ตอนที่ 161 เหตุใดหูเฟิงถึงโกรธ / ตอนที่ 162 บุรุษผู้แปลกประหลาด

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 161 เหตุใดหูเฟิงถึงโกรธ

องครักษ์จินไม่ได้ตอบ ส่วนหูเฟิงถลึงตามองนาง กล่าวด้วยความโมโหว่า “เมื่อครู่เจ้าทำอะไร อยากตายหรือ”

ไป๋จื่อตะลึงงัน เมื่อครู่? เมื่อครู่นางทำอะไร โยนหินใส่เสือน่ะหรือ

องครักษ์จินรีบโน้มน้าว “เจ้าอย่าไปดุนางเลย แม่นางไป๋ก็เป็นห่วงเจ้าเหมือนกัน นางเพียงอยากช่วยเจ้า และนางทำไปแล้ว อีกทั้งนางยังคลายวิกฤตให้เจ้าตั้งหลายครั้งไม่ใช่หรือ”

หูเฟิงเพียงรู้ว่าหากยั่วโมโหเสือเข้า แล้วมันกระโจนเข้าไปกัดนาง เขาอาจจะช่วยนางไม่ทันกาลก็เป็นได้

ครั้นคิดถึงอันตรายในตอนนั้น คิดถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะนางไม่ดูแลตัวเอง หัวใจของเขาก็พลันเต็มไปด้วยความโกรธ

“เจ้าเป็นลมไปอย่างคนแซ่เมิ่งนั่นไม่ได้หรือ เป็นแค่แม่นางคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้กล้าบ้าบิ่นเช่นนี้”

เหตุใดถึงได้กล้าเช่นนี้ แล้วผิดกฎหมายหรือ

ไป๋จื่อถูกเขาสั่งสอนจนตะลึง ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาโกรธเรื่องอะไรกันแน่

หูเฟิงไม่สนใจนางอีก เขายืมกระบี่ยาวจากองครักษ์จิน แล้วฟันรากที่แท้จริงของใบจื่อม่านเถิงออกในครั้งเดียว

หลังจากพวกเขาเก็บใบจื่อม่านเถิงเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดเมิ่งหนานก็ฟื้น ใบหน้าของเขายังคงซีดขาวเหมือนกระดาษ ดวงตาลุกลนมองไปรอบๆ ทั้งซ้ายและขวา ครั้นเห็นทุกคนปลอดภัย เสือก็หายไปแล้วเช่นกัน สุดท้ายเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พวกเจ้า พวกเจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง”

องครักษ์จินรีบนำขวดน้ำที่เหน็บอยู่ตรงเอวส่งให้เมิ่งหนาน พลางยิ้มกล่าว “พวกข้าล้วนสบายดีขอรับ ท่านต่างหาก หลับสบายหรือไม่”

เมิ่งหนานมีสีหน้าเก้อเขิน เขาหลับไม่สบายเลยต่างหาก ในฝันยังถูกเสือวิ่งไล่ จนถึงตอนนี้เขายังรู้สึกเข่าอ่อนอยู่เลย

หูเฟิงใช้เชือกมัดต้นจื่อม่านเถิงกองไว้ด้วยกันจนเรียบร้อย ก่อนจะกล่าวเสียงหงุดหงิดกับเมิ่งหนาน โดยที่ไม่หันไปมองเขาเลยสักนิดว่า “ในเมื่อตื่นแล้วก็แบกมัดต้นไม้นี่ขึ้นหลัง ควรจะลงเขาได้แล้ว”

ท่าทางของหูเฟิงดูแล้วผิดปกติอย่างมาก เมิ่งหนานถามองครักษ์จินเสียงเบา “เขาเป็นอะไรไป”

องครักษ์จินยื่นนิ้วไว้ตรงข้างริมฝีปาก ส่งสัญญาณบอกให้คุณชายของเขาอย่าเพิ่งถาม

ทั้งสองคนเดินมาข้างหน้าหูเฟิง แต่ละคนแบกมัดต้นจื่อม่านเถิงไว้ข้างหลังหนึ่งมัด

ทั้งหมดมีอยู่สี่มัด ตอนนี้เหลืออยู่สองมัด ไป๋จื่อรีบเดินเข้าไป ทว่าเพิ่งคิดจะยื่นมือออกไปหยิบมาสักมัดหนึ่ง กลับเห็นหูเฟิงแบกมัดต้นไม้ทั้งสองไว้บนหลัง แล้วหมุนกายเดินไป

ไป๋จื่อรีบตามเขาไป “ข้ายังมีแรงอยู่ ให้ข้าช่วยมัดหนึ่งเถอะ”

