บทที่ 82 การแข่งขัน

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 82

การแข่งขัน

ในชั่วขณะที่นางเขียนเสร็จ ก็ได้มีใครบางคนออกมาทันที หยิบเอาแผ่นกระดาษสองแผ่นนั้นมาแล้วส่งให้กับท่านแม่ทัพเฒ่าและฮูหยินเฒ่า และเพื่อป้องกันการลำเอียง พวกเขาก็ได้เลือกหญิงที่มีความสามารถด้านนี้ออกมา 3 คนเพื่อทำหน้าที่ตัดสิน

ผู้คนต่างก็เงียบกริบและรอคอยผลการตัดสิน อย่างไรเสียก็มีคนจำนวนมากที่ต่างก็วางเงินเดิมพันไปแล้ว พวกเขาต่างก็อยากชนะเดิมพันไม่อยากเสีย

เฉิงซินหรุ่ยยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง แต่มือของนางที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นกำหมัดแน่น

“องค์ชายไม่กลัวว่าที่เงินที่วางเดิมพันไปตั้ง 100,000 ตำลึงทองจะละลายหายไปกับน้ำเหรอเจ้าคะ?” หลินซีเหยียนก็ได้กลืนขนมกุ้ยฮัวหอมๆในปากลงไป และมองไปที่เจียงหวายเย่ อย่างสงสัย

เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียน ซึ่งดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ซึ่งต่างจากปกติราวฟ้ากับเหว จนไม่น่าเชื่อว่าจะเปลี่ยนไปได้ด้วยคนคนเดียว

หลินซีเหยียนที่เริ่มทนต่อสายตาของเขาไม่ไหว ก็ได้หลบสายตาของเขา แต่ก็ไม่คิดว่าเจียงหวายเย่นั้นจะหันมาหานางแล้วจากนั้นก็ยื่นมือของเขามาอย่างช้าๆแล้วจับไปที่แก้มที่อยู่ใต้ตาของนาง

“ท่านกำลังทำอะไรน่ะ?” หลินซีเหยียนหรี่สายตา อย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายที่อยู่ตรงหน้านางกันแน่

“เศษขนมน่ะ” เจียงหวายที่รู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆของหลินซีเหยียนก็ได้เผยรอยยิ้มที่มุมปากของเขาออกมา แล้วเสียงที่เบาและแหบแห้งก็ได้เข้ามาในหูของหลินซีเหยียน

ท่าทีที่แสดงออกซึ่งความรักขององค์ชายต่อหน้าผู้คนมากมายนั้น ทำเอาเหล่าคนไร้คู่ต่างก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที

เฉิงซินหรุ่ยก็กัดฟันของนางแน่นเมื่อนางเห็นภาพเช่นนี้ ในช่วงเวลานี้นางมองไปที่หลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่เย็นชาราวกับอสรพิษร้าย

แต่ถึงจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจทำให้ผู้คนลืมเรื่องของการประลองไปได้

แล้วหญิงชราก็ได้ถือแผ่นกระดาษใบหนึ่งซึ่งมีผลการตัดสินเขียนอยู่ในนั้น แล้วนางก็ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำซึ่งเห็นได้ชัดว่านางนั้นกำลังตื่นเต้น และประกาศออกมาด้วยรอยยิ้ม “ผลตัดสินออกมาแล้วผู้ชนะการแข่งขันนี้คือหลินซีเหยียน”

ผลสรุปที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้ผู้คนมากมายเกิดความสงสัยในการตัดสิน ซึ่งก่อนที่เฉิงซินหรุ่ยจะได้ร้องถาม ก็มีคนที่เสียเงินที่รีบพูดขึ้นมาก่อน “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อในผลการตัดสินนี้”

สีหน้าของหญิงชราก็ได้มืดดำขึ้นมา แล้วเสียงของนางที่เต็มไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้นมา “เจ้าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงชราผู้นี้พูดอย่างนั้นเหรอ?”

