ตอนที่ 163 เสือคลั่งกระโจนใส่อาหาร / ตอนที่ 164 สละชีวิตเข้าช่วย

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 163 เสือคลั่งกระโจนใส่อาหาร

“ไม่ต้องพูดแล้วขอรับคุณชาย” องครักษ์จินขัดจังหวะเขา ไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวดใจเช่นนี้อีก

เมิ่งหนานยิ้มขื่นพลางส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร” นี่เป็นครั้งแรกหลังจากเขาอายุเจ็ดปีในปีนั้น ที่เขาพูดเรื่องในอดีตอันน่าปวดใจเช่นนี้ออกมา

เรื่องในอดีตที่ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะไปคิดถึง

เขาคิดว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันพูดเรื่องนี้กับใคร คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะพูดโพล่งออกมา และแท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้ยากเย็นเหมือนที่เขาจินตนาการไว้

“ตอนนั้นหากข้าไม่วิ่งหนี หากข้าไม่ได้วิ่งหนี สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรนะ พี่ชายของข้าจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่”

ไป๋จื่อกุมมือที่สั่นเทาไม่หยุดของเมิ่งหนาน ในดวงตาสุกใสปรากฏความโศกเศร้า “พี่เมิ่ง นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นเช่นนี้ เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ…หากข้าเป็นพี่ชายของท่าน ข้าก็จะเลือกทำเช่นเดียวกัน แล้วหากเปลี่ยนเป็นท่าน ท่านก็จะทำเช่นเดียวกัน พี่ชายปกป้องน้องชาย นี่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ หวาดกลัวจึงวิ่งหนีก็เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์เช่นเดียวกัน และตอนนั้นท่านอายุเพียงเจ็ดปีเท่านั้น”

จริงหรือ? หวาดกลัวจึงวิ่งหนี นี่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์จริงหรือ? เพราะเขายังเด็ก ดังนั้นถึงแม้หนีไป ก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้วใช่หรือไม่

ท่านพ่อกับท่านแม่ก็บอกเขาเช่นนี้ และเขาก็ใช้เหตุผลนี้มาปลอบใจตนเองเช่นกัน

แต่จนกระทั่งถึงวันนี้ จนกระทั่งบัดนี้ เขาได้รู้ว่ายามหูเฟิงเผชิญกับเสือร้ายที่หมายจะจู่โจม ชายหนุ่มผู้นั้นไม่ได้ถอยหลังแม้สักก้าว กลับเลือกต่อสู้กับเสือคลั่งอย่างกล้าหาญ แม้แต่ไป๋จื่อที่ตัวเล็กบอบบางก็ไม่ได้ถอยหนีเช่นกัน ทว่าใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของนางช่วยหูเฟิง

ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่สัญชาตญาณของมนุษย์โดยสิ้นเชิง แต่เป็นสัญชาตญาณของคนขี้ขลาดโดยแท้ เขาเป็นคนขี้ขลาดคนหนึ่ง ขี้ขลาดแต่กำเนิด

“ไปเถอะ!” เมื่อเห็นเขายังคงเซื่องซึมอย่างยิ่ง ไป๋จื่อก็ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเขาอย่างไร เรื่องบางเรื่องใช่ว่าคำพูดเพียงสองสามคำจะชัดแจ้งได้ และไม่ใช่ว่าวันสองวันจะคิดได้แตกฉานเช่นกัน

องครักษ์จินกล่าว “หูเฟิงหายไปไหนแล้วเล่า ข้าจะมุ่งหน้าไปตามเขา” เขาเดี๋ยววิ่ง เดี๋ยวเดินจากไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

ไป๋จื่อถามเมิ่งหนาน “เหนื่อยหรือไม่ ให้ข้าแบกสักเดี๋ยวก็ได้นะเจ้าคะ”

เมิ่งหนานส่ายหน้า “ไม่เหนื่อย ข้าเป็นผู้ชาย งานเช่นนี้จะให้แม่นางน้อยอย่างเจ้าทำลำพังได้อย่างไร”

นางพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอีก บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดในทันที ขณะที่นางกำลังว่าจะพูดอะไรสักหน่อยเพื่อคลายบรรยากาศ ก็กลับได้ยินเสียงครืนโครมเหมือนต้นไม้ถูกเหยียบโค่นดังมาจากข้างหลัง ไปจนถึงเสียงคำรามร้องจากในลำคอของสัตว์ป่าด้วย

ทั้งสองคนหันกลับไปมอง เห็นเสือหน้าผากขาวตาลอยที่เพิ่งหนีไปตัวนั้น กำลังโจนทะยานมาทางพวกเขา

