ตอนที่ 165 พิมพ์เขียว / ตอนที่ 166 นายช่างซ่ง

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 165 พิมพ์เขียว

ไม่ว่าอย่างไรองครักษ์จินก็ไม่ยอม เขาเห็นบาดแผลบนข้อมือของคุณชายกับตาตนเอง รูเลือดที่ค่อนข้างใหญ่สองรูนั้น มีเลือดไหลออกมาชุ่มทั้งแขนเสื้อแล้ว

ถนนของหมู่บ้านหวงถัวไม่ราบเรียบ รถม้าวิ่งไปได้ถึงครึ่งทางไป๋จื่อก็ตื่นขึ้นมาแล้ว นางนึกถึงภาพที่ตนเองสลบไปก่อนหน้านี้ เป็นเมิ่งหนานที่กระโจนเข้ามาบนตัวนาง ขวางฟันแหลมคมของเสือที่กำลังจะกัดนางไว้

นางมองภายในรถม้า นอกจากในรถจะมีนางและใบจื่อม่านเถิงสามมัดแล้ว ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น

เมิ่งหนานเล่า?

นางตะเกียกตะกายออกจากรถม้าอย่างร้อนรน ถามหูเฟิงที่กำลังบังคับรถว่า “พี่เมิ่งเล่า? เขาเป็นอย่างไรบ้าง”

ครั้นเห็นท่าทางร้อนใจของนาง และได้ยินนางเรียกเมิ่งหนานว่าพี่เมิ่ง หัวคิ้วของเขาก็ย่นขึ้นเล็กน้อย “เขาถูกกัดข้อมือ องครักษ์จินพาเขากลับไปแล้ว”

“เจ็บหนักหรือไม่” นางถามพร้อมสีหน้าเป็นห่วง

หูเฟิงส่ายหน้า “ข้าก็ไม่แน่ใจ มีเลือดไหลออกมาไม่น้อย แต่เมิ่งหนานบอกว่าแค่แผลภายนอกเท่านั้น”

นางถอนใจด้วยความโล่งอก แค่บาดแผลภายนอกก็แล้วไป ดูท่าตอนที่เข้าตาจน เป็นหูเฟิงและองครักษ์จินที่เร่งมาช่วยพวกนางได้ทันเวลา

รถม้ากลับเข้าไปในหมู่บ้าน ดึงดูดสายตาอิจฉาริษยาของผู้คนได้ไม่น้อย

เมื่อกลับถึงบ้าน ลุงหูรีบออกมาต้อนรับ หัวเราะเฮฮากล่าวว่า “ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว มีคนจากในเมืองมาสองคน บอกว่าเมื่อวานพบพวกเจ้าในเมือง”

ไป๋จื่อลอดออกมาจากในรถม้า กำลังเตรียมจะกระโดดลงมา แต่กลับเห็นหูเฟิงยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง นางจับมือของเขาไว้ ยืมแรงของเขากระโดดลงจากรถ

ขณะนี้มีคนสองคนออกมาจากในเรือน คนหนึ่งในนั้นคือซ่งชิงเฟิง ชายหนุ่มที่พบเมื่อวานบนถนน ตามมาด้วยชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่องอาจ ใบหน้าคล้ำแดด รูปหน้าของทั้งสองคนคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน เป็นบิดาบุตรคู่หนึ่ง

“พี่ซ่ง ท่านลุงซ่ง” นางเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

ซ่งชิงเฟิงรีบแนะนำกับบิดา “ท่านพ่อ นี่คือแม่นางไป๋ เมื่อวานนางบอกว่าต้องการสร้างบ้าน”

นายช่างซ่งยิ้มปลื้ม กล่าวกับไป๋จื่อและหูเฟิงว่า “ที่แท้เจ้าก็คือแม่นางไป๋ ก่อนหน้านี้คิดว่าชิงเฟิงล้อข้าเล่นเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง”

จ้าวหลานเดินออกมาจากในเรือน ยิ้มพลางพูดจา “เข้ามาพูดคุยกันข้างในเถอะเจ้าค่ะ ข้าต้มชาหวานๆ ไว้ ดื่มไปคุยไปเถอะ”

ทุกคนเข้าไปในเรือน ไป๋จื่อเชิญพวกเขานั่งลง ก่อนที่ตนเองจะไปที่เรือนไม้ด้านหลัง หยิบพิมพ์เขียวที่เมื่อคืนนางวาดไว้เรียบร้อยแล้วออกมา

นายช่างซ่งนับว่าเป็นช่างดินมาตลอด สร้างบ้านมาทั้งชีวิต ทว่าเขาไม่เคยเห็นพิมพ์เขียวละเอียดเช่นในมือของไป๋จื่อแม้สักครั้ง นางวาดออกมาได้สมจริงอย่างยิ่ง รายละเอียดชัดเจน จุดที่ควรอธิบายอย่างละเอียดก็แจ่มชัดได้มาตรฐาน แม้เขาจะไม่เคยสร้างบ้านเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ทว่ามีพิมพ์เขียวเช่นนี้ เขาคิดว่าจะต้องสร้างบ้านออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน

“แม่นางไป๋ ใครเป็นคนวาดพิมพ์เขียวนี้หรือ” สายตาของนายช่างซ่งไม่ละไปจากพิมพ์เขียวโดยสิ้นเชิง ราวกับเห็นของล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น

ไป๋จื่อยิ้ม “ข้าเป็นคนวาดเองเจ้าค่ะ แต่วาดได้ไม่ดีนัก ทำให้ท่านหัวเราะเยาะแล้ว”

ในที่สุดนายช่างซ่งก็ละสายตาจากพิมพ์เขียว แล้วมองแม่นางน้อยที่อายุเพียงสิบสองสิบสามปีตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นคนวาดเองหรือ”

เด็กสาวพยักหน้า “เจ้าค่ะ ที่ดินอยู่อาศัยของบ้านข้าไม่ใหญ่ ข้าคำนวณด้วยตนเองดูแล้ว ขนาดนับว่าใช้ได้ ท่านสร้างตามนั้นก็ได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านลองคำนวณดูว่าจำเป็นต้องใช้อิฐ กระเบื้อง ไปจนถึงวัสดุสิ่งของอื่นเท่าไร หวังว่าท่าจะช่วยข้าจัดการได้อย่างพร้อมสรรพ ทั้งหมดต้องใช้เงินเท่าไร ท่านบอกข้ามาก็พอเจ้าค่ะ”

นายช่างซ่งถอนใจ “แม่นางช่างเปิดโลกของข้าเสียจริงๆ พิมพ์เขียวเช่นนี้ ข้าคิดว่ามีเพียงนายช่างใหญ่ในเมืองหลวงเท่านั้นที่จะวาดออกมาได้ คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางน้อยเช่นเจ้าก็มีฝีมือเช่นเดียวกัน”

……….

ตอนที่ 166 นายช่างซ่ง

ไป๋จื่อก็คิดไม่ถึงว่านายช่างซ่งจะชื่นชมพิมพ์เขียวของนางเช่นนี้ แม้นางจะวาดออกมาอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงของนางออกมา หากแสดงระดับการวาดรูปของนางขณะที่ตนเองเรียนมหาวิทยาลัยออกมา นางยิ่งวาดได้ละเอียดและสวยงามมากกว่านี้อีก

นางหัวเราะแห้งๆ สองเสียง “ข้าเคยเห็นพิมพ์เขียวที่ประณีตกว่านี้เจ้าค่ะ ของข้าแผ่นนี้แค่วาดตามพิมพ์เขียวของเขาเท่านั้น แก้ไขเพียงขนาดเล็กน้อย ท่านลุงซ่งชมเช่นนี้ ข้าไม่กล้าเทียบหรอกเจ้าค่ะ”

ลุงซ่งเห็นนางถ่อมตนเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกชอบใจ แม้ได้งานจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่หากได้รับงานจากเจ้าของที่ดินผู้เรื่องมาก เช่นนั้นก็ถือว่าโชคร้ายนัก

ครอบครัวตรงหน้าเขานี้ แต่ละคนยิ้มแย้มและเป็นกันเอง การกระทำและการแสดงออกต่างก็หนักแน่นอย่างยิ่ง พูดจาก็มีมารยาทเช่นกัน คิดดูแล้วจะต้องเป็นนายจ้างที่พูดคุยด้วยง่ายอย่างแน่นอน

ครั้นเห็นนายช่างซ่งและซ่งชิงเฟิงเริ่มคำนวณปริมาณอิฐ กระเบื้อง และวัสดุที่ต้องใช้ นางก็พบว่าสายแล้ว จึงกล่าวว่า “ข้าจะไปทำกับข้าว มื้อกลางวันอยู่กินข้าวด้วยกันนะเจ้าคะ”

นายช่างซ่งรีบโบกมือ “ไม่ต้องหรอก มีที่ไหนยังไม่ทันได้ทำงาน ก็กินข้าวของเจ้าบ้านก่อนเสียแล้ว”

ไป๋จื่อโบกมือเช่นกัน “พวกข้าไม่ถือเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว เสียเวลาพวกท่านไปไม่น้อย กินข้าวที่นี่แหละเจ้าค่ะ”

เด็กสาวพูดจบก็ไปที่ครัว จ้าวหลานก็ตามนางไปเป็นลูกมือเช่นกัน ท่านลุงหูยิ้มกล่าวว่า “กินข้าวเสียที่นี่แหละ แค่ข้าวมือเดียวเท่านั้น ไม่ทำให้พวกข้าจนลงหรอกกระมัง”

