนเอ๋อชนะ” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

ผู้คนต่างก็ตกใจ 100,000 ตำลึง? แล้วยังเป็นตำลึงทองอีกด้วยซึ่งทำให้ค่าของมันนั้นมหาศาลมาก

ไม่นานนักการแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกๆคน หลินซีเหยียนและเฉิงซินหรุ่ยต่างก็นั่งลงที่เก้าอี้แล้วเริ่มทำการเขียนตัวหนังสือ เฉิงซินหรุ่ยนั้นตั้งใจเขียนอย่างบรรจงมากและไตร่ตรองทุกครั้งที่นางเขียน ส่วนหลินซีเหยียนนั้นเขียนอย่างรวดเร็วมากและไม่นานนักก็เสร็จ

“นางจะสามารถชนะได้จริงๆเหรอ?” ผู้คนต่างก็พากันมองด้วยสายตาที่ดูหมิ่น ตอนแรกพวกเขาต่างก็พากันสั่นคลอนเมื่อเห็นองค์ชายเย่วางเดิมพัน 100,000 ตำลึงทองก่อนหน้านี้และคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นอาจจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แต่ในเวลานี้พวกเขาคิดว่าความคิดนั้นช่างไร้สาระมากเพียงใด

หลังจากที่หลินซีเหยียนเขียนเสร็จแล้ว นางก็ได้มองไปที่เฉิงซินหรุ่ยและมองไปที่นางที่เพิ่งเขียนไปได้แค่ 3 บรรทัดเท่านั้น นางก็ได้แอบรู้สึกดูถูกนางขึ้นมาในใจ แล้วก็เดินกลับไปหา เจียงหวายเย่แล้วทานขนมพร้อมกับจิบชา

ในระหว่างนี้เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาที่เอ็นดู ท่าทีของคนที่ตกอยู่ในห้วงของความรักเช่นนี้ทำให้ผู้คนมากมายต่างก็รู้สึกขุ่นเคือง

แต่ก็มีคนมากมายที่รู้สึกอิจฉาพวกเขา ต่อให้พวกเขานั้นพบใครบางคนที่รักกันมากเพียงใด แต่หากว่าไม่มีวาสนาต่อกันแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจที่จะครองคู่กับคนที่รักได้เลย ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งนัก!

ท่ามกลางความคิดของผู้คนที่ต่างกันออกไป เฉิงซินหรุ่ยก็ได้เขียนตัวหนังสือเสร็จเรียบร้อยแล้ว