หูเฟิงเดินไปข้างหน้าด้วยความโมโห ไม่สนใจนาง ราวกับไม่ได้ยินเสียงของนางอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าถือไหวจริงๆ ให้ข้าถือมัดหนึ่งเถอะ” นางคิดจะขวางเขาไว้ด้วยความร้อนใจ

หูเฟิงพลันเบี่ยงกายหลบนาง ไม่มองนางสักนิด

“นี่ ข้าก็แค่โยนให้ใส่เสือแค่สองก้อนไม่ใช่หรือ เจ้าจะโกรธก็เรื่องของเจ้าเถอะ ข้าจะไม่โต้เถียงกับเจ้า เจ้าต่างหากได้คืบจะเอาศอก ไม่ยอมจบสิ้นกระมัง”

ชายหนุ่มยังคงไม่สนใจนาง

นางก็โมโหขึ้นมาแล้วเช่นกัน ร้องตะโกนอยู่ข้างหลังเขาว่า “ข้ารู้ เจ้ากลัวข้าถูกเสือทำร้าย ถึงตอนนั้นแล้วจะไม่มีใครรักษาเจ้า แต่เจ้าวางใจเถอะ ต่อให้ข้าเหลือลมหายใจสุดท้าย ข้าก็จะรักษาเจ้าให้หาย”

ในที่สุดหูเฟิงก็หยุดฝีเท้า เขาหันกลับมาโดยพลัน แต่ไป๋จื่อหยุดไม่ทัน ชนกับแผงอกของเขาอย่างจัง จนจมูกของนางรู้สึกเจ็บ

หูเฟิงใช้สายตาดุดันมองนาง แล้วกัดฟันกล่าวทีละคำ “เจ้าจำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี”

เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังโกรธอะไร รู้เพียงโกรธ ไม่ได้ยินดี โดยเฉพาะได้ยินนางพูดเช่นนี้ในเวลานี้ ไฟโทสะในใจของเขาก็ยิ่งปะทุมากกว่าเดิมเสียอีก

ไป๋จื่อถูกเขาถลึงตาใส่จนรู้สึกขนลุก เขาเป็นอะไรกันแน่ กินดินปืนมาหรือไร

องครักษ์จินรีบโน้มน้าว “เจ้าพูดให้น้อยๆ หน่อย ข้าว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันกระมัง”

หูเฟิงแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง ไม่สนใจไป๋จื่ออีก เพียงหมุนกายเดินไป แม้จะแบกต้นจื่อม่านเถิงอยู่สองมัด แต่ฝีเท้าของเขากลับยังคงว่องไวราวกับบิน ร่างกายเหยียดตรงดุจพู่กัน

……….

ตอนที่ 162 บุรุษผู้แปลกประหลาด

เมื่อทิ้งระยะห่างกันไกลแล้ว เมิ่งหนานก็รีบถามว่า “แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเขาต้องโมโหเช่นนั้น”

คราวนี้องครักษ์จินถึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังทั้งหมด เมิ่งหนานได้ยินแล้วก็เบิกตาโพลง ก่อนจะมองไป๋จื่ออย่างเหลือเชื่อ “จื่อยาโถว องครักษ์จินพูดจริงหรือ เจ้านำหินโยนใส่เสือตัวใหญ่นั่นจริงๆ หรือ”

ไป๋จื่อพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ มันชื่อเสือหน้าผากขาวตาลอย ท่านชื่อของมันไว้ด้วยเจ้าค่ะ”

เนื้อต้นขาของเมิ่งหนานกระตุกขึ้นมาบ้างอีกครั้ง เด็กสาวตรงหน้าเขาผู้นี้ ช่างไม่กลัวตายเสียจริงๆ!

“จื่อยาโถว เสือตัวใหญ่ขนาดนั้น เจ้าไม่กลัวหรือ ยังกล้าโยนหินใส่มันอีก!”

เด็กสาวยักไหล่ “แน่นอนกว่ากลัว เสือตัวใหญ่ขนาดนั้น เกรงว่าไม่มีใครไม่กลัวกระมัง แต่กลัวแล้วจะทำอย่างไรได้ ท่านหนีพ้นหรือ พวกเรามีสองขา แต่มันมีสี่ขา ในเมื่อหนีไม่พ้น ก็ทำได้เพียงต้องใช้มือช่วย แต่มือของข้าไม่มีความสามารถอะไร เพียงต้องรอจังหวะที่เหมาะสม ใช้กำลังของตัวเองที่มีทั้งหมด ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดให้ดี ทำลงไปเช่นนั้นก็เพื่อปกป้องตนเอง” ปกป้องชีวิตของหูเฟิง ก็เท่ากับปกป้องชีวิตของตนเองด้วย

