ตอนที่ 167 เช่าบ้าน / ตอนที่ 168 ไม่ว่าง

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 167 เช่าบ้าน

นายช่างซ่งมีสีหน้าตะลึงลาน “ยังไม่ทันได้ทำงานก็จ่ายเงินแล้วหรือ”

ไป๋จื่อยิ้ม “ในเมื่อพวกท่านมาถึงที่บ้าน ทั้งยังอยากรับงานนี้ของข้าจากใจจริง ในเมื่อท่านจริงใจ ข้าเองก็ต้องมอบความจริงใจของข้าให้เช่นกัน ท่านลุงซ่ง ข้าเชื่อใจท่านนะเจ้าคะ ท่านก็เชื่อใจข้าเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราทำงานด้วยกันจะต้องมีความสุขแน่ มีแต่ทำงานอย่างมีความสุขเท่านั้น ถึงจะทำงานที่ดีเยี่ยมออกมาได้”

จำต้องกล่าวว่าบัดนี้นายช่างซ่งรู้สึกซาบซึ้งมาก เขาทำงานช่างมาหลายปีแล้ว ครอบครัวที่มีเงินมากกว่านี้เขาก็เคยพบมาก่อน แต่กลับไม่เคยเจอคนเช่นไป๋จื่อมาก่อน พบเจอกันครั้งแรก กลับมอบความเชื่อใจเช่นนี้ให้เขาแล้ว สิบตำลึงเงินไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ นางก็มอบให้เขาแล้ว

เขารับเงินอย่างเอาจริงเอาจัง ในใจสาบานว่าเขาจะต้องทำงานนี้ด้วยฝีมือทั้งหมอของเขา สร้างบ้านที่ดีที่สุดให้กับนางหลังหนึ่ง

ไป๋จื่อกล่าวอีกว่า “หากท่านสะดวกล่ะก็ ท่านลุงซ่งหาคนเพิ่มหน่อยก็ได้ ระยะนี้ข้ากับท่านแม่อาศัยอยู่ในบ้านของท่านลุงหู แม้จะเหมือนกับบ้านของตนเอง แต่อย่างไรก็ใช้สถานที่ของบ้านท่านลุงหู หากเข้าไปอยู่บ้านใหม่ได้เร็วขึ้นหน่อย ก็ย่อมดีไม่น้อยเจ้าค่ะ”

ลุงซ่งรีบพยักหน้า “ได้ ไม่มีปัญหา ข้าจะจัดการตามนี้” เขาทำงานช่างมานานแล้ว รู้จักช่างดินและช่างกระเบื้องมากมาย หาคนมามากหน่อยไม่ใช่ปัญหา

หลังจากเจรจาการอย่างสบายอกสบายใจเสร็จ ไป๋จื่อก็ไปส่งพวกเขาที่หน้าประตู

“อย่างช้าที่สุดสามวันพวกข้าถึงจะมา เพราะแต่ละคนล้วนเป็นคนต่างเมือง ถึงตอนนั้นปูพื้นนอนในลานบ้านนี้ รวมกับกินข้าวสามมื้อจะได้หรือไม่ น่าจะใช้เวลาไม่นาน หากหาคนได้มากหน่อย สิบวันจนถึงครึ่งเดือนก็ทำโครงเสร็จแล้ว ที่เหลือข้ากับชิงเฟิงทำต่อก็พอ ส่วนคนอื่นกลับบ้านได้”

ไป๋จื่อมองลุงหู อีกฝ่ายพลันพยักหน้า “ได้ แค่ปูพื้นนอนในลานบ้านไม่ใช่หรือ แต่ใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว น้ำค้างลงหนักขึ้นเรื่อยๆ กลัวว่าจะเป็นหวัดกันได้ง่าย”

เด็กสาวคิดดูแล้วก็ถามลุงหูอีก “ในหมู่บ้านของพวกเรามีใครมีบ้านเหลือไม่มีใครอาศัยอยู่บ้างหรือไม่”

ลุงหูส่ายหน้า “บ้านใครๆ ก็อยู่กันไม่พอทั้งนั้น ไหนเลยจะมีบ้านว่างไม่มีคนอาศัยอยู่ เฮ้อ…เดี๋ยวก่อน มีบ้านหลังหนึ่งไม่มีคนอยู่จริงๆ”