วันนี้เป็นวันเกิดของหญิงชรา พวกนางจะไปกล้าขัดใจได้อย่างไร แล้วยิ่งเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋ออีก

“ขอให้ท่านผู้อาวุโสแสดงงานเขียนของซีเหยียนและแม่นางเฉิงให้คนอื่นได้เห็นด้วย เปิ่นหวางคิดว่าทุกคนที่นี่ต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งดังเช่นเคยซึ่งแสดงให้คนอื่นได้เห็นว่าตัวเขานั้นอ่อนแอและไร้ซึ่งพลัง

“องค์ชายพูดถูกต้องแล้ว ข้าหวังว่าข้าจะพ่ายแพ้ได้อย่างบริสุทธิ์ใจ” เฉิงซินหรุ่ยลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่หญิงชราด้วยความเข้มแข็งที่นางมี

แต่หญิงชรานั้นผ่านลมผ่านฝนมาเยอะแล้ว ในขณะที่ เฉิงซินหรุ่ยนั้นอ่อนกว่านางเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นหลานสาวของนางนั้นก็ชนะอย่างยุติธรรม ทำไมนางจะต้องปิดบังด้วย แล้วนางก็ได้สะบัดมือของนางแล้วเรียกคนออกมาสองคน “พวกเจ้านำสิ่งนี้ไปให้ทุกคนได้เห็นทีละคน”

คนแรกที่ได้เห็นคือเฉิงซินหรุ่ย เมื่อนางได้เห็นตัวหนังสือของหลินซีเหยียนแล้ว สายตาของนางก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ในความคิดของนางนั้นหลินซีเหยียนนั้นเป็นคนที่ไร้การศึกษาตั้งแต่ตอนที่นางยังเด็ก แล้วก็ไม่ได้เรียนมารยาทพื้นฐานมาเลย ยิ่งการประดิษฐ์ตัวอักษรยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะเขียนตัวหนังสือต้าจ้วนเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้

“เจ้า….เจ้าโกงแน่ๆ เจ้าไม่มีทางที่จะเขียนตัวหนังสือเช่นนี้ได้หรอก” เฉิงซินหรุ่ยมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างโมโห ด้วยสายตาที่เหมือนจะหาเรื่องหลินซีเหยียน

เมื่อเห็นว่าหลานสาวที่รักกำลังถูกดูถูกเช่นนี้ หญิงชราที่ปกติจะใจดีและรักใคร่ผู้อื่นนั้นก็เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป “ซีเหยียนก็เขียนต่อหน้าธารกำนัลแล้ว มันจะมีการโกงเกิดขึ้นได้อย่างไร แม่นางเฉิงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนั้นเหรอ?”

“มันอาจจะมีการสับเปลี่ยนตอนที่ส่งมอบก็ได้นี่นา” ไม่เพียงแต่เฉิงซินหรุ่ยจะไม่เชื่อแล้ว ผู้คนเกือบทั้งหมดที่ลงเดิมพันไปนั้นต่างก็ไม่อยากเชื่อเช่นกัน

หลินซีเหยียนที่กำลังทานขนมกุ้ยฮัวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้นก็ได้ปัดเศษขนมที่อยู่ในมือของนางออก “ถ้าแค่ตัวหนังสือไม่กี่ตัว? ข้าจะเขียนให้ดูอีกรอบก็ได้ ข้าหวังว่าคราวนี้ทุกคนจะถ่างตาและมองดูกันให้ชัดๆ”

คำพูดเชิงเสียดสีเช่นนี้ทำให้ผู้คนมากมายต่างก็รู้สึกอับอายขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้ หลินซีเหยียนก็ได้ลงมือเขียนตัวหนังสือต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ซึ่งตัวหนังสือที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะใช้นั้นคือตัวหนังสือเสี่ยวจ้วนซึ่งจะเป็นตัวหนังสือที่สวยงาม แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นผู้หญิงที่เขียนตัวหนังสือต้าจ้วนที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้ ซึ่งถึงแม้จะไม่สวยงามแต่ก็หาได้เขียนอย่างชุ่ยๆไม่

ท้ายที่สุดพวกเขาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลินซีเหยียนนั้นชนะการแข่งครั้งนี้ ถึงแม้ว่าการเสียเงินของพวกเขานั้นจะทำให้พวกเขารู้สึกหดหู่ แต่พวกเขาก็ไม่มีอะไรที่โต้แย้ง

หลังจากที่เฉิงซินหรุ่ยยอมรับการพ่ายแพ้การแข่งนี้ นางก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ยังเหลืออีกสองรอบ รอบต่อไปเจ้าจะยิ้มไม่ออกแน่ เพราะการต่อไปจะเป็นบรรเลงพิณ”