องครักษ์จินแอบยกนิ้วโป้งให้นาง ทว่าเมิ่งหนานกลับทำหน้าเฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไร และไม่ถามอะไรอีก

ไป๋จื่อย้อนถามว่า “ใต้เท้าเมิ่ง เหตุใดท่านถึงกลัวเสือเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ ทั้งยังกลัวจนสลบไปด้วย ข้าว่านี่ออกจะเกินจริงไปหน่อยกระมัง หากวันนี้หูเฟิงกับองครักษ์จินไม่อยู่ ท่านก็คงจะกลายเป็นอาหารกลางวันของเสือไปแล้ว”

องครักษ์จินส่ายหน้าให้ไป๋จื่อ ส่งสัญญาณบอกนางว่าอย่าถาม แต่เด็กสาวไม่เห็น แม้กระทั่งกล่าวถามออกมารวดเดียว

หากมีคนถามคำถามนี้ในอดีต เมิ่งหนานไม่มีทางตอบแน่นอน อย่างมากก็แค่หัวเราะและปล่อยผ่านไป ไม่มีทางอธิยายให้มากความเด็ดขาด

แต่วันนี้เมิ่งหนานกลับต้องการพูดออกมา

“ตอนที่ข้ายังเด็ก มีครั้งหนึ่งข้าแอบขี่ม้าไปเที่ยวเล่นกับพี่ชาย แต่ไม่รู้ว่าม้าตัวนั้นเป็นอะไรไป เมื่อออกจากประตูก็วิ่งคลั่ง วิ่งตลอดทางจนออกไปนอกเมือง กระทั่งวิ่งเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง ก่อนจะสะบัดพวกข้าสองพี่น้องลงจากตัวมัน ครั้นม้าวิ่งหนีไป ฟ้าก็ใกล้มืดแล้ว ข้ากับพี่ชายจึงหลงอยู่ในป่า”

“ตอนนั้นข้าอายุเพียงเจ็ดขวบ ยังไม่รู้ว่าความกลัวคืออะไร ได้เพียงแต่วิ่งตามอยู่ด้านหลังพี่ชาย ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรน่าหวาดกลัว รู้สึกแต่ว่าน่าสนุกมากเท่านั้น จนกระทั่งเสือตัวนั้นปรากฏตัวออกมา”

“พี่ชายข้ายังอายุไม่ถึงสิบปี แม้จะเรียนวรยุทธ์มาแล้วหลายวัน แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเสือได้อย่างไร เขามีโอกาสหนีไปแท้ๆ แต่ตอนนั้นมีเพียงเสือ หากเขาหนีไป เสือก็จะกินข้า ไม่วิ่งตามเขาไป”

ในดวงตาของเขาฉายแววโศกเศร้า มือสั่นเทาไม่ยอมหยุด ราวกับย้อนกลับไปอยู่ในชั่วขณะนั้นอีกครั้ง

“พี่ชายข้าไม่หนี เขาอยู่ต่อ สู้กับเสือด้วยมือเปล่า เขาให้ข้าวิ่งหนีไป บอกข้าว่าอย่าหันกลับมามอง ให้วิ่งไปตลอดทาง ไปขอให้ท่านพ่อกับท่านแม่มาช่วยเขา”

“ตอนนั้นข้ากลัวมาก จึงเชื่อฟังคำพูดของพี่ชาย ข้าวิ่งไปตลอดทางโดยไม่ได้หันกลับไปมอง แม้หูได้ยินเสียงร้องโอดครวญของพี่ชายดังมาไม่ขาดสาย แต่ข้าก็ไม่หันกกลับไปมอง ข้าไม่กล้า ข้ากลัว…หลังจากนั้นข้าล้มลงและสลบไป ครั้นตื่นขึ้นมา คนที่บ้านก็พบตัวข้า พาข้ากลับมาที่บ้านแล้ว”

“ข้าถามว่าพี่ชายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง แต่พวกเขาไม่ตอบข้าสักคน เอาแต่ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย ข้าก็ไม่กล้าถามอีก และไม่เคยถามอีกเลย”

ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ที่แท้เขามีความทรงจำอันเลวร้ายในวัยเด็ก เพื่อปกป้องเขา พี่ชายของตนถูกเสือกินทั้งเป็น มิน่าเล่าเมื่อพูดถึงเสือขึ้นมา สีหน้าของเขาถึงเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

องครักษ์จินมีสีหน้าตื่นตกใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วคุณชายมีพี่ชายด้วย เรื่องที่คุณชายเคยประสบพบเจอเมื่อตอนอายุเจ็ดขวบ เขาแม้กระทั่งนำมาหยอกล้อคุณชายอยู่บ่อยๆ คราวนี้คิดดูแล้ว เขาไม่ควรทำเช่นนั้นเลยจริงๆ