สวรรค์…มันกลับมาจริงด้วย

หรือมันไม่ได้หนีไปไกล รอคอยพวกเขาอยู่ลำพังมาโดยตลอด

ในโลกของสัตว์ที่นางเคยเห็น เพื่อล่าสัตว์แล้ว พวกเสือสามารถซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ เหยื่อ รอคอยจังหวะที่ดีที่สุด แล้วค่อยจู่โจม

เมิ่งหนานราวกับหวาดกลัวจนตะลึงลาน ยืนเหม่ออยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ไป๋จื่อจึงปลดต้นจือม่านเถิงที่เขาแบกไว้บนหลังลง แล้วจูงมือเขาวิ่งหนี “ตะลึงอะไรอยู่ รีบวิ่งเร็ว!”

คราวนี้เมิ่งหนานถึงได้สติกลับมา เขารีบวิ่งตามไป๋จื่อไปอย่างเร็วรี่ แต่น่าเสียดายที่วิ่งไปไม่กี่ก้าว เท้าของเขาก็เกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้ท่อนหนึ่ง เขาล้มหน้าคะมำ แม้แต่ไป๋จื่อก็ถูกเขาดึงล้มไปด้วยกัน

การล้มครั้งนี้มอบโอกาสสังหารให้กับเจ้าเสือตาลอยอย่างพอเหมาะพอเจาะ มันคำรามอย่างบ้าคลั่งเสียงหนึ่ง นำพาความตื่นเต้นที่จับเหยื่อได้ และความปีติที่ได้แก้แค้นพุ่งเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคนอย่างดุดัน

เมื่อครู่เสือตาลอยได้รับบาดเจ็บ คราวนี้มันจึงไม่ได้เปี่ยมไปด้วยพละกำลังดังเดิม และไม่ได้รุนแรงเช่นก่อนหน้านี้ ไป๋จื่อจับเมิ่งหนานไว้แน่น ก่อนจะดันออกแรงดันทั้งร่างของเขาออกไปข้างๆ

……….

ตอนที่ 164 สละชีวิตเข้าช่วย

กรงเล็บของเสือตาลอยคว้าเข้ากับอากาศ มันเพียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งเสียงหนึ่ง แล้วหมุนกายกระโจนเข้าหาเมิ่งหนานที่ยังไม่ได้ตะเกียกตะกายลุกขึ้น

และเวลานี้เอง ในมือของไป๋จื่อก็คว้าก้อนหนึ่งก้อนหนึ่ง ปาเข้าใส่เสือตาลอยอย่างแรง พยายามดึงดูดความสนใจของมัน

ก้อนหินถูกดวงตาข้างหนึ่งของมันอย่างจัง ทำให้มันเจ็บปวดจนต้องร้องโหยหวนออกมาโดยตรง นับว่ายั่วโมโหมันได้โดยสิ้นเชิงแล้ว มันเมินเมิ่งหนานทันที พุ่งตัวเข้าไปหาไป๋จื่อแทน

หน้าอกของเมิ่งหนานกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เวลานี้เหมือนย้อนกลับไปเมื่อสิบสองปีก่อน สถานการณ์ในตอนนั้นเหมือนกับตอนนี้ไม่มีผิด เหมือนกับตอนที่พี่ชายของเขาสละชีวิตของตนเองเพื่อช่วยเขา

ส่วนตอนนี้ ไป๋จื่อก็พยายามสละชีวิตของตนเองเพื่อช่วยเขาเช่นกัน

ไม่ โศกนาฏกรรมแบบเดียวกันจะไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำสองเด็ดขาด เขาหนีไม่ได้อีกแล้ว หนีไม่ได้อีกต่อไป

ขณะที่เสือตาลอยพุ่งเข้าใส่ไป๋จื่อที่หลบหลีกไม่ทันแล้ว เขาก็กระโจนใส่ตัวของนาง ใช้ร่างกายของเขาขวางปากเสือที่กำลังจะกัดถูกเด็กสาว

และตอนที่เขี้ยวสองข้างของเสือร้ายกำลังจะกัดเข้าไหล่ซ้ายของเมิ่งหนาน หนึ่งกระบี่ก็แทงทะลุคอของมันพอดี

เสือตัวนั้นล้มลง มือของเมิ่งหนานกลับมีเลือดไหลลงมาไม่หยุด

“คุณชาย เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ” องครักษ์จินถลันเข้ามาพร้อมใบหน้าตื่นตกใจ

หูเฟิงยืนอยู่ข้างๆ เสือคลั่ง เขาดึงกระบี่ที่เสียบทะลุคอของมันออกมา ก่อนจะยกกระบี่ยาวเปื้อนเลือดนั้น เดินไปยังตรงหน้าของไป๋จื่อทีละก้าว

นางสลบไปแล้ว!