ผู้คนต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น และองค์ชายก็ยังตั้งโต๊ะรับพนันเหมือนเดิม ในเวลานี้ผู้คนต่างก็กัดฟันพากันไตร่ตรองกันอย่างถี่ถ้วน

ซึ่งรอบนี้ก็ต่างไปจากรอบแรก ผู้คนที่ลงพนันข้าง หลินซีเหยียนนั้นได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แม้แต่เจียงหวายเย่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนเพิ่มขึ้นมาแค่คนเดียว ดูเหมือนว่าผู้คนจะมองเสี่ยวเหยียนเอ๋อของเขาในแง่ไม่ดีสักเท่าไรนัก แล้วเขาก็ได้เรียกอันอี้มาแล้วก็ได้เผยรอยยิ้มที่ราวกับกำลังกลั่นแกล้งผู้คนออกมา แล้วได้โยนเงินเดิมพันลงไป ในชั่วพริบตาเขาก็ได้วางเงินเดิมพันลงไป 100,000 ตำลึงทองลงว่าหลินซีเหยียนจะได้รับชัยชนะ

ผู้คนต่างก็เริ่มรู้สึกไม่สู้ดีเมื่อพวกเขาเห็นองค์ชายที่ลงเงินอย่างมั่นใจเช่นนี้ แต่พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าหลินซีเหยียนนั้นไม่ได้รับการศึกษาอะไรเลย ถึงจะมีช่วงที่นางหายตัวไปไม่กี่ปีและได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็ตามที แต่พวกเขาก็คิดว่านางนั้นจะสามารถเก่งกาจในหลายๆด้านได้

เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่ผู้หญิงของเขาอย่างพึงพอใจ แล้วที่มุมปากของเขาก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา แล้วจากนั้นเขาก็ถามอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเหยียนเอ๋อมั่นใจว่าจะเอาชนะได้หรือไม่?”

หลินซีเหยียนก็จิบน้ำชาอย่างไม่ใส่ใจอะไร แล้วจากนั้นก็ได้หันหน้าไปมองเจียงหวายเย่แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ข้านั้นไม่รู้วิธีเล่นพิณด้วยซ้ำ องค์ชายไม่กลัวว่าท่านจะไม่ได้เงิน 100,000 ตำลึงทองกลับมาหรอกเหรอ?”

มุมปากของเจียงหวายเย่ก็ได้กระตุกเล็กน้อย “เสี่ยวเหยียนเอ๋อกำลังพูดล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วมองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ลองเดาดูสิ?”

หลังจากที่พูดจบก็ได้มองไปที่เฉิงซินหรุ่ยที่จัดเตรียมการแสดงเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้เจียงหวายเย่สงสัยต่อไปว่านางนั้นเล่นพิณเป็นจริงๆหรือไม่

ซึ่งสามารถพูดได้ว่าแม้เฉิงซินหรุ่ยนั้นจะไร้สมองและยังก้าวร้าว แต่นางก็เก่งด้านการเล่นพิณอย่างที่ใครต่อใครพูดจริงๆ แม้แต่หลินซีเหยียนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้อย่างลึกซึ้งก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความงดงามของเสียงพิณผ่านเพลงที่นางบรรเลงขึ้นมาได้

สายพิณแต่ละสั้นนั้นต่างก็มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อพวกมันได้ส่งเสียงออกมาอย่างต่อเนื่องก็ได้กลายเป็นบทเพลงที่ทำให้แผ่นดินสะเทือนได้ บทเพลงยังบรรเลงไม่จบแต่ผู้คนต่างก็เคลิบเคลิ้มไปกับมันแล้ว

จนกระทั่งเฉิงซินหรุ่ยเล่นพิณจบ แต่ผู้คนยังคงเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงจนลืมที่จะปรบมือ จนในท้ายที่สุดหลินซีเหยียนก็ได้เป็นคนนำปรบมืออย่างตื่นเต้น

ถึงแม้ว่าหลินซีเหยียนนั้นจะแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจ แต่เฉิงซินหรุ่ยกลับคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นกำลังเยาะเย้ยนางอยู่จึงได้ลงเวทีมาอย่างโมโห

“ต่อไปจะเป็นตาของบุตรีคนที่สองของจวนมหาเสนาบดี”