นายช่างซ่งดีใจ “ตกลง เช่นนั้นพวกข้าสองคนจะกินข้าวที่นี่ พวกเจ้าใจกว้างยิ่งนัก”

ลุงหูก็มีความสุขเช่นกัน “ใจกว้างอะไรกัน อย่าพูดเรื่องนี้เลย ครั้นสร้างบ้านตั้งใจหน่อยก็พอแล้ว จื่อยาโถวเป็นคนจิตใจดี วางใจเถอะ ขอเพียงทำงานดี นางไม่มีทางปฏิบัติไม่ดีกับพวกเจ้าแน่”

นายช่างซ่งชี้ไปที่พิมพ์เขียว “บ้านเช่นนี้ เมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว ไม่รู้จะมีคนในเมืองกี่คนที่อยากสร้างตาม ถึงแม้จะไม่ให้เงินค่าแรง ข้าก็ยอมทำให้”

ลุงหูมองอ่านพิมพ์เขียวไม่เป็น และไม่รู้ว่าสิ่งที่วาดบนพิมพ์เขียวคืออะไรกันแน่ แต่นายช่างซ่งพูดเช่นนี้แล้ว ดูท่าทางจะต้องเป็นบ้านที่สวยมากแน่นอน

หลังจากมื้อกลางวัน นายช่างซ่งแจกแจงวัสดุที่ต้องใช้ออกมาเป็นรายการ เขียนไว้ละเอียดมาก หากไม่รวมกับค่าแรง เพียงแค่ค่าวัสดุคิดเป็นเงินสามสิบตำลึงเงินเท่านั้น

ไป๋จื่อกวาดสายตามองอย่างลวกๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “ตกลงเจ้าค่ะ ค่าวัสดุสามสิบตำลึง เช่นนั้นค่าแรงเล่า”

“แค่ได้สร้างบ้านเช่นนี้ให้เจ้า ข้ากับชิงเฟิงไม่ต้องการเงินหรอก เจ้าแค่คิดรวมค่าเบ็ดเตล็ดเป็นค่าแรงให้ข้าก็พอแล้ว” นายช่างซ่งกล่าว

เด็กสาวส่ายหน้า “ทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ มีที่ไหนทำงานแล้วไม่ต้องการค่าแรง ท่านคิดตามค่าแรงปกติเถอะเจ้าค่ะ”

จ้าวหลานก็ช่วยพูดเช่นกัน “นั่นสิ บนโลกนี้มีที่ไหนทำงานแล้วไม่ต้องการค่าแรง ควรจะเป็นเท่าไรก็ต้องเป็นเท่านั้น”

เห็นพวกนางยืนกรานเช่นนี้ นายช่างซ่งจึงคิดราคามิตรภาพ ถูกกว่าค่าแรงปกติประมาณสามเท่า

เมื่อไป๋จื่อเห็นราคานี้ นางก็แน่ใจว่าลุงซ่งต้องตั้งใจลดราคา ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงเวลาจ่ายให้เขาตามการทำงานจริงก็ใช้ได้

“แล้วค่าวัสดุนั่น ข้าต้องจ่ายเงินมัดจำ หรือว่าจ่ายให้ครบในคราวเดียวเจ้าคะ” นางถาม

นายช่างซ่งรีบกล่าว “เอาอย่างนี้ สิ่งของอย่างอิฐ กระเบื้อง หรือไม้ ทุกบ้านจะจ่ายมัดจำก่อนสองตำลึงเงิน แล้วค่อยส่งของไปให้พวกเขา หลังจากสร้างบ้านเสร็จแล้ว จัดแจงข้าวของครบถ้วนแล้ว ต้องคืนหรือจ่ายเพิ่มเท่าใดก็ค่อยบวกลบกันอีกครั้ง”

ไป๋จื่อพยักหน้า แล้วถามอีก “เช่นนั้นค่าแรงของพวกท่านเล่า จะคำนวณอย่างไรเจ้าคะ”

“ข้าเป็นหัวหน้างาน ค่าจ้างของข้าจะคำนวณหลังจากงานเสร็จแล้ว ส่วนช่างดินและช่างกระเบื้องจะจ่ายสามวันครั้ง ส่วนคนงานทั่วไปจะจ่ายทุกวัน คิดตามรายวันไป” นายช่างซ่งกล่าว

เด็กสาวคิดคำนวณคร่าวๆ แล้ว จึงให้ลุงหูหยิบเงินมาสิบตำลึงเงิน ก่อนที่นางจะส่งสิบตำลึงเงินนั้นให้นายช่างซ่ง “ท่านลุงซ่ง ข้าให้ท่านก่อนสิบตำลึงเงิน นอกจากเงินซื้อวัสดุแล้ว ที่เหลือท่านช่วยข้ามอบให้พวกคนงาน รวมถึงเป็นเงินค่าเดินทางของพวกท่าน ไม่พอแล้วค่อยมาขอจากข้านะเจ้าคะ”