“บุตรชายคนโตของท่านหัวหน้าหมู่บ้านมีบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านของพวกเรา เขาย้ายไปอยู่ในเมืองตั้งแต่หลายปีก่อน น้อยครั้งนักจะกลับมาที่หมู่บ้าน มีแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้นถึงจะกลับมาสักครั้ง แต่สองปีมานี้แม้แต่ช่วงเทศกาลก็ไม่ได้กลับมา บ้านจึงว่างมาโดยตลอด ปกติแล้วท่านหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาของเขาจะคอยทำความสะอาดไว้”

ไป๋จื่อดีใจนัก “เช่นนั้นก็เยี่ยมเจ้าค่ะ ข้าจะไปขอเช่าบ้านหลังนี้จากท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ถึงเวลาก็ให้พวกคนงานเข้าไปอยู่ก่อน จะได้ไม่ต้องปูที่นอนอยู่ข้างนอก”

นายช่างซ่งยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง พวกเขาทำงานที่ต้องเลอะไปทั้งตัวเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีนายจ้างคนใดเห็นคุณค่า แล้วจะมีใครสนใจว่าพวกเขาจะนอนบนพุ่มไม้หรือต้นหญ้ากันเล่า

เขาพูดอะไรไม่ออกทั้งนั้น เพียงประสานมือคารวะไป๋จื่อ “แม่นางไป๋ ข้าจะสร้างบ้านหลังนี้ให้เจ้าอย่างดีแน่นอน ขอลา!”

เมื่อส่งนายช่างซ่งไปแล้ว ไป๋จื่อก็ไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านด้วยกันกับลุงหู ครั้นเล่าเรื่องนี้ให้หัวหน้าหมู่บ้านฟังแล้ว เขาก็ตอบรับทันที อีกทั้งไม่ยอมรับเงินเช่าด้วย

“อย่างไรบ้านหลังนี้ก็ว่างอยู่แล้ว มีคนมาอยู่ย่อมดีกว่า จะยังต้องเก็บค่าเช่าอะไรกัน เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ไม่จำเป็นต้องเห็นเป็นคนนอกถึงเพียงนั้น”

ไป๋จื่อจะยอมได้อย่างไร นางคิดหาทางขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านไว้แล้ว โอกาสอันดีที่ยากจะหามาได้เช่นนี้ นางจะพลาดไปได้อย่างไร สุดท้ายนางก็ยัดเงินสองตำลึงใส่มือของหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วจูงมือลุงหูรีบร้อนจากไป

ในมือหัวหน้าหมู่บ้านเป็นเงินก้อนหนึ่ง เขามองเงาหลังอันรีบร้อนของจื่อยาโถวแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เด็กสาวผู้นี้ช่างจริงใจเหลือเกิน เช่าบ้านผุพังสักหลัง ไหนเลยจะต้องใช้เงินมากขนาดนี้

……….

ตอนที่ 168 ไม่ว่าง

เขาก็ไม่ใช่คนโง่ จะไม่รู้เจตนาของไป๋จื่อได้อย่างไร ในใจเขารู้สึกซาบซึ้งเช่นกัน เด็กสาวผู้นี้ช่างเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคน ทั้งยังรู้จักตอบแทน นับว่าเขาไม่ได้สายตาฝ้าฟาง และไม่ได้ช่วยคนผิด

เมื่อกลับไปถึงบ้าน หมอลู่กำลังรออยู่ที่หน้าประตู ครั้นเห็นพวกเขากลับมา จึงรีบถามว่า “ใต้เท้าเมิ่งไม่อยู่หรือ”

ไป๋จื่อรีบตอบเช่นกัน “วันนี้พวกข้าเข้าไปเก็บสมุนไพรในเขา เจอเสือจู่โจมเข้า เขาได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือข้า จึงกลับไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านมีธุระอะไรกับเขาหรือ”

ทันทีที่ได้ยินว่าใต้เท้าเมิ่งถูกเสือทำร้าย หมอลู่ก็ตกใจตัวโยน “บาดเจ็บหนักหรือไม่”

เด็กสาวส่ายหน้า “ตอนนั้นข้าสลบไป จึงไม่เห็นบาดแผลของเขา ได้ยินจากหูเฟิงว่าเป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเจ้าค่ะ”

หมอลู่ร้องอ๋อเสียงหนึ่ง ก่อนจะถอนใจว่า “ดูท่าคดีนี้ของสกุลไป๋ คงต้องรอเขาหายดีก่อนค่อยตัดสิน”

“คดีของสกุลไป๋? คดีอะไรหรือเจ้าคะ” ไป๋จื่อตาเป็นประกาย

หมอลู่หยิบหนังสือแสดงหนี้ออกมาจากในอก แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟังรอบหนึ่ง “โชคดีที่ข้าป้องกันเอาไว้ก่อน นำหลักฐานปลอมให้นางดู แล้วก็เดาไว้ไม่ผิดจริงๆ ยายเฒ่านั่นไม่คิดจะคืนเงินโดยสิ้นเชิง”

ไป๋จื่อพูดไม่ออก “นางสุดยอดจริงๆ ทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด ท่านหมอลู่ ท่านอย่าได้ปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะคิดว่าการเบี้ยวหนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

หมอลู่พยักหน้า “ถูกต้อง ข้าถึงมาหาใต้เท้าเมิ่ง ในเมื่อเขาไม่อยู่ วันหลังข้าค่อยไปหาเขาที่ศาลาว่าการแล้วกัน”

หลังจากบ้านรองของสกุลไป๋ขุดผักป่าเสร็จแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่บ้านพี่รองของจางซื่อ จางเอ้อร์หนิวเป็นคนซื่อสัตย์ จิตใจดีคนหนึ่ง ครั้นเห็นน้องสาวมา ทั้งยังนำผักป่าที่เพิ่งขุดได้มาด้วย เขาก็รีบไปกำชับภรรยาว่าให้ต้มโจ๊กมากหน่อย

พวกเขากินข้าวที่บ้านของจางเอ้อร์หนิวอย่างเปรมปรีดิ์ แล้วถึงสะพายตะกร้าเปล่ากลับไปที่สกุลไป๋

พวกบ้านใหญ่หิวจนหน้าอกติดกับแผ่นหลังแล้ว ล้วนนั่งรอคอยบ้านรองกลับมาอยู่ที่หน้าบ้านอย่างพร้อมเพรียง

เจ้าใหญ่ที่นั่งอยู่ในลานบ้านได้ยินเสียงคนเดินมา ก่อนจะเห็นบ้านรองสะพายตะกร้ากลับมาแต่ไกล ในที่สุดใบหน้าที่เดิมทีขมวดเกร็งก็เผยให้เห็นรอยยิ้มจาง แล้วยื่นมือไปสะกิดหลิวซื่อว่า “ยังตะลึงลานอะไรอยู่ รีบไปต้มน้ำ”

ในบ้านไม่มีข้าวและน้ำมัน ขุดผักป่ากลับมา ก็ทำได้แค่ต้มกินกับน้ำแล้ว

แม้ผักป่าที่ต้มกับน้ำจะขมฝาด ทว่าย่อมดีกว่าปล่อยให้ท้องหิว มีอะไรให้กินก็นับว่าไม่เลวแล้ว

หลิวซื่อหิวจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง ไหนเลยจะมีแรงไปทำงานอีก แม้แต่ยืนก็รู้สึกว่าเปลืองแรงนัก “ท่านแม่ ข้าไม่ได้กินข้าวหลายมื้อแล้ว หิวจนตาลายไปหมด ให้น้องสะใภ้ต้มน้ำเถิด”

หญิงชราถลึงตามองนาง “เจ้าพูดให้มันน้อยๆ หน่อย เดิมทีนางก็ออกไปโดยไม่เต็มใจอยู่แล้ว ตอนนี้กลับมาแล้วยังต้องให้นางทำงานอีกหรือ เจ้าเห็นนางเป็นจ้าวหลานใช่หรือไม่ พูดจาให้ดีๆ หน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”

หลิวซื่อส่งสายตาไปหาบุตรชายสองคน พวกเขาพากันเบือนสายตามองไปทางอื่น สองมือของสามีก็ยังไม่หายดี ยิ่งหวังพึ่งไม่ได้…

นางเดินโซซัดโซเซไปที่หลังครัว เทน้ำใส่หม้อ ทว่ายังไม่ทันได้จุดไฟ ก็ได้ยินเสียงก่นด่าดังมาจากด้านหน้า

หลิวซื่อพลันทิ้งฟืนในมือลง รีบวิ่งไปที่ลานบ้านด้านหน้า นางเห็นบ้านรองทั้งสี่คนถือตะกร้ากันทุกคน ทว่าตะกร้ากลับว่างเปล่าเหมือนตอนที่เพิ่งออกจากบ้าน อย่าว่าแต่ผักป่าเลย แม้แต่หญ้าสักต้นก็ไม่เห็น

นางถลันไปข้างหน้า ตว้าตะกร้าใบหนึ่งมาดู ก่อนจะกวาดสายตามองในลานบ้านครั้งหนึ่ง ไม่มีผักแม้สักต้นจริงๆ!

สุดท้ายนางถามจางซื่อว่า “ผักเล่า? ผักป่าที่พวกเจ้าขุดมาอยู่ที่ใด”