เขาเหมือนคนที่หลุดออกจากขุมนรกก็ไม่ปาน จ้องมองเธอแล้วเอ่ยลอดไรฟันทุกพยางค์ ดวงตาที่น่าหวาดหวั่นเต็มไปด้วยกลิ่นอายพิฆาต
แป้งร่ำคล้ายกับเป็นอัมพาตในชั่วพริบตา
ตัวสั่นเทิ้มประหนึ่งใบหน้าที่ต้องลมฤดูใบไม้ผลิไม่มีผิดเพี้ยน
“รัก……ฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ฉัน……ฉันยังไม่เคยมีลูกมาก่อน ดังนั้นตอนอบรมสั่งสอนชินชินอาจจะบุ่มบ่ามไปหน่อย รักฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆนะคะ”
ถึงตอนนี้แล้วผู้หญิงคนนี้ยังคิดจะแก้ต่างเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นความผิด
แสนรักได้ยินพลันหรี่ตาขึ้น ไม่รู้เพราะเหตุใด สมองจึงโผล่ภาพนองเลือดที่พึงเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ
เพราะเรื่องลูกชาย คนหนึ่งทำเพื่อลูกจนเอาเศษกระจกแทงตัวเอง
ส่วนอีกคนก็ผลักความรับผิดชอบ สรรหาแต่ถ้อยคำแก้ตัว
ดวงตาเขาแดงขึ้นเรื่อย ๆ จ้องมองผู้หญิงที่ติดตามเขามาห้าปีเต็ม ๆ ซึ่งแววตาปกคลุมไปด้วยความผิดหวังและความโหดร้าย เขาคว้าแก้วขึ้นมา ก่อนจะปาออกไปแรง ๆ
“ไม่เคยมีลูกก็จะทำแบบนี้กับลูกผมได้เหรอ?ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ นับจากตอนนี้ ไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าลูกผมอีก และไม่ต้องเสนอหน้าให้ผมเห็นที่เรืองรองอีก!”
เรืองรองคือคฤหาสน์ที่พวกเขาพักอาศัยในปัจจุบันนี้
แป้งร่ำคล้ายกับโดนฟ้าผ่า
ไม่ให้ปรากฏตัวต่อหน้าเด็ก และยังไม่ให้เธออยู่ที่เรืองรอง……
แบบนี้ก็เท่ากับเธอถูกคว่ำบาตร ไล่ตะเพิดเธอออกจากโลกของเขา?
เธองงเป็นไก่ตาแตก ไม่ใส่ใจแก้วน้ำบนกาย รีบลุกขึ้นตรงประตูอย่างคนเสียสติ
“ไม่……ไม่เอาค่ะ รักไม่เอานะคะ คุณอย่าไล่ฉันไปเลย ฉันรักคุณนะคะรักคุณลืมคำที่คุณพาฉันกลับไปแล้วเหรอคะ?รัก!!”
“……”
ท่ามกลางความมืดมน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเสียงร้องไห้ฟูมฟายของผู้หญิงคนนี้วนเวียนอยู่บนเรือเป็นเวลานาน
เส้นหมี่สลบไปนาน เพราะเหนื่อยล้าถึงขีดสุดและบวกกับบาดเจ็บด้วย เธอจึงหลับสนิทตลอดทั้งคืน
จวบจนเช้าวันรุ่งขึ้น แสงพระอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เธอรู้สึกอุ่น เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอครับ?”
เธอรู้สึกแปลกใจที่ตื่นขึ้นมาก็เห็นมีคนอยู่ข้างกาย
เส้นหมี่หันหน้าไปมองต้นเสียงอย่างฉงนสนเท่ห์ด้วยความยากเย็นแสนเข็ญ
“ผู้ช่วยเค?”
“ใช่ครับ ผมเอง ไม่เจอกันหลายปี คุณนายยังจำผมได้อยู่เหรอครับ ช่างเป็นเกียรติของผมจริง ๆ”
เขาเป็นผู้ชายวัยหนุ่มใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อต ใบหน้าขาวสะอาดและเรียบร้อยสวมแว่นตากรอบสีดำ ถ้าไม่ใช่ผู้ช่วยเคของแสนรักแล้วจะเป็นใครไปได้
เส้นหมี่รู้ว่าเป็นใครแล้วก็ยิ้ม
ทำไมจะจำไม่ได้?