ไม่ใช่เพราะกลัวจนสลบไป แต่เป็นเพราะเมิ่งหนานออกแรงกระโจนเข้าใส่มากเกินไป กระแทกที่ศีรษะของนางอย่างแรง แรงกระแทกครั้งนี้ทำให้นางสลบไปเลยทีเดียว

เขาส่งกระบี่คืนให้องครักษ์จิน แล้วก้มลงยกไป๋จื่อขึ้น ก่อนจะหมุนกายเดินจากไป ที่ตรงนี้อยู่ห่างจากด้านนอกป่าแค่เพียงไม่สิบก้าวเท่านั้น

ระยะทางเพียงสิบกว่าก้าวนี้ หากเมื่อครู่เขาไม่โมโหจนเดินล่วงหน้าไปก่อน เรื่องราวจะแตกต่างออกไปหรือไม่

องครักษ์จินปลดเข็ดขัดของตนเองลง เพื่อพันแผลให้เมิ่งหนานอย่างง่ายๆ แม้แต่คำพูดเป็นห่วงก็พูดไม่ออก

เมิ่งหนานยิ้มกล่าว “ข้าไม่เป็นไร แค่แผลภายนอกเท่านั้น”

ตอนนี้เสือยังคงอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด เขาไม่กลัวอีก ถึงแม้ตอนนี้จะมีเสือดุร้ายเช่นเดียวกันอีกตัวหนึ่ง เขาก็ไม่กลัวอีกต่อไป

เหมือนกับที่ไป๋จื่อกล่าวไว้ เมื่อพบเจอคู่ต่อสู้ที่รู้ว่าไม่อาจเอาชนะได้ ในเมื่อหนีไม่พ้น เช่นนั้นก็ต้องลงมือสู้ ไม่มีอะไรเกินความสามารถ ผลลัพธ์ร้ายแรงที่สุดก็แค่ตายไม่ใช่หรือ

มีชีวิตอยู่ไม่มีอะไรน่ายินดี วายชีวีมีอะไรต้องหวาดกลัว

แทนที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างอัดอั้น สู้ตายไปอย่างเป็นสุขเสียดีกว่า

หูเฟิงอุ้มไป๋จื่อขึ้นรถม้า ในปากพร่ำบ่นไม่หยุด “เหตุใดเด็กสาวคนนี้ถึงได้เบาเหมือนกับขนนก บนตัวไม่มีเนื้อแม้สักนิดเลยจริงๆ”

เขาหันกลับไปมองเมิ่งหนาน ถามว่า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

เมิ่งหนานส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่บาดแผลภายนอก”

หูเฟิงพยักหน้า “กลับกันเถอะ เมื่อนางตื่นขึ้นมาแล้ว ค่อยให้นางทำแผลให้เจ้า”

ใต้เท้าเมิ่งส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอก วันนี้ให้นางพักผ่อนมากๆ ที่ว่าการอำเภอยังคงมีธุระ ข้าควรจะกลับไปแล้วเช่นกัน”

ฝ่ายหูเฟิงไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก เขากระโดดขึ้นรถม้า แล้วบังคับรถม้าจากไป

องครักษ์จินมองเมิ่งหนานที่มีใบหน้าซีดขาว ความหวาดหวั่นภายในหัวใจไม่ได้หายไปแม้แต่ครึ่ง “คุณชาย ท่านไม่เป็นอะไรจริงหรือขอรับ พวกเรากลับสกุลหูก่อน รอแม่นางไป๋ฟื้นขึ้นมา ให้นางดูบาดแผลของท่านสักหน่อยดีกว่ากระมัง”

เมิ่งหนานส่ายหน้า ตรงขึ้นรถไป “ไม่ต้องหรอก กลับกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้วเหมือนกัน กลับไปนอนสักตื่นก็ไม่เป็นไรแล้ว”

องครักษ์จินก็จนใจ ทำได้เพียงบังคับรถม้ากลับเมือง ตอนที่ผ่านร้านสมุนไพร ก็เรียกท่านหมอในร้านนั้นให้มาที่ศาลาว่าการในทันที

เมิ่งหนานที่กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ในรถถอนใจ “เจ้านี่นะ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่เป็นอะไร ไม่จำเป็นต้องเชิญหมอ”