ตอนนั้นหลังเธอแต่งเข้าตระกูลหิรัญชาวันที่สอง แสนรักก็ไปต่างประเทศ ไม่กลับมาอีก ผู้ช่วยคนนี้จึงวิ่งระหว่างบริษัทกับตระกูลหิรัญชาเป็นประจำ
เธอจำได้ดี ทุกครั้งที่เขามา เธอก็มักจะตั้งความหวังว่าจะทราบข่าวคราวของผู้ชายคนนั้นจากปากของผู้ช่วยคน
เส้นหมี่เม้มปาก พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น “คุณพูดเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ ต้องขอบคุณคุณที่เมื่อก่อนค่อยช่วยเหลือตลอด ใช่แล้วค่ะ ทำไมคุณถึงอยู่ตรงนี้ล่ะคะ?”
“เมื่อคืนคุณบาดเจ็บ ผมว่างเลยมาเฝ้าดูน้ำเกลือของคุณ คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?ดีขึ้นบ้างไหมครับ?”
เคเทน้ำอุ่นให้เธอหนึ่งแก้วอย่างเอาใจใส่
เส้นหมี่รับมาด้วยความเกรงใจ “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง รบกวนคุณแล้วค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว ใช่แล้วชินชินล่ะคะ?เขาเป็นยังไงบ้างคะ?เขาไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?เมื่อคืนประธานของพวกคุณถามผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าคะ?เขา……”
เธอนึกถึงสิ่งนี้กะทันหัน
เครีบปลอบประโลมเธอ “คุณนายวางใจได้ครับ ตอนนี้คุณชายเล็กอยู่กับท่านประธานครับ คุณแป้งร่ำจะเข้าใกล้คุณชายเล็กไม่ได้อีกแล้วครับ คุณไม่ต้องวิตกกังวลครับ”
เหมือนเขาจะเดาออกว่าเธอจะถามเรื่องนี้ เขาเล่าทุกอย่างตอนเธอนอนสลบให้ฟัง
เส้นหมี่ได้ยินจึงโล่งอกไปหนึ่งเปลาะ
เห็นทีเธอพนันชนะแล้ว ไอ้ผู้ชายระยำถือว่ายังไม่ได้ตาบอดจนช่วยไม่ได้ รู้จักสอบถามนังสารเลวนั่น เมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็ไม่ต้องกังวลใจแล้ว
“งั้นฉันไปดูชินชินเขาอยู่ไหน?”
“หา?”ผู้ช่วยรู้สึกคาดไม่ถึง พลางทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คุณจะไปหาคุณชายเล็กเหรอครับ?เอ่อ……แผลคุณยังไม่หายดีเลยนะครับ พักฟื้นก่อนจะดีกว่านะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น”
เส้นหมี่ไม่คิดเช่นนั้น
ไม่ใช่บาดแผลสาหัสอะไรจริง ๆ เหตุการณ์เมื่อคืนวาน การแทงร่างกายของเธอเป็นกลเจ็บกายจริง ๆ เธอเป็นหมอ จึงรู้จุดและเธอก็ไม่มีทางแทงจริงจัง
ทว่าผู้ช่วยคนนี้ก็ขัดขวางเธอ ไม่ให้เธอลงจากเตียง
“คุณนายครับ ขออภัยด้วยครับ ท่านประธานบอกว่าไม่อยากให้คุณนายเจอหน้าคุณชายเล็กครับ ท่านบอกว่าแม่ของคุณชายเล็กตายเมื่อห้าปีก่อนแล้วครับ ท่านไม่อาจให้ลูกชายถูกทำร้ายอีกครั้งครับ”
“……”
ประโยคนี้ทำให้เส้นหมี่ที่รีบร้อนจะไปดูลูกชายก็เหมือนกับถูกสะกดจุด นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง